เรื่องเบื้องหลัง โขนพระราชทาน รื้อฟื้นขนบโขนโบราณกรุงศรีอยุธยาสู่มรดกโลก
Arts & Culture

เรื่องเบื้องหลัง โขนพระราชทาน รื้อฟื้นขนบโขนโบราณกรุงศรีอยุธยาสู่มรดกโลก

Focus
  • โขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หรือ โขนพระราชทาน หรือ โขนศิลปาชีพฯ เริ่มทำการแสดงครั้งแรกใน พ.ศ. 2550 ด้วยตอน “พรหมมาศ”
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรื้อฟื้นและทำนุบำรุงโขนไทยตามขนบโบราณให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง พร้อมการคืนชีพงานหัตถศิลป์โบราณหลากหลายแขนงที่เกี่ยวเนื่องกับโขน

หนึ่งในการแสดงโขนที่สำคัญของไทย และได้ความนิยมอย่างมากคือ การแสดงโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หรือ โขนพระราชทาน หรือที่หลายคนเรียกว่า โขนศิลปาชีพฯ ซึ่งมีจุดเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2550 และเปิดการแสดงทุกปี ปีละครั้งมาจนถึงปัจจุบัน

โขนพระราชทาน

โขนมูลนิธิฯ แตกต่างด้วยการเน้นการดำเนินเรื่องกระชับฉับไวพร้อมอุปกรณ์ประกอบฉาก แสง สี เสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ เต็มไปด้วยฉากสู้รบที่เร้าใจ คลุกเคล้าความสนุกด้วยมุกตลก แต่ยังคงสืบสานความวิจิตรของศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งในด้านวรรณศิลป์ คีตศิลป์ หัตถศิลป์ และวิจิตรศิลป์ตามขนบโขนโบราณโดยมี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นผู้ทรงรื้อฟื้นและทำนุบำรุงโขนไทยตามขนบโบราณให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง พร้อมการคืนชีพงานหัตถศิลป์โบราณหลากหลายแขนงที่เกี่ยวเนื่องกับโขน

โขนพระราชทาน

ปัจจุบัน โขน ได้ขยับความสำคัญจากแค่มหรสพโบราณสู่การเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติรายการแรกของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกเมื่อ พ.ศ.2561 โดยโขนเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทั้งในราชสำนักและตามบ้านขุนนางชั้นสูงก็มักจะมีการฝึกหัดการแสดงโขน เพื่อแสดงในงานมหรสพหลวงและพิธีต่างๆ ส่วนมากนิยมแสดงเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งมีที่มาจากมหากาพย์รามายณะของอินเดีย

Sarakadee Lite พาไปรู้จัก โขนพระราชทาน ว่าทำไมถึงเป็นโขนที่ใครๆ ก็ยกให้เป็นการแสดงที่ “ต้องดูสักครั้ง” รวมทั้งเป็นความฝันสูงสุดของนักแสดงโขนที่ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากมีโอกาสได้ขึ้นแสดงบนเวทีโขนพระราชทาน

โขนพระราชทาน

“การจัดแสดงโขนไม่ใช่เรื่องง่าย คณะครูผู้เชี่ยวชาญการโขน ศิลปินแห่งชาติ ผู้แสดงและจัดการแสดง ต่างก็ทุ่มเทฝีมือและแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลัง ทำให้โขนออกมาสนุก ตื่นเต้น และสวยงาม มีฉากที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่ เป็นที่ประทับใจคนดู ทุกครั้งที่จัดการแสดงโขน คณะกรรมการจะคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่มาเป็นผู้แสดงร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาฝึกฝนศิลปะการแสดงชั้นยอดของไทยจากปรมาจารย์โดยตรง เมืองไทยจะได้มีนักแสดงฝีมือดีสืบทอดวิชาต่อไป ขณะเดียวกันก็มีการจัดสร้างเครื่องแต่งกายและฉากใหม่ ๆ ทำให้เกิดช่างฝีมือหลายประเภทที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นตามลำดับ รวมทั้งวงดนตรีปี่พาทย์ ผู้ขับร้อง และผู้พากย์บทด้วย ขณะนี้จึงพอมีหวังแล้วว่า โขนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชิ้นเอกของไทยคงไม่สูญหายไป….” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

