เช็กอินในบรรยากาศ Green Living ผสานความผ่อนคลายและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้ กระบี่ เป็นปลายทางของการท่องเที่ยวยั่งยืน
Brand Story

เช็กอินในบรรยากาศ Green Living ผสานความผ่อนคลายและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้ กระบี่ เป็นปลายทางของการท่องเที่ยวยั่งยืน

Focus
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนผลักดันให้จังหวัดกระบี่เป็นต้นแบบเมืองท่องเที่ยวสีเขียวระดับสากลในโครงการที่ชื่อว่า Krabi Prototype
  • จังหวัดกระบี่มีศักยภาพเป็นพื้นที่ต้นแบบจุดหมายปลายทางแห่งความยั่งยืน หรือ Sustainable Tourism ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเล
  • ที่พักในจังหวัดกระบี่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวสายกรีนที่สามารถรักษ์โลกไปพร้อมๆกับการพักผ่อนแบบ Green Living

ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเลและความหลากหลายในแหล่งท่องเที่ยวทั้งเชิงนิเวศ ธรรมชาติ สุขภาพ วิถีชีวิต และ ศิลปวัฒนธรรม ทำให้จังหวัด กระบี่ ในภาคใต้ของประเทศไทยมีศักยภาพเป็นพื้นที่ต้นแบบจุดหมายปลายทางแห่งความยั่งยืน หรือ Sustainable Tourism ที่นักเดินทางทั่วโลกในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้จับมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนผลักดันให้ กระบี่ เป็นต้นแบบเมืองท่องเที่ยวสีเขียวระดับสากลในโครงการที่ชื่อว่า Krabi Prototype

กระบี่

นอกจากเส้นทางการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมความยั่งยืนและรักษ์โลก ปัจจัยในการเลือกที่พักของนักท่องเที่ยวยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องราคา ความคุ้มค่า โลเคชัน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์เท่านั้น แต่การดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของโรงแรมทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านที่วัดผลได้จริงและเป็นรูปธรรม เช่น ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ลดการใช้พลาสติก หรือ การเข้าร่วมเป็นสมาชิก CF-Hotels ในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการสนับสนุนชุมชนโดยรอบให้เติบโตไปด้วยกันอย่างเป็นมิตรและยั่งยืน เป็นอีกเหตุผลสำคัญของการเลือกใช้บริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวสายกรีนที่เพิ่มมากขึ้น

Sarakadee Lite ชวนไปเช็กอินที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวสาย Green Heart และ Green Traveler ที่คัดสรรมาแล้วว่าสามารถช่วยรักษ์โลกไปพร้อมๆ กับการพักผ่อนแบบ Green Living รวมทั้งปักหมุดรีสอร์ทสำหรับคนรักสุขภาพที่ผสานศาสตร์ภูมิปัญญาไทยกับกิจกรรมด้านบำบัดและฟื้นฟูดูแลสุขภาพแบบทางเลือกซึ่งถือเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของจังหวัด กระบี่ ที่ตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

กระบี่

Blu Monkey Pooltara Krabi Hotel and Villas : โรงแรม pet-friendly ร่มรื่นกับคลองน้ำใสธรรมชาติ

Green Vibes: Blu Monkey Pooltara Krabi Hotel and Villas เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ และใช้ช่วงเวลาพักผ่อนกับธรรมชาติที่เงียบสงบและกิจกรรมแบบโลว์คาร์บอน โรงแรมตั้งอยู่ที่ บ้านในสระ ตำบลเขาทอง อยู่ห่างตัวเมืองกระบี่ราว 30 กิโลเมตร บริเวณพื้นที่ 4 ไร่ โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวและคลองน้ำใสธรรมชาติกับคอนเซปต์ที่ว่า “ให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด” นอกจากนี้ยังเป็นโรงแรม Pet-friendly ที่ผู้เข้าพักสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้โดยจะมีบริการที่นอนและภาชนะใส่อาหารจัดเตรียมไว้ให้ (สำหรับบ้านพักเป็นหลัง) พร้อมกับ Welcome Ice Cream สำหรับสัตว์เลี้ยง

กระบี่

Green Design: แนวคิดหลักคือการผสมการบริการที่ยืดหยุ่นเข้ากับงานดีไซน์เพื่อเพิ่มเสน่ห์และความน่ารักเป็นมิตรให้กับสถานที่ เช่น ป้ายบอกทางและโซนห้องพัก เครื่องหมายคัดแยกขยะ และ แผนที่กิจกรรมต่างๆในโรงแรม ออกแบบโดยใส่ความเป็นอาร์ตเข้าไปเพื่อไม่ให้ดูเป็นทางการ ห้องพักที่นี่แบ่งเป็น 7 รูปแบบ ประกอบด้วยอาคาร 2 ชั้น จำนวน 10 ห้อง ตั้งอยู่กลางสวนและเห็นธรรมชาติรอบทิศทาง และวิลล่าอีก 10 หลังที่เน้นให้มีระเบียงกว้างเป็นพิเศษเพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับธรรมชาติ ห้องพักแบบต่างๆตั้งชื่อตามสปีชีส์ของลิง เช่น Chimpanzee สำหรับห้องซูพีเรีย Gorilla สำหรับวิลล่า 1 ห้องนอน และ Orangutan สำหรับวิลล่า 2 ห้องนอน

