ราชยานคานหาม เครื่องสังเค็ด : ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญใน พิธีพระบรมศพ ไฮไลต์ต้องชมในหมู่พระวิมาน
Arts & Culture

ราชยานคานหาม เครื่องสังเค็ด : ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญใน พิธีพระบรมศพ ไฮไลต์ต้องชมในหมู่พระวิมาน

Focus
  • ภายในอาคารหมู่พระวิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มีการจัดแสดงศิลปวัตถุบางส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีพระบรมศพ/พระศพของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางชั้นสูง
  • ไฮไลต์คือ เครื่องราชยานคานหาม ได้แก่ พระที่นั่งราเชนทรยาน และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ที่ใช้อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร
  • ศิลปวัตถุอื่นที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องสังเค็ดที่สร้างขึ้นเพื่อถวายพระสงฆ์และพระราชทานเพื่อสาธารณประโยชน์ในงานพระเมรุของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

ถึงแม้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้ประกาศปิดให้บริการโรงราชรถ สถานที่เก็บรักษาและจัดแสดงราชรถและ ราชยาน รวมทั้งเครื่องประกอบในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพและพระศพ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไปจนกว่าพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะแล้วเสร็จ แต่ภายในอาคารหมู่พระวิมานซึ่งเคยเป็นพระราชฐานชั้นในและที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ยังคงจัดแสดง ราชยาน สำคัญบางองค์ที่ใช้ในงานพระบรมศพ รวมถึง เครื่องสังเค็ด หรือสิ่งของสำหรับทำบุญเป็นทานวัตถุเพื่ออุทิศแก่ผู้วายชนม์ และของที่ระลึกในงานพระเมรุของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

เครื่องสังเค็ด

Sarakadee Lite ชวน ยุทธนาวรากร แสงอร่าม ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นำชมศิลปวัตถุสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีพระบรมศพ/พระศพ ที่จัดแสดงภายในอาคารหมู่พระวิมาน เช่น พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จากพระเมรุมาศกลับไปประดิษฐาน ที่พระบรมมหาราชวังเมื่อ พ.ศ.2560  ต้นแบบกระถางธูปสังเค็ดในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5 ที่พระราชทานแก่วัดจีนและศาลเจ้าเมื่อ พ.ศ.2453  พัดรองที่ระลึกในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ.2469  และกล่องกะไหล่เงินที่ระลึกงานพระเมรุเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์เมื่อ พ.ศ.2431

เครื่องสังเค็ด

พระที่นั่งราเชนทรยาน

พิกัด : ห้องราชยานคานหาม พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร

พระที่นั่งราเชนทรยานสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ทำจากไม้แกะสลักลงรักปิดทองและมีลักษณะเป็นบุษบกประกอบคานหามโดยใช้พลแบกหามจำนวน 56 นาย ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงในเวลาเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนแห่ ที่เรียกว่า “ขบวนพยุหยาตราสี่สาย” เช่น เสด็จพระราชดำเนินจากพระราชมณเฑียรไปถวายสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในงานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก และใช้ในการเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระมหากษัตริย์หรือพระโกศพระอัฐิพระบรมวงศ์

“ในงานพระราชพิธีพระบรมศพของรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ.2560 พระที่นั่งราเชนทรยานใช้ในขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วขบวนที่ 4 ในการเชิญพระบรมอัฐิจากพระเมรุมาศเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง และในริ้วขบวนที่ 5 เพื่อเชิญพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นประดิษฐานที่พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท” ยุทธนาวรากรกล่าว

เครื่องสังเค็ด
(ขวามือ) พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย

พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย

พิกัด : ห้องราชยานคานหาม พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร

พระที่นั่งราเชนทรยานน้อยเป็นพระ ราชยาน ประกอบคานหามที่จัดสร้างขึ้นใหม่ในการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) รัชกาลที่ 9 ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเมื่อ พ.ศ. 2560 ตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีโดยยึดรูปแบบเดิมของพระที่นั่งราเชนทรยานที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 1 แต่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยคือสูง 4.1 เมตร  ส่วนพระที่นั่งราเชนทรยานสูง 4.23 เมตร แต่ทั้งสององค์ใช้พลแบกหามจำนวนเท่ากันคือ 56 นาย