โขนพระราชทาน

“โขนพระราชทาน” โขนที่คนไทยควรดูสักครั้ง

โขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หรือ โขนพระราชทาน หรือ โขนศิลปาชีพฯ เริ่มทำการแสดงครั้งแรกใน พ.ศ. 2550 ด้วยตอน “พรหมมาศ” โขนมูลนิธิฯ แตกต่างด้วยการดำเนินเรื่องกระชับฉับไว แต่ก็แตกต่างจากโขนพื้นบ้านที่มีอุปกรณ์ประกอบฉาก แสง สี เสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเต็มไปด้วยฉากสู้รบที่เร้าใจและคลุกเคล้าความสนุกด้วยมุกตลกที่พอเหมาะ จึงเป็นโขนที่ร่วมสมัยเหมาะสมกับผู้ชมทุกเพศทุกวัย แต่ยังคงสืบสานความวิจิตรของศิลปวัฒนธรรมไทยตามขนบโขนโบราณทั้งในด้านวรรณศิลป์ คีตศิลป์ หัตถศิลป์ และวิจิตรศิลป์

โขนพระราชทาน

“คืนชีพช่างหัตถศิลป์” ฟื้นเครื่องโขนตามขนบโบราณ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักว่านอกเหนือจากความอ่อนช้อยในการร่ายรำ เครื่องแต่งกายคือสิ่งสำคัญที่ส่งเสริมให้โขนดึงดูดใจผู้ชม แต่ชุดโขนแบบโบราณต้องใช้งานประณีตศิลป์ชั้นสูง หลายแขนงมารวมกัน การจะทำชุดโขนจึงต้องใช้เงินจำนวนมาก โขนทั่วไปที่ไม่ได้มีทุนในการจัดแสดงสูงจึงมีการลดความประณีตในการปัก บ้างก็ใช้ผ้าแข็ง หนา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการแสดง ต่อเมื่อมีการก่อตั้งโขนพระราชทาน พระองค์จึงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ผู้เชี่ยวชาญฟื้นฟูเครื่องแต่งกายโขนโบราณให้กลับคืนมา ซึ่งนอกจากจะทำให้โขนมีความวิจิตรขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการคืนชีพงานหัตถศิลป์ไทย และผ้าไทยแบบโบราณที่นำมาตัดชุดโขน เช่น ผ้ายกจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง และศูนย์ศิลปาชีพบ้านตรอกแค จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากผ้าแล้วก็ยังมีหัตถศิลป์โบราณอีกหลายแขนงที่เกี่ยวเนื่องกับโขนที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ถนิมพิมพาภรณ์ หรือ ศิราภรณ์

โขนพระราชทาน

“การแต่งหน้าสำหรับโขน” ค้นคว้าจากจิตรกรรมโบราณ

หลังจากที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมุ่งมั่นทำนุบำรุงการแสดงโขน ได้มีพระราชดำริส่งเสริมการแต่งหน้าโขนขึ้นใหม่ เน้นให้ค้นคว้าจากจิตรกรรมโบราณผนวกกับศิลปะการแต่งหน้าสมัยใหม่จนเกิด “การแต่งหน้าสำหรับโขน” โดยเฉพาะเพื่อขับความเป็นไทยให้ออกมาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งให้เหมาะกับการแสดงที่ใช้แสงไฟเวที โดยการแต่งหน้าโขนจะใช้สีหลัก ได้แก่ สีขาว สีดำ สีแดง ทำให้ตัวละครดูโดดเด่น ส่วนสีรองคือ สีขาว สีครีม สีส้มอ่อน สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลอ่อน และสีน้ำตาลเข้ม เรียกการแต่งหน้าโขนประเภทนี้ว่า “แนวพระราชนิยม”