กระบี่

Green Mission: เครือโรงแรมเชน Blu Monkey ได้เข้ามารีแบรนด์และบริหารโรงแรมพูลธาราซึ่งอดีตเป็นโรงแรมแนวบ้านสวนเมื่อปลาย พ.ศ.2566 ให้ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบงานดีไซน์และเป็นพื้นที่ของสังคมแห่งความคิดสร้างสรรค์ หรือ creative community และพยายามทำงานร่วมกับชุมชนโดยรอบให้มากที่สุด โรงแรมเริ่มทำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐานเป็น Green Hotel โดยในเบื้องต้นได้เข้าเป็นสมาชิก CF-Hotels ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการร่วมคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีการเก็บฐานข้อมูลหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ ปริมาณน้ำเสีย และ ปริมาณคาร์บอน อีกทั้งมีมาตรการในการฝังกลบขยะ คัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกโดยเปลี่ยนเป็นขวดแก้วแทน

ช่วงไฮซีซั่นจะมีการจัด Farmer Market ทุกวันเสาร์ ให้คนในชุมชนนำของมาขายในพื้นที่โรงแรม เช่น ผักและผลไม้ตามฤดูกาล ขนมและอาหารพื้นบ้าน รวมไปถึงสินค้าที่ทางโรงแรมรับซื้อจากชุมชนและนำมาขาย อาทิ น้ำผึ้งธรรมชาติแท้จากบ้านเขาค้อม กะปิจากบ้านคลองกรวด และ เครื่องจักสานจากชุมชนบ้านวังน้ำเขียว

กระบี่

Green Experience: บริเวณที่ตั้งโรงแรมมีคลองน้ำใสธรรมชาติที่ผู้เข้าพักสามารถเล่นน้ำได้โดยทางโรงแรมได้ทำจุดกระโดดน้ำและเชือกสำหรับปีนไต่ไปยังอีกฝั่ง หรือจะพายคายักไปกลับได้ราว 2-3 กิโลเมตรเพื่อสำรวจระบบนิเวศในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้ชื่นชอบกิจกรรมทางบกอาจเลือกปั่นจักรยานไปตามชุมชน เก็บไข่เป็ดและผักสวนครัวในโรงแรมนำไปปรุงอาหารในคลาสสอนทำอาหาร หรือเข้าร่วมเวิร์คชอปวาดภาพและพิมพ์ลายผ้าจากใบไม้ หรือ eco print อีกหนึ่งไฮไลต์คือ โยคะสำหรับน้องหมา ให้ผู้เข้าพักกับเพื่อนรัก 4 ขาสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้  โรงแรมไม่มีห้องฟิตเนสแต่มีเส้นทางแนะนำให้ผู้เข้าพักได้เดินหรือวิ่งเพื่อสำรวจต้นไม้สายพันธุ์หายากของที่นี่พร้อมแผนที่แนะนำว่ามีอะไรบ้างตามเส้นทางในโรงแรม เช่น แปลงผัก ฟาร์มเป็ด คลองน้ำใสธรรมชาติ และธารน้ำ

Contact: โทร. 062-073-9797, 075-819-846 www.blumonkeypooltara.com

กระบี่

Pakasai Resort : รีสอร์ทยุคแรกของกระบี่ที่ชูนโยบาย Green Heart Green Hotel

Green Vibes: นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ พ.ศ.2546 Pakasai Resort ที่ตั้งอยู่ใกล้หาดอ่าวนางในตัวเมือง กระบี่ ชูคอนเซปต์ Green Heart Green Hotel เพื่อให้เป็นที่พักเชิงอนุรักษ์ที่มุ่งรักษาระบบนิเวศเดิมของพื้นที่ป่าเขตร้อนตั้งแต่พื้นที่ราบจนถึงแนวสันเขาทำให้พื้นที่กว่า 10 ไร่ของรีสอร์ทมีพื้นที่สีเขียวถึง 58% และปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่กว่า 150 ต้น เช่น ไทร ตะเคียน ประดู่ ตีนเป็ด และ ปีบ ดังนั้นการออกแบบตำแหน่งอาคารต่างๆจึงหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับต้นไม้ที่มีอยู่เดิมพร้อมกับมีการขึ้นทะเบียนต้นไม้ ไม่ให้มีการตัดต้นไม้ใหญ่ ดูแลรักษาสุขภาพต้นไม้อย่างต่อเนื่องและป้องกันความเสี่ยงต่างๆ จากรุกขกรของทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้ที่นี่เป็นรีสอร์ทยุคแรกๆของจังหวัดกระบี่ที่ดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

