
เที่ยว ท่าแร่ ตามแสงแห่ดาวไปชมตึกเก่าอินโดจีนฝรั่งเศส ชุมชนคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในไทย
- บ้านท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกใหญ่สุดในไทย ซึ่งสามารถย้อนประวัติศาสตร์ไปได้กว่า 141 ปี กับการเดินทางมาภาคอีสานของคณะมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสและก่อตั้งบ้านท่าแร่ขึ้น
- แห่ดาว เป็นเทศกาลสำคัญของชาวคริสต์ที่ท่าแร่ เป็นเทศกาลที่มีเพียงหนึ่งเดียวในไทยและในโลก สะท้อนถึงความผสมผสานทางวัฒนธรรมอีสานและศาสนาคริสต์
ภาพยนตร์ ท่าแร่ ได้ปลุกกระแสท่องเที่ยวจังหวัดสกลนครให้กลับมาคึกคักอีกครั้งโดยเฉพาะ บ้านท่าแร่ ชุมชนคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสามารถย้อนประวัติศาสตร์ไปได้กว่า 141 ปี กับการเดินทางมาภาคอีสานของคณะมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสเพื่อเผยแผ่ศาสนา ซึ่งในขณะที่สังคมไทยในสมัยนั้นที่ยังมีการต่อต้านความต่างทางศาสนา คณะมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสได้พากลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นญ้อ โส้ ภูไท ลาว เวียดนาม ลาว หรือแม้แต่คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ผีปอบ” ล่องเรือข้ามหนองหารมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ ท่าแร่



ทั้งหมดทำให้ท่าแร่มีความผสมผสานทางวัฒนธรรมทั้งเวียดนาม ลาว ชาติพันธุ์อีสาน จนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นที่อยู่ร่วมกันโดยกฎแห่งศาสนจักรซึ่งถูกวางรากฐานไว้อย่างแข็งแรง แม้แต่การวางผังเมืองของบ้านท่าแร่ก็มีการจัดระเบียบผังเมืองอย่างตะวันตกเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตารางหมากรุกมาตั้งแต่แรก และนั่นก็ยิ่งทำให้ท่าแร่เหมาะแก่การเดินเที่ยวแบบ One Day Walk ชมตึกโบราณสถาปัตยกรรมอินโดจีนฝรั่งเศส สลับกับบ้านไม้แบบอีสานดั้งเดิม สู่ถนนแห่งดวงดาวที่มีการทำดาวประดับเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลแห่ดาวในคริสต์มาส ส่วนจะมีพิกัดไหนเป็นไฮไลต์ของท่าแร่บ้างนั้น ตีตั๋วสกลนครและตามมาได้เลย

อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
การก่อตั้งหมู่บ้านมีคาแอลแห่งหนองหารขึ้น ณ บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร เริ่มต้นใน พ.ศ. 2427 พร้อมกับการสร้างศาสนสถานประจำชุมชน นั่นก็คือ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ซึ่งยุคแรกเป็นเพียงโรงเรือนชั่วคราวทำจากไม้และค่อยๆ ขยับมาเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน พร้อมกันนั้นก็มีการปรับปรุงและปรับแบบเรื่อยมาจนมาถึงปัจจุบันเป็นอาสนวิหารที่ถอดดีไซน์มาจากเรือ ซึ่งนอกจากจะสื่อถึงเรือโนอาห์ในคริสตศาสนาแล้ว ก็ยังย้อนไปถึงประวัติศาสตร์การตั้งชุมชนท่าแร่ที่อพยพลงเรือจากตัวเมืองสกลนครข้ามหนองหารมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่บ้านท่าแร่แห่งนี้

พิพิธภัณฑ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล
ด้านล่างของอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล จัดแสดงประวัติศาสตร์การก่อตั้งชุมชนคาทอลิกท่าแร่ พร้อมประวัติอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลในแต่ละยุคสมัย รายนามบุคคลสำคัญ รวมทั้งยังรวบรวมวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับอาสนวิหารในแต่ละยุคสมัย ที่น่าสนใจคือ ตู้ศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นงานประดับกระจกและงานออกแบบที่เราคุ้นเคยในวัดไทย ทว่ามีสัญลักษณ์ไม้กางเขนอยู่ด้านบน สะท้อนถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าแร่ (สำหรับการเข้าชมต้องแจ้งทางอาสนวิหารก่อนเข้าชม หรือ โทร. 042-751-090)

