อ่านภาพ ฟังเสียง และเขียนจดหมายถึงตัวเองใน 10 ปีข้างหน้ากับ ซันเต๋อ
Arts & Culture

อ่านภาพ ฟังเสียง และเขียนจดหมายถึงตัวเองใน 10 ปีข้างหน้ากับ ซันเต๋อ

Focus
  • SUNTUR หรือ ซันเต๋อ-ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล ศิลปินนักวาดภาพประกอบที่โดดเด่นอยู่บนปกหนังสือ พ็อกเก็ตบุ๊ก กระเป๋าผ้า เคสโทรศัพท์ไปจนถึงของพรีเมียมแบรนด์ต่าง ๆ 
  • A little letter from someone somewhere นิทรรศการครั้งใหม่ของซันเต๋อ เป็นนิทรรศการภาพบวกเสียงที่เขายอมรับว่าเหนื่อยที่สุดเท่าที่เคยทำนิทรรศการมา

(a little tip)

Don’t forget to scan the QR code to hear the sound of painting

เรากดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 3 ของ JWD Art Space ซึ่งตั้งอยู่ในซอยจุฬาลงกรณ์ 16 พร้อมกับสมาร์ตโฟนและหูฟังประจำตัว แบบที่ SUNTUR เจ้าของนิทรรศการที่กำลังจัดแสดงอยู่ มักย้ำเตือนผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของเขา นิทรรศการที่ว่าคือ A little letter from someone somewhere โดย SUNTUR หรือ ซันเต๋อ – ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล และอีก 26 ศิลปินที่มาร่วมคอลแลบส์ ซึ่งเราอยากชวนทุกคนไปดูและฟังเสียงจากภาพวาดของเขา

ซันเต๋อ
ซันเต๋อ

คอนเซ็ปต์ของนิทรรศการในครั้งนี้คือ ข้อความที่ส่งจากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่ง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ที่ ซันเต๋อ พบเจอทั้งด้วยตัวเอง เรื่องราวที่คุยกับเพื่อน สิ่งที่เจอพบบนอินเทอร์เน็ตหรือเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิต แรงบันดาลใจเหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่ซันเต๋อเริ่มวาดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 ด้วยเทคนิคสีอะคริลิกแบบที่เขาชอบและถนัด

แน่นอนว่าเรื่องราวของภาพทั้ง 25 ภาพที่จัดแสดงอยู่บริเวณห้องโถงกลาง มาจากการตีความและถ่ายทอดตามประสบการณ์ของซันเต๋อ ซึ่งการได้ใช้สายตาซูมดูรายละเอียดต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในภาพแต่ละภาพ ผู้ชมแต่ละคนก็อาจตีความต่างออกไปตามประสบการณ์และมุมมองของตัวเอง

ซันเต๋อ

ติดกันกับภาพวาดมี QR Code ซึ่งเมื่อสแกนแล้วจะลิงก์ไปยังเสียงประกอบที่ซันเต๋อชวนศิลปินมาตีความภาพของเขาออกมาเป็นเสียง โดยที่เขาไม่ได้ให้โจทย์และไม่แก้งานใด ๆ เลย ทำให้ซาวด์ที่ออกมามีทั้งแบบทำนองดนตรี เพลงที่มีเนื้อร้องหรือไดอะล็อกหนังสั้นที่สามัญแต่บาดลึก ซึ่งบางชิ้นฟังแล้วซันเต๋อเองก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน แต่จะเป็นอย่างไรเราอยากให้ทุกคนลองไปฟังด้วยตัวเอง

นิทรรศการเหมือนกำลังชักชวนให้เราหยุดเพื่อใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและรับฟังเสียงที่กำลังได้ยิน ซึ่งบางทีการมอง อ่าน และฟังนั้นอาจทำให้เราพบสารหรือข้อความบางอย่างจากตัวเอง ซึ่งอีกเสียงที่เราว่านิทรรศการกำลังพูดกับเราผ่านสิ่งที่จัดแสดงนั่นคือ “ถ้าจะบอกอะไรสักอย่างกับตัวเองหรือใครสักคน จะบอกว่าอะไร” ซึ่งกิมมิกหนึ่งของนิทรรศการคือเปิดโอกาสให้เราได้เขียนสิ่งนั้นลงบนโปสต์การ์ดหรือจดหมาย ซึ่งข้อความเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังจุดหมายในอีก 10 ปีข้างหน้าจริง ๆ

เวลาไข โดยประมาณ ปีพ.ศ.2573

หลังม่านสีดำเปิดเข้าสู่อีกห้องหนึ่งของนิทรรศการ ตู้ไปรษณีย์สีแดงตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งรอคอยการมาหย่อนจดหมายจากผู้ชม ซึ่งมีฉากหลังเป็น Projection Mapping จาก Another Day Another Render อีกหนึ่งศิลปินที่ซันเต๋อชวนมาคอลแลบส์อีกครั้ง หลังจากเคยร่วมงานกันมาแล้วในนิทรรศการครั้งก่อน

นอกจาก Projection Mapping และแอนิเมชันจากภาพที่ชื่อว่า Sorry แล้ว ครั้งนี้ยังมีโมเดลขนาดจิ๋ว ใน Post Box ที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านฉากหลังของ 4 ฤดูกาลอยู่ในอีกห้องหนึ่งด้วย

ก่อนกลับเราอยากชวนแวะ Little Store ด้านหน้าซึ่งเป็นเหมือนโชว์รูมขนาดเล็กของ Suntur Store ที่ชวนเพื่อนพ้องอย่างแบรนด์ Madmatter มาร่วมออกแบบกระเป๋าคอลเล็กชันพิเศษ รูมสเปรย์และเทียนหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพวาดโดย Everyday Karmakamet ผ้าเช็ดแว่นลายลิมิเต็ดจาก Arty & Fern Eyewear จานเซรามิกพิมพ์ภาพโดย Pixcera หรือถ้าใครอยากเก็บภาพในนิทรรศการไว้เป็นที่ระลึกภายในก็มีโปสต์การ์ดและภาพปรินต์ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปสะสมได้ 

Fact File

  • A little letter from someone somewhere จัดแสดง 24 ตุลาคมถึง 24 พฤศจิกายน 2563 (เข้าชมฟรี) ที่ JWD Art Space ซอยจุฬาลงกรณ์ 16 เวลา 10:00-19:00 น. (ปิดวันจันทร์)

Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