กระบี่

Green Design: ผังอาคารออกแบบเป็นรูปตัวยูด้วยคอนเซปต์ว่า “เข้าใจทิศทางของแดด ลม และฝน” และด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณหลังเขาทำให้แดดที่ส่องเข้ามาไม่แรงมากแต่สว่างมากพอในตอนกลางวันจึงช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าในอาคารส่วนกลางที่มีเพดานสูงและชายคาโปร่ง ภายนอกชายคายังมีต้นไม้ใหญ่โอบล้อมและได้รับการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีซึ่งนอกจากจะให้ร่มเงาและความเขียวขจีแล้วยังช่วยป้องกันลมในหน้ามรสุมได้ในระดับหนึ่ง วัสดุในการก่อสร้างเป็นกึ่งปูนกึ่งไม้โดยใช้ไม้ราว 70% และรูปแบบได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านแบบดั้งเดิมของจังหวัดกระบี่โดยมีห้องพักสไตล์ชาเลย์ (chalet) 2 หลังที่เมื่อเริ่มแรกสร้างเป็นหลังคาจากได้เปลี่ยนเป็นหลังคาจากแบบเทียมที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยเพื่อคงไว้ให้เป็นบ้านพักที่สะท้อนอัตลักษณ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น

Green Mission: ห้องพักแบบ Green Chalet จำนวน 15 หลังติดตั้งระบบ Heat Exchange คือการผลิตน้ำร้อนจากระบบการผันน้ำของการใช้คอยล์ร้อนของเครื่องปรับอากาศทำให้ลดการใช้พลังงานในการทำน้ำร้อน 100% อีกทั้งมีระบบ Greywater คือ นำน้ำที่ผ่านการใช้จากอ่างล้างหน้าและฝักบัวมาบำบัดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในระบบชักโครกของห้องนั้นๆ

“เราจะแจ้งลูกค้าที่เข้าพักแบบ Green Chalet ว่าเขาจะช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้ถึง 30% โดยเราสามารถออกใบรับรองให้ได้เลย เราเข้าร่วมเป็นสมาชิก CF-Hotels ที่มีการบันทึกและวัดผลคาร์บอนฟุตพรินต์ทุกปีอย่างเป็นระบบและตรวจสอบฐานข้อมูลได้ และเราจะนำเงิน 1 บาทต่อการเข้าพัก 1 คืน รวมบริจาคให้กับมูลนิธิกระบี่ยั่งยืน” เดชา โอชารส Executive Assistant Manager ของ Pakasai Resort ให้ข้อมูล

นอกจากนี้ยังมีการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบโดยขยะอินทรีย์จะนำมาผลิตปุ๋ยชีวภาพและทำน้ำ EM เพื่อใช้ภายในโรงแรมและแจกจ่ายแก่ชุมชนใกล้เคียงเพื่อการเกษตร รวมถึงมีโรงผลิต ก๊าซชีวภาพ (Biogas)  จากเศษอาหารที่สามารถผลิตได้ราว 10-15 กิโลกรัมต่อเดือน ส่วนขยะรีไซเคิลมีแยกเก็บใน “บ้านพักขยะ” เพื่อขายให้กับบริษัทรับซื้อขยะรีไซเคิลโดยเงินที่ได้จะนำมาเข้าบัญชี “ธนาคารขยะ” เพื่อให้ทุนการศึกษาแก่บุตรของพนักงานและใช้เป็นเงินกู้ระยะสั้นปลอดดอกเบี้ยสำหรับพนักงาน ทางรีสอร์ทยังตั้งเป้าลดปริมาณขยะกำพร้าหรือขยะที่กำจัดเองไม่ได้และไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ให้ได้อย่างต่ำปีละ 5%

ทางรีสอร์ทได้ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนจากหลายหน่วยงาน อาทิ GREEN Health Hotel (พ.ศ. 2567–2569) จาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, ASEAN Green Hotel Award (พ.ศ. 2567–2569) จาก กรมการท่องเที่ยว, Green Leaf Certificate (พ.ศ. 2567) ของมูลนิธิใบไม้เขียว และ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STGs STAR)ในพ.ศ. 2567 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

Green Experience: รีสอร์ทสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดกระบี่ในการตกแต่งและเป็นเครื่องใช้สำหรับผู้เข้าพัก เช่น ปลอกหมอนและผ้าคาดเตียงเป็นผ้าบาติกจากชุมชนบ้านนาตีน เครื่องจักสานและกระเป๋าชายหาดผลิตจากวัสดุรีไซเคิลโดยชุมชนเกาะลันตา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าพักได้เรียนรู้วิถีธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่น อาทิ เรียนทำอาหารไทยกับเชฟท้องถิ่น เดินชมเส้นทางธรรมชาติในพื้นที่ป่าเขาของรีสอร์ท เรียนรู้และสังเกตสัตว์ท้องถิ่นและต้นไม้ใหญ่ ปั่นจักรยานชมสวนเข้าถึงวิถีชุมชนละแวกใกล้เคียง และจองกิจกรรมกับชุมชน เช่น พายเรือคายัก ปลูกป่าชายเลน เที่ยวเกาะ และ ทำผ้าบาติก

Contact: โทร: (075) 637-777 หรือ www.pakasai.com

Deevana Plaza  Krabi Ao Nang : Zero waste discharge เพื่อสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและทะเล

Green Vibes: Deevana Plaza  Krabi Ao Nang เป็นโรงแรม 4 ดาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวนาง แลนด์มาร์คยอดนิยมของกระบี่ และนับตั้งแต่บริหารงานเองภายใต้ชื่อ Deevana Hotels & Resorts ในพ.ศ.2557 ได้รับการรับรองเป็น Green Hotel จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปีแรกด้วยนโยบาย zero waste discharge คือการดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและทะเลเริ่มจากภายในโรงแรมและขยายสู่ชุมชน ด้วยการขับเคลื่อนนโยบายอย่างต่อเนื่องและจริงจังทำให้ได้รับการันตีมาตรฐานด้านความยั่งยืนจากอีกหลายหน่วยงาน อาทิ มาตรฐานการบริหารจัดงานอย่างยั่งยืนโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB), Asean Green Hotel Standard, Thailand Tourism Standard และเข้าร่วมเป็นสมาชิก CF-Hotels ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการร่วมคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Green Design: โรงแรมตั้งอยู่บนเนื้อที่ 8 ไร่ และมีพื้นที่สีเขียวประมาณ 20% ของพื้นที่ใช้สอย ด้วยคอนเซปต์ “your choice for all occasions” ห้องพักจำนวน 213 ห้อง และ 5 ประเภทห้องพักได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์สำหรับทุกความต้องการของลูกค้าและทุกห้องเป็น “non-smoking” หรือห้ามสูบบุหรี่เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษ พร้อมห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ถึง 300 คนและได้รับการรับรองมาตรฐานระดับอาเซียน หรือ  Asean Mice Venue Standards โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ บริเวณล็อบบี ห้องอาหาร และพื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้มีหลังคาสูง พื้นที่โล่งโปร่งเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกและลดการใช้เครื่องปรับอากาศ การตกแต่งภายในโรงแรมใช้วัสดุในท้องถิ่น เช่น ไม้ เครื่องจักสาน กรงนก และ ผ้าบาติก เพื่อสนับสนุนชุมชนและเผยแพร่อัตลักษณ์ของภาคใต้

“โรงแรมได้นำ กรงนก มาเป็นส่วนหนึ่งของการประดับตกแต่งโรงแรมเพราะคนกระบี่เมื่อเสร็จภารกิจออกประมงหรือทำสวน งานอดิเรกอย่างหนึ่งคือการแข่งนกกรงหัวจุก นอกจากนี้เอาท์เล็ตต่างๆของโรงแรม เช่น ห้องประชุม ห้องอาหาร สปา ฟิตเนส และ คิดส์คลับ ยังตั้งชื่อตามสายพันธุ์นกต่างๆโดยจะมีคิวอาร์โค้ดติดไว้ตรงป้ายเมื่อสแกนแล้วก็จะมีข้อมูลและรูปภาพของนกชนิดนั้นๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ” ธีระศักดิ์ กาญจนจงกล ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม Deevana Plaza  Krabi Ao Nang ให้ข้อมูล

Green Mission: โรงแรมไม่มีการปล่อยน้ำเสียออกสู่ภายนอกด้วยการบำบัดน้ำเสียให้เป็น zero waste discharge จนกลายเป็นน้ำใสและนำไปใช้รดน้ำต้นไม้และทำความสะอาด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและหาได้ในท้องถิ่นเพื่อลดการใช้พลังงานในการขนส่ง ลดขยะแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งโดยเริ่มจากเปลี่ยนขวดพลาสติกเป็นขวดแก้ว ส่วนแชมพูและโลชั่นในห้องพักเปลี่ยนเป็นแบบรีฟีลและรองเท้าแตะทำจากผ้าแทนการใช้รองเท้าแตะแบบครั้งเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังมีการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบโดยขยะรีไซเคิลจะมีบริษัทภายนอกมารับซื้อทุกสัปดาห์และรายได้จากการขายจะนำเข้ากองทุนสำหรับพนักงาน อีกทั้งยังมีการปลูกผักสวนครัวสำหรับปรุงอาหารให้พนักงานและเศษอาหารจะถูกส่งต่อไปให้ชุมชนใกล้เคียงเพื่อทำอาหารสัตว์

สำหรับห้องประชุมมีการจัดมุมน้ำดื่มให้บริการตนเองแทนการเสิร์ฟน้ำทุกที่นั่ง จัดมุมวางกระดาษและดินสอให้ผู้เข้าประชุมหยิบใช้ตามความต้องการจริงๆแทนการวางไว้ทุกโต๊ะแบบเดิม ลดการใช้โฟมในการตกแต่งแบ็คดร็อปแต่ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลแทน ไม่มีการใช้ผ้าปูโต๊ะและผ้าคลุมเก้าอี้เพื่อลดการซักที่ต้องใช้สารฟอกขาว ลดการใช้ดอกไม้สดในการตกแต่งสถานที่แต่ใช้ต้นไม้เลื้อยที่ปลูกในโรงแรมแทนหรือเครื่องต้มยำซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อได้หลังจบงาน และไลน์บุฟเฟต์ออกแบบเมนูอาหารที่สามารถทานได้ทุกส่วนเพื่อให้เหลือส่วนที่ทิ้งน้อยที่สุด และภายในพ.ศ.2568 จะมีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์อย่างสมบูรณ์โดยตั้งเป้าให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ  400 กิโลวัตต์ต่อวันเพื่อลดค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานไฟฟ้าราว 70,000 บาทต่อเดือน