เทศกาลแห่ดาว
หนึ่งเดียวในไทยและเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลกก็ได้สำหรับ เทศกาลแห่ดาว งานประเพณีของชาวคริสตังท่าแร่ที่จัดขึ้นในช่วงคริสต์มาส ในช่วงนั้นทั่วทั้งหมู่บ้านจะมีการประดับตกแต่งไฟที่เป็นรูปดาวไว้ตามหน้าบ้าน ท้องถนน พร้อมจัดขบวนแห่ดาวอย่างยิ่งใหญ่ไปยังอาสนวิหารเทวดามีคาแอล โดยในค่ำคืนวันที่ 24 ธันวาคม จะมีขบวนแห่ดาวเล็กแบบดั้งเดิม ส่วนค่ำคืนวันที่ 25 ธันวาคม จะเป็นขบวนแห่ดาวใหญ่ นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมด้วยการแห่ดาวทางน้ำที่หนองหารประมาณวันที่ 22-23 ธันวาคม โดยช่วงเดือนธันวาคมใกล้ถึงงานเทศกาลแห่ดาว ชาวท่าแร่จะประดับตกแต่งบ้านเรือน ท้องถนนด้วยแสงแห่งดวงดาว ทำให้บรรยากาศของที่นี่แตกต่างจากจังหวัดในภาคอีสานอื่นๆ อย่างชัดเจน

บ้านโบราณฟรานซิสโก
บ้านท่าแร่นอกจากจะมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบโดยมิชชันนารีฝรั่งเศสตั้งแต่เริ่มสร้างชุมชนแล้ว ตัวอาคารบ้านเรือนก็ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสามารถเดินทัวร์ชมสถาปัตยกรรมได้เพลินมากๆ แบ่งได้เป็นเรือนไม้แบบอีสาน และอาคารโบราณก่ออิฐที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างฝรั่งเศส เวียดนาม บ้างก็ใส่ความเป็นไทย จีน ลงไปนิดๆ โดยอาคารเหล่านี้อายุไม่ต่ำกว่า 70 ปี และมีเอกลักษณ์เฉพาะของช่างชาวเวียดนามในอดีต เช่น ใช้ปูนขาวผสมทรายผสมน้ำยางบงแทนการใช้ปูนซีเมนต์ในการก่อฉาบอาคาร การเรียงอิฐในวงอาร์คโค้งเหนือกรอบประตูหน้าต่างตามแบบฝรั่งเศส เป็นต้น โดยหนึ่งในอาคารเก่าที่ต้องปักหมุดได้แก่ บ้านโบราณฟรานซิสโก ซึ่งตกทอดสู่ทายาทรุ่นที่ 6 ปัจจุบันเปิดเป็นร้านข้าวเปียก และยังอนุรักษ์โครงสร้างของบ้านไว้โดยเฉพาะแท่นบูชาด้านในที่สร้างติดกับตัวบ้านมาตั้งแต่แรก

คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์
คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ หรือปัจจุบันคือ UDD Udomdetwat Cafe & Bistro คาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกท่าแร่ที่โดดเด่นด้วยการอนุรักษ์อาคารเก่าโคโลเนียลที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านไว้ เจ้าของคฤหาสน์ดั้งเดิมคือ “คำสิงห์ อุดมเดช” สร้างอาคารสไตล์โคโลเนียล 2 ชั้นริมถนนราษฎร์เจริญ ชั้นบนเป็นบ้านพักส่วนชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าพาณิชย์ ปัจจุบันเปิดเป็นคาเฟ่เพียงชั้นล่าง ส่วนชั้นบนปิดไม่ให้เข้าชม

คฤหาสน์โสรินทร์
ติดกันกับคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ คือ คฤหาสน์โสรินทร์ เป็นอาคารโคโลเนียลฝรั่งเศสเวียดนามในยุคเดียวกัน แต่ปัจจุบันถูกปิดไว้ไม่ได้ใช้งาน ความน่าสนใจคือด้านหลังบ้านมียุ้งฉางเก็บข้าวแบบครัวเรือนอีสานขนาดใหญ่ ซึ่งว่ากันว่านี่คือตัวชี้วัดที่สามารถระบุได้ว่าเจ้าของบ้านคือผู้มีฐานะดีร่ำรวยที่สุดในท่าแร่

ตึกหิน
อาคาร 100 ปีที่สร้างจากหินศิลาแลงเกือบทั้งหลัง ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสและเวียดนาม บวกกับการถ่ายเทอากาศแบบไทยๆ “ตึกหิน” เป็นอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหัก แต่กระนั้นตึกหลังนี้ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากเพราะเป็นที่ที่ “โฮจิมินห์” เคยมาลี้ภัย อีกทั้งช่วงที่มีการต่อต้านคนต่างศาสนาจนโบสถ์ถูกปิดและห้ามมีพิธีกรรมทางศาสนา เหล่าบาทหลวงและสัตบุรุษพากันแอบมาทำพิธีบูชามิสชาที่ตึกหินแห่งนี้