โครงสร้างพระที่นั่งราเชนทรยานองค์เดิมจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งแต่ชั้นฐานขององค์พระที่นั่งจนถึงชั้นหลังคาองค์ระฆัง  ส่วนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยได้ปรับรูปแบบให้เล็กลงลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งแต่ฐานขององค์พระที่นั่งจนถึงชั้นหลังคา  ส่วนลักษณะรูปแบบของการแกะสลักลายประกอบหุ่นโครงสร้างและลายประดับส่วนต่างๆ ก็ยังคงลักษณะรูปแบบใกล้เคียงกับองค์พระที่นั่งองค์เดิมเพียงแต่ย่อเล็กลงตามส่วนหรือลดจำนวนลง

เครื่องสังเค็ด

พระวอสีวิกากาญจน์ (พระวอช่อฟ้า)

พิกัด : ห้องราชยานคานหาม พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร

พระวอสีวิกากาญจน์สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็น ราชยาน แบบประทับราบสำหรับเจ้านายฝ่ายใน (หญิง) และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า (พระสังฆราชที่เป็นพระบรมวงศ์)  นอกจากนี้ยังใช้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศสู่พระบรมมหาราชวัง  องค์นี้สร้างจากไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจก กรอบหน้าบันประดับช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ หลังคาเป็นผ้าปิดลายทอง มีพนักพิง ราวกั้น และผ้าม่านโดยรอบ และใช้พลแบกหาม 8 นาย

“ในงานพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่า ในปี 2539 ใช้พระวอสีวิกากาญจน์ องค์ที่เก็บรักษาอยู่ในพระบรมมหาราชวังในการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร  แต่องค์ที่จัดแสดงนี้เดิมเป็นของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ในคราวพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก (พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์) เมื่อ พ.ศ.2434  จึงเรียกว่าพระวอช่อฟ้า ซึ่งมีหลังคา นาคสะดุ้ง ช่อฟ้าเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างคือองค์ที่อยู่ในวังจะมีกงพนักพิงและมีกระจังรอบ แต่องค์นี้มีเพียงพนักพิงและราวขอบพนักซึ่งตามชั้นยศจะต่ำกว่า  อย่างไรก็ตามมีการใช้พระวอช่อฟ้าองค์นี้อัญเชิญพระสรีรางคารในพิธีพระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ในปี 2551 และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาในปี 2555 มีแต่ออกนามตามหมายเรียกว่า พระวอสีวิกากาญจน์” ยุทธนาวรากรให้ข้อมูล

ราชยาน

ต้นแบบกระถางธูปสังเค็ดและเชิงเทียนงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5

พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)

เครื่องสังเค็ด แต่เดิมมีความหมายถึงทานวัตถุที่ถวายพระสงฆ์ เช่น ตู้พระธรรมและโต๊ะหมู่ แต่ในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนธรรมเนียมการถวาย เครื่องสังเค็ด โดยมุ่งประโยชน์แก่สาธารณะมากขึ้นโดยมีทั้งที่ถวายพระภิกษุ ถวายศาสนสถานทุกศาสนา พระราชทานแก่โรงเรียนและโรงพยาบาล ดังความตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์เรื่องประวัติต้นรัชกาลที่ 6 โดย “ราม วชิราวุธ” (พระนามแฝงของรัชกาลที่ 6) ว่า

“งดสังเค็ดแบบเก่าซึ่งมีของถวายพระเปนเครื่องใหญ่ เพิ่มสังเค็ดแบบใหม่ ให้ทั้งพระ วัด โรงเรียน โรงสวดศาสนาต่างๆ และศาลเจ้า…”

เครื่องสังเค็ด

รัชกาลที่ 6 จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำ เครื่องสังเค็ด ในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2453 สำหรับศาสนสถานต่างๆ สถานศึกษา และโรงพยาบาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ เช่น ธรรมาสน์เทศน์และหนังสือปาติโมกข์พร้อมตู้สำหรับวัดไทย โคมไฟติดเพดานทองเหลืองประดับกระจกสีสำหรับมัสยิดในศาสนาอิสลาม นาฬิกาปารีส (นาฬิกาประเภทตั้งพื้นและใช้ระบบตุ้มถ่วง) สำหรับโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และตู้หนังสือและโต๊ะเรียนสำหรับสถานศึกษา