Green Experience: ผู้เข้าพักที่ไม่ประสงค์นำเสื้อผ้าหรือของใช้อย่างอื่นกลับไปด้วย สามารถนำมาบริจาคให้กับทางโรงแรมได้โดยทางโรงแรมจะนำไปทำความสะอาดและส่งมอบให้กับหน่วยงานหรือชุมชนที่ต้องการต่อไป เช่น มูลนิธิกระจกเงา ทางโรงแรมยังมีการจำหน่ายกระบอกน้ำเก็บความเย็นที่เติมซอฟท์ดริงค์ฟรีได้ทันทีและลด 50% เมื่อเติมครั้งต่อไปพร้อมวางจุดรีฟิลน้ำดื่มทั่วโรงแรมเพื่อรณรงค์ลดการใช้ขวดพลาสติก นอกจากนี้มีการจำหน่ายเสื้อยืด Share Together โดยรายได้จากการจำหน่ายเสื้อและกระบอกน้ำเก็บความเย็นเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับสถานพยาบาลที่ขาดแคลนต่อไป นอกจากนี้ยังบริการจักรยานสำหรับท่องเที่ยวชุมชนแบบโลว์คาร์บอน หรือเข้าร่วมกิจกรรม Clean Together จัดเก็บขยะหน้าหาดร่วมกับชุมชนและร่วมปลูกป่าโกงกางทำแนวกันคลื่นจากธรรมชาติที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Contact: โทร: 075-639-999 หรือ www.deevanahotels.com/deevanaplazakrabi/

Varana Krabi Hotel : นโยบายความยั่งยืนเริ่มตั้งแต่พิมพ์เขียวของโรงแรม

Green Vibes: Varana Krabi Hotel เป็นโรงแรมน้องใหม่ในเครือเดอะทับแขก กระบี่ รีสอร์ท ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2567 บนพื้นที่กว่า 20 ไร่บริเวณเชิงเขาหงอนนาคที่สามารถมองเห็นทะเลอันดามันในมุมมอง 180 องศา โดยมีจุดมุ่งหมายตั้งแต่เริ่มออกแบบก่อสร้างโครงการเมื่อ 10 ปีที่แล้วให้เป็น โรงแรมแห่งความยั่งยืนเพื่อมอบประสบการณ์วันพักผ่อนแบบสุขภาพภายใต้แนวคิด The Wellcation Experience พร้อมกับตอบสนองเทรนด์การท่องเที่ยวแบบ Sports+Wellness ด้วยโปรแกรมเวลเนสแบบธาราบำบัดและกิจกรรมกีฬาต่างๆ แม้จะเปิดดำเนินการเพียงไม่นานแต่ด้วยนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เริ่มตั้งแต่พิมพ์เขียวทำให้โรงแรมได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลายหน่วยงาน อาทิ รางวัลระดับ Gold จาก Travelife สำหรับ Accommodation Sustainability, WellHotel for Well-Being จาก GHA (Global Healthcare Accreditation), Green Hotel จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และเป็นสมาชิก CF-Hotels ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการร่วมคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Green Design: การตกแต่งในโรงแรมเลือกใช้นวัตกรรมวัสดุสีเขียว หรือ BCG ( Bio-Circular-Green) คือผลิตจากวัสดุธรรมชาติ สามารถใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้และลดคาร์บอนฟุตพรินต์ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ทำมาจากไม้ที่รื้อมาจากบ้านเก่า กรอบไม้กระจกและไม้ประดับผนังห้องผลิตจากเศษไม้ พรมปูพื้นถักทอจากเส้นใยที่ผลิตจากขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว ชุดเครื่องนอนผลิตจากเยื่อไผ่ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว และย่อยสลายได้ง่าย แม้แต่เครื่องแบบของพนักงานก็ผลิตจากเส้นใยของผ้ารีไซเคิล ทางโรงแรมยังปลูกต้นไผ่และไม้ผล เช่น ชมพู่ มะม่วง ขนุน พร้อมกับเลี้ยงผึ้งชันโรง หรือผึ้งจิ๋วที่ไม่มีเหล็กในที่มีระยะบินหากินไม่เกิน 200 เมตรทำให้ช่วยผสมเกสรดอกไม้ในพื้นที่ให้เจริญเติบโตได้ดีและยังให้น้ำผึ้งที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินสูง

Green Mission: โรงแรมได้วางเครือข่าย “ธนาคารน้ำใต้ดิน” โดยขุดดินเป็นโพรงและใส่อิฐ หิน ดิน ทรายให้เป็นระบบกรองน้ำและกลบปากหลุมด้วยหินเกร็ดประมาณ 100 หลุมทั่วโครงการทำให้ดินชุ่มชื้นในหน้าแล้งช่วยประหยัดน้ำในการรดต้นไม้และทำให้อาคารใกล้เคียงเย็นช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า และในช่วงหน้าฝนช่วยลดน้ำท่วมขังและป้องกันไม่ให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงกันอีกด้วย