ถนนคนทำดาว
ดวงดาวแห่งท่าแร่ไม่ได้ฉายแสงแค่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น แต่การเกิดขึ้นของประเพณีแห่ดาวยังก่อให้เกิด ถนนคนทำดาว ซึ่งสองข้างถนนจะเป็นร้านและบ้านที่รับทำดวงดาวที่ทำกันตลอดทั้งปี ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ โดยดาวแบบดั้งเดิมจะเป็นดาว 5 แฉกโครงไม้ไผ่ประดับกระดาษแก้วสะท้อนแสงไฟ ส่วนดาวแบบใหม่มีการประดับดิ้นและดีไซน์ใหม่และไม่ได้ใช้โครงไม้ไผ่ มีทั้งดาวดวงเล็ก ดวงใหญ่ รวมทั้งดวงดาวสำหรับเป็นของที่ระลึก ใครที่อยากเรียนรู้การทำดาวแบบฉบับบ้านแร่แวะมาเดินบนถนนคนทำดาวได้

บ้านไม้เก่าแบบอีสาน
หากได้ชมภาพยนตร์ท่าแร่ เราจะเห็นซีนที่เป็นบ้านไม้เก่า 2 ชั้น มีชานระเบียงแบบอีสานประดับด้วยรูประเยซู ดวงดาว สายรุ้งคริสต์มาส ซึ่งบ้านไม้แบบนี้ยังคงมีให้เห็นอยู่จริงที่ท่าแร่สลับกับภาพของอาคารเก่าโคโลเนียล ใครสนใจเรื่องของสถาปัตยกรรมบอกเลยว่าไม่ผิดหวังท่ามาเดินซอกแซกเที่ยวชุมชนท่าแร่

ร้านนำสมัย
นอกจากเรือนไม้ 2 ชั้นแบบอีสานแล้วที่ท่าแร่ยังมีบ้านชั้นเดียวประตูไม้บานเฟี้ยมแบบเก่า เช่นที่ ร้านนำสมัย ร้านขายของชำประจำหมู่บ้านที่ในร้านมีตู้โชว์ของแบบเก่าจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บ้านหลังนี้ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน หลากหลายธุรกิจ ทั้งร้านเย็บผ้า ร้านขายยา รวมทั้งร้านถ่ายรูป ซึ่งถือว่าเป็นความนำสมัยในอดีตสมชื่อร้าน

ทะเลสาบหนองหาร
จากใจกลางชุมชนท่าแร่สามารถเดินเชื่อมไปยังทะเลสาบหนองหาร แหล่งน้ำธรรมชาติที่เป็นพื้นที่แก้มลิงขนาดใหญ่รองรับน้ำในฤดูฝนจากพื้นที่ราบสูงรอบๆ หนองหารและจากเทือกเขาภูพานผ่านมาตามลำห้วยลำน้ำก่อนไหลลงแม่น้ำโขงตามลำน้ำก่ำที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม รอบๆ หนองหารมีเกาะแก่งเล็กๆ และเป็นแหล่งหากินของนกหลากหลายสายพันธุ์โดยเฉพาะนกอีโก้ง ซึ่งสามารถเห็นได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีจุดชมพระอาทิตย์ตก และมีเทศกาลแห่ดาวทางน้ำที่ทะเลสาบหนองหารในช่วงคริสต์มาสอีกด้วย

สะพานธรรมชาติดอนโพธิ์
มาถึงทะเลสาบหนองหารบริเวณบ้านท่าแร่ต้องปักหมุดชมพระอาทิตย์ตกที่ สะพานธรรมชาติดอนโพธิ์ ซึ่งเป็นทางเดินที่ทอดยาวกลางทะเลสาบหนองหาร เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยเบอร์ต้นของของสกลนคร

Fact File
- ใครที่สนใจประสบการณ์เดินเที่ยวย่านเช่นที่ท่าแร่ ตอนนี้มีเว็บแอปพลิเคชันเดินเที่ยวชุมชน WABU ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนไกด์ มี GPS นำทางและใส่ข้อมูลสำคัญของแต่ละจุด ซึ่งเปิดนำร่องในบ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนครด้วย
- ติดตามข้อมูลบ้านท่าแร่ได้ที่ www.facebook.com/bantharae