ส่วนหนึ่งของเครื่องสังเค็ดที่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นต้นแบบกระถางธูปทองเหลืองเพื่อถวายแก่วัดจีนและศาลเจ้า และต้นแบบเชิงเทียนทองเหลืองสำหรับโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก กระถางธูปมีฐานเป็นวงแหวนซ้อนกันสี่ชั้น ติดรูปหน้าสิงห์สองข้าง และตรงกลางออกแบบให้มีจารึกอักษรไทยประดิษฐ์เลียนแบบตัวอักษรจีนอ่านว่า “จปร” (จุฬาลงกรณ์ปรมราชาธิราช) ซึ่งเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ราชยาน

พัดรองงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5

พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)

พัดรองเป็นอีกหนึ่งรายการเครื่องสังเค็ดที่ถวายพระสงฆ์ในพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2453 และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” และ “สมเด็จครู” เป็นผู้ออกแบบพัดและเริ่มมีการซ่อนอักษรพระนาม “น” (นริศ) ในลายพัดเล่มนี้ด้วย

พัดเป็นลักษณะที่เรียกว่า พัดหน้านาง หุ้มด้วยแพรสีดำ และตรงกลางปักดิ้นเป็นตราพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ในรูปพระบรมโกศภายใต้ตราจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) ประดิษฐานบนพระแท่นประกอบเกรินทั้งสองด้านและขนาบด้วยฉัตร 7 ชั้น รอบขอบพัดด้านบนปักเป็นธรรมคาถาอักษรขอม ภาษาบาลี และขอบพัดขลิบด้วยแถบเงิน นมพัด (บริเวณข้อต่อระหว่างตัวพัดและด้ามพัด) ปักหน้าราหู ส่วนด้ามทำจากไม้และส้นเป็นทองเหลือง

เครื่องสังเค็ด

พัดรองงานพระบรมศพรัชกาลที่ 6

พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)

พัดรองฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อีกหนึ่งเล่มที่สำคัญคือพัดรองสังเค็ดเพื่อถวายพระสงฆ์ในพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 6  เมื่อ พ.ศ.2469 มีลักษณะเป็นพัดหน้านางพื้นสีน้ำเงินแก่ ขอบพัดปักชื่องานว่า “ฌาปนานุสรณสยามาธิราช พระบาทสมเดจพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” ส่วนตรงนมพัด (บริเวณข้อต่อระหว่างตัวพัดและด้ามพัด) เป็นโลหะนูนรูปวัชระขนาดใหญ่สื่อถึงพระนามเดิมคือ “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราวุธ” ที่หมายถึงสายฟ้า และอาวุธของพระอินทร์ และพื้นพัดยังปักดิ้นเป็นรูปสายฟ้าอีกด้วย

ราชยาน

“บริเวณขอบพัดด้านซ้ายมีการแทรกตรา ‘น. เทียนสิน’ ตราประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และด้านขวาเป็นอักษรย่อ ‘อ’ หมายถึงหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร ซึ่งเป็นผู้ทรงลงเส้นพัดเล่มนี้” ยุทธนาวรากร กล่าว

เครื่องสังเค็ด

กล่องของที่ระลึกงานพระเมรุเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์

พิกัด : พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งพระนามนั้นเป็นที่มาของชื่อโรงพยาบาลศิริราช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ แต่สิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 1 ปี 6 เดือน  ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเมรุด้วยไม้จริง ณ ท้องสนามหลวง และเมื่อเสร็จสิ้นงานแล้วได้พระราชทานไม้เหล่านั้นเพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาล พร้อมกับพระราชทานสิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งเครื่องสังเค็ด เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง เก้าอี้ ให้แก่กิจการโรงพยาบาล รวมทั้งได้พระราชทานเงินพระมรดกของเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ เพื่อเป็นทุนสำหรับสร้างโรงพยาบาล จำนวน 700 ชั่ง