ในห้องพักติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ซึ่งเป็นระบบปรับอากาศที่ประหยัดพลังงานที่สุดในปัจจุบันโดยควบคุมอย่างอิสระในคอยล์เย็นแต่ละเครื่องทำให้ช่วยลดการทำความเย็นในพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใช้งาน การผลิตน้ำร้อนในห้องพักมีการนำเทคโนโลยี Heat Pump ซึ่งเป็นการดึงเอาพลังงานความร้อนจากเครื่องปรับอากาศมาถ่ายเทพลังงานเพื่อผลิตน้ำร้อนทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิตน้ำร้อนได้มากกว่า 70% ของเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าทั่วไป โรงแรมยังนำรถตุ๊กตุ๊กมาดัดแปลงเป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารับส่งแขกและขนสัมภาระไปยังห้องพักเพื่อลดมลพิษทางอากาศและเสียง

โรงแรมมีหลักปฏิบัติ 1A3R คือ Avoid, Reduce, Reuse และ Recycle คือเลี่ยง ลด ใช้ซ้ำและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ เช่น เลิกใช้พลาสติกและกล่องโฟมและลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และมีโครงการ Zero Food Waste ด้วยการนำขยะอินทรีย์ไปทำน้ำหมักชีวภาพและปุ๋ยหมักใช้ในโรงแรม

Green Experience: ด้วยคอนเซปต์ Sports+Wellness เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โรงแรมมีสระว่ายน้ำต่างระดับจำนวน 4 สระ ได้แก่ สระสำหรับเด็ก สระสำหรับผู้ใหญ่ สระสำหรับนวด และสระมาตรฐานโอลิมปิกความยาว 50 เมตร จำนวน 7 ลู่ และฟิตเนสรองรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 60 คน และออกแบบถนนรอบโรงแรมให้เชื่อมกันเป็นลู่วิ่งระยะทาง 1 กิโลเมตรพร้อมรองรับกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ เช่น สตรีทยิม ผนังฝึกปีนหน้าผา ลานโยคะ ลานหินกรวดสำหรับนวดฝ่าเท้า

โรงแรมยังมีศูนย์เวลเนสที่โดดเด่นด้วยโปรแกรมธาราบำบัดที่ออกแบบให้ผู้ใช้บริการทำได้ด้วยตนเอง หรือ DIY ใน 10 ขั้นตอน เช่น พอกโคลนและอบสตีมสมุนไพร ว่ายทวนกระแสน้ำ แช่ออนเซ็น แช่น้ำเย็น และบ่อลอยสมาธิ พร้อมกับสปาที่ให้บริการทั้งนวดผ่อนคลายและนวดรักษาตามศาสตร์แพทย์แผนไทยด้วยสมุนไพร

“คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 20-45 ปี มีไลฟ์สไตล์ที่บาลานซ์การใช้ชีวิต ชอบออกกำลังกาย เลือกกินอาหารมีคุณค่าและรสชาติดี ให้คุณค่ากับความยั่งยืน และเขาจะทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำแม้แต่เดินทางไปตามที่ต่างๆ เราจึงต้องจับไลฟ์สไตล์และความชอบเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในโรงแรมของเราให้ได้”  วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Varana Krabi Hotel กล่าว

ภายในโรงแรมมีสวนผักออร์แกนิกเพื่อนำมาใช้ปรุงอาหารสุขภาพในร้านอาหารตามคอนเซปต์ว่า “อาหารเป็นยา” โดยเมนูซิกเนเจอร์เช่น เมี่ยงคำ และ ยำหัวปลี ที่ถือเป็น Super Food จะมีการกำกับคุณประโยชน์ไว้ รวมถึงมีการบอกปริมาณโปรตีนในอาหารแต่ละจานสำหรับคนออกกำลังกายที่ต้องการควบคุมปริมาณโปรตีนที่ได้รับในแต่ละมื้อ

สำหรับกิจกรรมนอกโรงแรมได้จับมือกับชุมชนในการจัดทริปพิเศษให้ผู้เข้าพักได้ล่องเรือสัมผัสวิถีชาวเล เยี่ยมชมธนาคารปู ทดลองเพนต์ผ้าปาเต๊ะ และชมสวนผึ้งชันโรง

Contact: 075-656-989 www.varanahotel.com

Wareerak Hot Spring & Wellness : วารีบำบัดจากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ

Green Vibes: Wareerak Hot Spring & Wellness เป็นรีสอร์ทที่ให้บริการศาสตร์แห่งวารีบำบัดด้วยบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติในป่าเขตร้อนของอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ พร้อมกับที่พัก สปา และเรือนแพทย์แผนไทยที่ผสานภูมิปัญญาไทยโบราณและกิจกรรมด้านเวลเนสในสภาพอากาศที่บริสุทธิ์โอบล้อมด้วยป่าธรรมชาติบนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ที่ยังคงรักษาสภาพแวดล้อมเดิมไว้ได้มากที่สุดโดยไม่มีการตัดต้นไม้ใหญ่ อีกทั้งสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับ น้ำตกร้อนคลองท่อมจึงทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับทั้งสุขภาพกายและใจการันตีจากรางวัล Thailand Tourism Awards  (Silver Awards) ครั้งที่14 พ.ศ.2566 ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