“เปิดรับนักแสดงหน้าใหม่” คัดเลือกเยาวชนทั่วประเทศทุกปี

ในการแสดงโขนพระราชทานนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้รับสมัครนักแสดงใหม่ในทุกเรื่องที่ทำการแสดงทุกปี เพื่อให้เยาวชนวิชานาฏศิลป์ได้แสดงออกในสิ่งที่เล่าเรียนมาบนเวทีระดับประเทศร่วมกับศิลปินมืออาชีพจากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ทั้งยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมสืบสานศิลปะชั้นสูงของชาติและเรียนรู้จากครูโขนระดับอาชีพ โดยก่อนที่การแสดงโขนจะเริ่มจะมีการประกาศรับนักแสดง และทำการคัดสรรผู้เหมาะสมเป็นโขนพระ ละครพระ ตัวนาง โขนยักษ์ และโขนลิง ตามธรรมเนียมโขนหลวงโบราณ และความเข้มข้นของการคัดเลือกนี่เองที่ทำให้โขนพระราชทาน เป็นที่สุดความใฝ่ฝันของนักแสดงโขน

โขนพระราชทาน

“ส่งเสริมอาชีพทำหัวโขน” ไม่จบแค่เวทีการแสดง

หัวโขนนับเป็นงานหัตถศิลป์โบราณที่มีการสืบทอดต่อกันมาหลากหลายชั่วอายุคน สำหรับการทำหัวโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ นั้นมีมานานแล้ว โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รับสั่งให้ทำหัวโขนแบบย่อส่วนให้มีขนาดเล็กลง เพื่อพระราชทานเป็นของขวัญแก่พระราชอาคันตุกะต่างประเทศ พอพระองค์ทรงมาสืบสานเรื่องการแสดงโขน ก็ยิ่งทำให้กระแสเรื่องหัวโขนเป็นที่นิยมตามมาด้วย รวมทั้งพระองค์ยังทรงให้รื้อพื้นการทำหัวโขนแบบโบราณขึ้นมา โดยหัวโขนโบราณนี้ที่ต้องใช้กระดาษข่อยจากต้นข่อยมาทำเป็นกระดาษเพื่อขึ้นโครงหัวโขน กลายเป็นว่าเมื่อ โขนพระราชทาน ได้รับความนิยม ช่างทำหัวโขนก็เริ่มมีงาน อีกทั้งช่างทำกระดาษข่อยแบบโบราณก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาเช่นกัน

“ฉากสุดอลังการ” เอกลักษณ์โขนพระราชทาน

นอกจากความอลังการของฉากยกรบ หรือความวิจิตรของชุดโขนแล้ว อีกสิ่งที่ผู้ชม โขนพระราชทาน ตั้งตารอคือเทคนิคอันทันสมัยที่ทำให้ฉากแต่ละฉากมีความอลังการและความน่าตื่นเต้น เช่น หนุมานขยายกายยาว 15 เมตรที่ขยายกายได้จริง ผีเสื้อสมุทรสูงเกือบ 6 เมตรที่หนุมานผ่าท้องออกมาได้ หรือฉากพระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ที่ที่จำลองพระที่นั่งในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ยุคกรุงศรีอยุธยา รวมทั้งจิตรกรรมประกอบฉากยาวราว 20 เมตร ที่วาดขึ้นใหม่ในทุกปี

“อาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน”  รวมเบื้องหลังโขนพระราชทาน

อาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นทั้งโรงสร้างฉาก และแหล่งเรียนรู้เรื่องราวของศิลปะการแสดง โขนพระราชทาน รวมทั้งงานศิลปะแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับโขนศิลปาชีพ ตลอดจนจัดเก็บฉากและนำอุปกรณ์ประกอบฉากชิ้นเด่นจำนวนมากที่เคยปรากฏโฉมบนเวทีแสดงโขนศิลปาชีพตอนต่างๆ อาทิ ฉากหนุมานอมพลับพลาในการแสดงตอนศึกไมยราพ ฉากเรือสำเภาหลวงในการแสดงตอนพิเภกสวามิภักดิ์ ซึ่งถูกนำมาจัดแสดงด้วยเทคนิคที่ทันสมัยแบบถาวร กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวมองค์ความรู้เกี่ยวกับโขนและประวัติของโขนพระราชทาน


Author

ศรัณยู นกแก้ว
Editor ที่ผ่านทั้งงานหนังสือพิมพ์ พ็อกเก็ตบุ๊ค และนิตยสาร ปัจจุบันยังคงสมัครใจเป็นแรงงานด้านการผลิตคอนเทนต์