ราชยาน

“ในงานพระเมรุได้มีหลายส่วนมาช่วย เช่น พระสงฆ์ และขุนนางที่ช่วยสร้างพระเมรุ  หลังเสร็จงานจึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำของที่ระลึกเพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จรางวัล เช่น รูปรามเกียรติ์ในครอบแก้ว ชุดชาจักรี และกล่องใส่ของที่จัดทำไว้หลายแบบเพื่อแจกจ่ายตามลำดับชั้นยศทั้งที่ทำด้วยไม้ ทองแดง กะไหล่เงิน หรือถ้าสำหรับผู้ที่มียศศักดิ์สูงขึ้นมาก็จะเป็นกล่องที่ทำด้วยเงินแท้ หรือสูงขึ้นไปอีกก็จะเป็นเงินลงยาสีน้ำเงินและกะไหล่ทอง แต่กล่องของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เป็นกล่องกะไหล่เงินและกล่องเงิน” ยุทธนาวรากรกล่าว

ฝากล่องเป็นกระเบื้องเขียนพระสาทิสลักษณ์เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ทั้งแบบสีและขาว-ดำ  บางใบมีข้อความทั้งด้านบนด้านล่างว่า “สมเดชพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ งานพระเมรุท้องสนามหลวง ปี ๑๒๔๙”

เครื่องสังเค็ด

หุ่นจำลองเรื่อง รามเกียรติ์ ประกอบงานพระเมรุ

พิกัด : ห้องธนบุรีและรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์

หุ่นจำลองสามมิติเรื่อง รามเกียรติ์ ตอนพระลักษมณ์ถูกศรพรหมาสตร์ของอินทรชิต และหนุมานหักคอช้างเอราวัณ เป็นเครื่องตกแต่งพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2423 โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ หัวหน้าช่างสิบหมู่ในขณะนั้นเป็นผู้ควบคุมการประดิษฐ์

หุ่นจำลองชิ้นนี้แกะสลักจากไม้และปิดทองคำเปลวเขียนสีและเป็นหนึ่งในเครื่องตกแต่งพระเบญจาหรือพระแท่นที่ทำเป็นฐานซ้อนชั้นขึ้นไปใช้สำหรับรองรับพระโกศ แต่ละชั้นของพระเบญจามีการตกแต่งด้วยหุ่นจำลองในครอบแก้วอีกหลายชิ้นที่จัดทำขึ้นตามตอนต่างๆ ในเรื่องรามเกียรติ์และปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ณ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

ราชยาน

ชุดน้ำชาสุริยเทพในงานศพของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์

พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)

ชุดน้ำชาลายครามที่มีลวดลายเป็นรูปใบหน้าบุคคลมีรัศมีเปล่งประกายโดยรอบเรียกว่าลายสุริยเทพหรือสุริยมณฑล เป็นชุดน้ำชาที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องสังเค็ดในงานพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งเป็นขุนนางผู้มีบทบาทสำคัญในการเมืองการปกครองของสยามโดยเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2411-2416 ซึ่งในเวลานั้นพระองค์ยังไม่ทรงบรรลุราชนิติภาวะ

เนื่องจากราชทินนามของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ คือ มหาศรีสุริยะ จึงใช้ตราสุริยมณฑลเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และชุดน้ำชานี้ถือว่าเป็นกลุ่มเครื่องกระเบื้องที่เป็นตราประจำตัวหรือประจำตระกูลหนึ่งในไม่กี่ประเภทที่ปรากฏในวัฒนธรรมและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทย  ชุดน้ำชานี้เดิมเป็นเครื่องบริขารของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 9 ก่อนที่จะมีการมอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เก็บรักษาดูแล

อ้างอิง


Author

เกษศิรินทร์ ผลธรรมปาลิต
Feature Editor ประจำ Sarakadee Lite อดีต บรรณาธิการข่าวไลฟ์สไตล์ Nation ผู้นิยมคลุกวงในแวดวงศิลปวัฒนธรรมจนได้ขุดเรื่องซีฟๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอ

Photographer

ศรัณยู นกแก้ว
Editor ที่ผ่านทั้งงานหนังสือพิมพ์ พ็อกเก็ตบุ๊ค และนิตยสาร ปัจจุบันยังคงสมัครใจเป็นแรงงานด้านการผลิตคอนเทนต์