Green Design: เนื่องจากบริเวณพื้นที่ของรีสอร์ทมีตาน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจึงได้มีการพัฒนาทำเป็นบ่อน้ำพุร้อนท่ามกลางป่าธรรมชาติจำนวน 2 บ่อใหญ่สำหรับรองรับลูกค้าทั่วไปที่มาใช้บริการน้ำพุร้อนแบบรายวันและสำหรับลูกค้าที่เข้าพักรีสอร์ท แต่ละบ่อออกแบบให้ลดหลั่นเป็นขั้นคล้ายกับน้ำตกและแบ่งอุณหภูมิของน้ำเป็น 3 ระดับ คือ อุณหภูมิร้อนสูงสุดไม่เกิน 42 องศาเซลเซียส อุณหภูมิปานกลางที่ 36-37 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเย็นที่ 25-29 องศาเซลเซียส

“บ่อน้ำพุร้อนที่นี่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายและไม่มีกลิ่นกำมะถัน น้ำแร่ในบ่อของเราผ่านการทดสอบและรับรองโดยสถาบัน Institute Fresenius ของประเทศเยอรมนี ตามเกณฑ์ของ German Spa Association และ German Tourism Association ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเราจะมีการตรวจทุก 3 ปี ตามศาสตร์วารีบำบัดเราแนะนำให้ลูกค้าสลับแช่น้ำในอุณหภูมิที่ต่างกันเและจบที่น้ำเย็นจะทำให้ผ่อนคลายและสบายตัว” ปุณยนุช ไชยพรหม ผู้จัดการรีสอร์ทให้ข้อมูล

นอกจากนี้ยังมีบริการที่พักแบบกระท่อมไม้ไผ่หลังคาจากและแบบวิลล่าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ้านเรือนไทยภาคใต้และรอบที่พักเป็นสวนผลไม้ เช่น เงาะ มังคุด ลองกอง และทุเรียน และลูกค้าสามารถเก็บรับประทานได้ตามฤดูกาล

Green Mission: รีสอร์ทมีนโยบายลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง น้ำดื่มที่แจกให้ลูกค้าที่ใช้บริการน้ำพุร้อนเป็นแบบกล่องกระดาษ ส่วนน้ำดื่มในห้องพักเป็นขวดแก้วและอุปกรณ์สำหรับใส่เสื้อผ้าเป็นตะกร้าสานและถุงผ้า มีการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีโดยขยะอินทรีย์นำมาทำเป็นปุ๋ยหมักสำหรับสวนผลไม้ที่ปลูกในรีสอร์ท มีการบำบัดน้ำเสียและไม่ใช้สารเคมีในการทำความสะอาดและกำจัดแมลง

Green Experience: ที่นี่ให้บริการโปรแกรมแช่น้ำพุร้อนและโปรแกรมสปาแบบครึ่งวันหรือเต็มวัน โปรแกรมที่เป็นซิกเนเจอร์และได้รับรางวัลกินรี จาก Thailand Tourism Awards คือ “กินรีลงสรง” ที่ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมงเริ่มจากยืดเส้นยืดสาย แช่น้ำพุร้อนในอุณหภูมิต่างๆ นวดคอบ่าไหล่ รับประทานอาหารเที่ยงเพื่อสุขภาพ ร่วมเวิร์คชอปพับใบเตยเป็นดอกไม้ระหว่างรออาหารย่อยและต่อด้วยนวดไทย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมเวลเนสเพื่อฟื้นฟูสุขภาพสำหรับผู้เข้าพักทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ผสมผสานทั้งศาสตร์วารีบำบัด นวดแผนไทย กดจุดในน้ำตามศาสตร์แพทย์แผนจีน และ การบำบัดด้วยเสียง เป็นต้น และในส่วนของเรือนแพทย์แผนไทยให้บริการศาสตร์การบำบัดตามภูมิปัญญาไทย เช่น นวดประคบ สตีมกระโจมไอน้ำ หรือนั่งถ่านที่เหมาะกับสตรีหลังคลอดบุตรหรือผู้ต้องการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ด้วยสมุนไพรสดที่ปลูกเองภายในรีสอร์ท เช่น ข่า ตะไคร้ ไพล กระทือ และ พลับพลึง นอกเหนือจากโปรแกรมสปา ผู้เข้าพักยังสามารถปั่นจักรยานชมสวนผลไม้ในรีสอร์ท เรียนต่อยมวย เล่นโยคะ หรือร่วมปลูกต้นไม้ได้

Contact: โทร: 075-637-130 www.wareerak.co.th/th/

Aonang Princeville Villa Resort & Spa : แนวคิด Sustainable+Wellness เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

Green Vibes: Aonang Princeville Villa Resort & Spa เป็นรีสอร์ทระดับ 4 ดาว ริมหาดอ่าวนางที่โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวและได้รับการรับรองมาตรฐานเรื่องสิ่งแวดล้อมจากหลายองค์กร อาทิ ASEAN Green Hotel Standard Certificated 2020-2023, Thailand Green Hotel Standard (Silver Class) และ Thai hotels Plastic Free Resort Project โดยมี 3 คอนเซปต์หลักในการดำเนินงานคือ “Sustainable+Green” ด้วยหลักการ 3Rs – Reduce, Reuse และ Recycle หรือลดการใช้, ใช้ซ้ำ และการนำกลับมาใช้ใหม่ และ “Health+Wellness” โดยดึงศักยภาพเรื่องการนวดไทย การบำบัดด้วยกลิ่นหอมสมุนไพรไทย และ อาหารท้องถิ่นเพื่อสุขภาพมาตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและได้รับรองมาตรฐาน WellHotel for Medical Travel และ for Well-Being จาก GHA (Global Healthcare Accreditation) และคอนเซปต์สุดท้ายคือการเป็น “รีสอร์ทสำหรับการท่องเที่ยวฮาลาล” โดยมีห้องอาหารที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลาม จังหวัดกระบี่ พร้อมกับมีการจัดสภาพแวดล้อม สถานที่ การบริการ และเส้นทางท่องเที่ยวที่เหมาะสมตามหลักของศาสนาอิสลาม และเป็นสมาชิก CF-Hotels ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการร่วมคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Green Design: รีสอร์ทตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ และโอบล้อมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่กว่า 30 ต้นซึ่งเป็นพืชพันธุ์ดั้งเดิม เช่น ต้นหว้าน้ำ และ ต้นกำชำ อันเป็นแหล่งอาหารของนกและกระรอก นอกจากความร่มรื่นแล้วยังมีการควบคุมคุณภาพอากาศและเสียงตามมาตรฐาน Green Health Hotel จากกรมอนามัยโดยระดับเสียงทั้งในพื้นที่สาธารณะและส่วนบุคคลต้องมีระดับไม่เกิน 70 เดซิเบล มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 111 กิโลวัตต์ต่อวันซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเวลากลางวันและสามารถลดค่าใช้ไฟฟ้าราว 3-4 หมื่นบาทต่อเดือนโดยสามารถติดตามดูข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและการลดการปล่อยคาร์บอนได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังใช้รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการรับส่งลูกค้าจากสนามบินหรือโปรแกรมนำเที่ยวในตัวเมือง

Green Mission: ด้วยนโยบาย 3Rs – reduce, reuse, recycle ที่นี่ประกาศว่าเป็น plastic-free hotel และ zero food waste เช่น ใช้ผ้าเคลือบไขผึ้ง (Beeswax Wraps) สำหรับห่อถนอมอาหารแทนการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง และ ขยะอาหารนำมาทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้ทำความสะอาดและรดน้ำต้นไม้ ผ้าปูเตียงที่ใช้แล้วส่งให้ชุมชนย้อมสีธรรมชาติและทำเป็นลวดลายภาพเขียนประวัติศาสตร์ในถ้ำต่างๆของ กระบี่ และนำกลับมาใช้ตกแต่งห้องพัก และอีกมิชชันหนึ่งที่สำคัญคือการทำงานร่วมกับชุมชนทั้งสนับสนุนและต่อยอดผลิตภัณฑ์และร่วมพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

กระบี่

“น้ำผึ้งป่าและใบขลู่จากป่าชายเลนของชุมชนบ้านไหนหนังนำมาต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมสกัดจากสาหร่ายทะเลนำมาใช้ในทรีตเมนต์สปาสำหรับฟื้นฟูผิวไหม้แดด ครีมกันแดดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากน้ำมันปาล์มแดงจึงไม่ทำร้ายประการัง เตยปาหนันนำมาสานเป็นภาชนะใช้ในรีสอร์ท ไม้ลอยเลหรือขยะเศษไม้จากทะเลที่ถูกซัดขึ้นฝั่งที่เกาะลันตานำมาออกแบบใหม่เป็นสินค้าที่ระลึก ขวดน้ำพลาสติกนำมาอัพไซเคิลเป็นที่รองแก้วน้ำใช้ในรีสอร์ท ใบเหลียงที่ขึ้นตามสวนยางนำมาแปรรูปเป็นเส้นสปาเกตตี้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและกลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของห้องอาหาร” กุสุมา กิ่งเล็ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aonang Princeville Villa Resort & Spa กล่าว

Green Experience: ผู้เข้าพักที่ไม่ซักหรือเปลี่ยนเครื่องนอนทุกวันจะได้รับแต้มสะสมเรียกว่า green coin นำไปแลกของรางวัลต่างๆ และมีเวิร์คชอปหลากหลายโปรแกรม เช่น ทำยาดมตามธาตุเจ้าเรือน ทำลูกประคบจากพืชสมุนไพร ทำสบู่จากเหงือกปลาหมอ ทำครีมขัดผิวจากกากกาแฟ ทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ หรือกิจกรรมแบบโลว์คาร์บอน เช่น ปลูกป่าโกงกาง ปั่นจักรยานในพื้นที่ชุมชนใกล้โรงแรม เล่น paddle board ฝึกโยคะ นอกจากนี้สปาของรีสอร์ทมีบริการแพคเกจด้านเวลเนส เช่น healthy life balance, sleep test, retreat lower back program, office syndrome, food therapy และ art therapy อีกด้วย

Contact: โทร: 075-637-971-3 www.aonangprinceville.com


Author

เกษศิรินทร์ ผลธรรมปาลิต
Feature Editor ประจำ Sarakadee Lite อดีต บรรณาธิการข่าวไลฟ์สไตล์ Nation ผู้นิยมคลุกวงในแวดวงศิลปวัฒนธรรมจนได้ขุดเรื่องซีฟๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอ