เที่ยวกระบี่ช็อปอะไรดี! รวมของฝากจาก กระบี่ ฉบับ Green Product ใส่ดีไซน์พร้อมความยั่งยืน
Brand Story

เที่ยวกระบี่ช็อปอะไรดี! รวมของฝากจาก กระบี่ ฉบับ Green Product ใส่ดีไซน์พร้อมความยั่งยืน

Focus
  • ช็อปปิงของฝากกระบี่แบบ Green Product เชื่อมสู่เรื่องความยั่งยืนทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ไปจนถึงการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น
  • ผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าวบ้านนาตีน เรือหัวโทงจำลองบ้านเกาะกลาง คือตัวอย่างสินค้าที่ทำวัสดุเหลือใช้ในชุมชนมาสร้างมูลค่าใหม่ และยังเป็นการส่งต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ความร่วมสมัย

กระบี่ จังหวัดนี้ไม่ได้มีแค่พิกัดท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเท่านั้น แม้แต่ในเรื่องของฝาก ของที่ระลึก จังหวัดกระบี่ก็มีทางเลือกแบบ Green Product ที่เชื่อมสู่เรื่องความยั่งยืนทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ไปจนถึงการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ความยั่งยืน รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าวัสดุที่มีในชุมชน สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นได้จริง ส่วนจะมีผลิตภัณฑ์ไหนน่าช็อปกันบ้าง เซฟโพสต์นี้ ตีตั๋วไป กระบี่ แล้วปักตะกร้าได้เลย

กระบี่

Ocyco” แบรนด์คนไทยที่ช่วยลดพลาสติกในทะเล 

แบรนด์คนไทยที่เกิดจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการช่วยลดขยะในท้องทะเลโดยเฉพาะ “ขยะพลาสติก” ที่รอวันสลายเป็นไมโครพลาสติก (Microplastic) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสัตว์ทะเลและระบบนิเวศทั้งในท้องทะเลรวมทั้งชายฝั่ง สุดท้ายขยะพลาสติกเหล่านั้นก็จะวนกลับมาสร้างผลกระทบให้มนุษย์อย่างไม่ทันรู้ตัว เพราะขยะพลาสติกในรัศมี 50 กิโลเมตรจากชายฝั่งส่งผลให้มหาสมุทร บนบก และในแม่น้ำ ล้วนเสี่ยงต่อไมโครพลาสติกทั้งสิ้น

กระบี่

นอกจากความต้องการในการจัดการขยะทะเลแล้ว Ocyco ยังตั้งมั่นในการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ดังนั้น มิชชันของแบรนด์จึงไม่ใช่แค่การทำสินค้าจากขยะมาขาย แต่ยังลงลึกไปถึงความร่วมมือกับชุมชนริมชายฝั่งในการจัดเก็บขยะ เรียนรู้การแยกประเภทขยะ และสร้างรายได้จากขยะ โดยมีปลายทาง คือ ความยั่งยืนในระยะยาวจากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบครบวงจรที่มีต้นทางมาจากขยะ

กระบี่

Green Design : ทางแบรนด์ร่วมมือกับชุมชนนำขยะมาเปลี่ยนเป็นงานดีไซน์ สร้างรายได้ เปลี่ยนขยะเป็นคุณภาพชีวิต มีทั้งผลิตภัณฑ์จากกระบวนการ Upcycle และ Recycle โดยผลิตภัณฑ์จากกระบวนการ Upcycle เป็นการ “แปลง” ของเก่าเป็นของใหม่ อย่างการเปลี่ยนเศษวัสดุจากอวนจับปลาเป็นกระเป๋าที่ยังคงเห็นทุ่นอวน หรือเชือกถักอวนอยู่ เช่น การทำงานร่วมกับกลุ่มบากัน บาติก ในพื้นที่ชุมชนอ่าวลึก ซึ่งเดิมทีทางชุมชนมีการทำเฉพาะบาติก แต่ทาง Ocyco ได้เข้าไปพัฒนาเรื่องการดีไซน์ นำเศษทุ่นและเศษอวนที่ลอยอยู่กลางทะเลมาตกแต่งบาติกกลายเป็นกระเป๋าใบใหม่

กระบี่

ส่วนกระบวนการ Recycle เป็นการ “แปรรูป” ขยะเป็นวัสดุใหม่ เช่น เสื้อยืดทอจากเส้นใยพอลีเอสเตอร์ผสมคอตตอนที่รีไซเคิลมาจากขยะขวดพลาสติกในทะเล โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ Recycle นั้นทาง Ocyco โดยร่วมมือกับชุมชนในการเก็บขวดพลาสติกจากชายหาด คัดแยก ทำความสะอาด และส่งต่อเข้าโรงงานรีไซเคิลใน กระบี่ แปรรูปขยะพลาสติกเป็นเส้นใยพอลีเอสเตอร์ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการตัดเย็บเป็นเสื้อยืด หมวก กระเป๋า กลายเป็นของที่ระลึกจังหวัดกระบี่เวอร์ชันใหม่ที่ซ่อนเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้ในทุกเส้นใยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง คือ นักท่องเที่ยว

Must Buy : เสื้อยืดเป็นสินค้าหลักของแบรนด์ ความพิเศษ คือ เนื้อผ้าที่ทำจากขวดพลาสติกผ้าพอลีเอสเตอร์ และยังมีเสื้อยืดผ้าพอลีเอสเตอร์ผสมคอตตอนรีไซเคิล ผลิตมาจากขวดพลาสติกที่ถูกทิ้งเป็นขยะทะเลนำมาเข้าสู่กระบวนการผลิตรีไซเคิลผสมกับผ้าคอตตอนเก่า โดยเฉลี่ยแล้วเสื้อ 1 ตัวต้องใช้ขวดพลาสติก 12 ขวด นอกจากนี้ยังมีพวงกุญแจรูปสัตว์ทะเลจากขวดพลาสติกรีไซเคิลเป็นอีก Must Buy ที่น่ารักมากๆ

Contact : สั่งซื้อได้ที่ FB : Ocyco หรือร้านของฝาก จี้ออ

กระบี่

“ชุมชนบ้านเกาะกลาง” เรือหัวโทงจากชุมชนประมงพื้นถิ่น

เมื่อเอ่ยถึงท้องทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามันอย่างจังหวัด กระบี่ ภาพของ “เรือหัวโทง” เคียงคู่หมู่เกาะพีพี คือ สิ่งที่ทั้งชาวไทยและต่างชาตินึกถึง โดยเรือหัวโทง คือ เรือไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะใช้เป็นทั้งเรือโดยสารระหว่างเกาะ และเรือสำหรับทำประมงพื้นถิ่นในระยะไม่ไกลจากชายฝั่ง โดยชุมชนที่เลื่องชื่อว่าเป็นช่างฝีมือส่งต่อภูมิปัญญาในการต่อเรือหัวโทงแบบรุ่นสู่รุ่นก็ คือ ชุมชนบ้านเกาะกลาง ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำกระบี่ เที่ยวง่ายไม่ไกลจากตัวเมือง และที่สำคัญคือ ชาวชุมชนยังคงรักษาวิถีดั้งเดิม ทั้งการทำนาปลูกข้าวสังข์หยด การทำผ้าปาเต๊ะ และการต่อเรือหัวโทง ที่นอกจากต่อเรือล่องน้ำลำจริงแล้ว ก็ยังต่อยอดมาเป็นเรือหัวโทงขนาดจำลองที่ย่อขนาด แต่มีองค์ประกอบเหมือนเรือลำจริง รวมทั้งมีการตั้ง ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเรือหัวโทงจำลองเกาะกลาง ให้ผู้ที่สนใจเรื่องการต่อเรือหัวโทงได้ศึกษาอย่างละเอียด

การต่อเรือหัวโทงและใช้เรือหัวโทงยังคงเป็นวิถีของชาวเกาะกลาง

Green Design : แม้จะเป็นเรือหัวโทงย่อส่วนแต่วัสดุที่ใช้ทำเรือจำลองยังคงเป็นไม้พะยอม หรือ ไม้ทัง (ต้นกระทัง) ซึ่งเป็นไม้ประเภทเดียวกับที่ใช้ต่อเรือหัวโทงขนาดใหญ่ โดยไม้ทั้งสองชนิดเป็นไม้ท้องถิ่นภาคใต้ มีคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อสภาพอากาศและน้ำทะเล เหมาะสำหรับการต่อเรือประมงในเขตน้ำตื้น ซึ่งการทำเรือหัวโทงจำลองนี้ไม่ใช่เพียงการสืบสานและพยายามถ่ายทอดภูมิปัญญาการต่อเรือหัวโทงให้คนรุ่นหลัง แต่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่านำเศษไม้จากการต่อเรือจริงมาใช้ รวมทั้งนำไม้จากเรือหัวโทงเก่าที่ปลดระวางแต่ไม้ยังคงอยู่ในสภาพดีนำมาตัดและขัดผิวใหม่ จัดวางทุกองค์ประกอบไม่ต่างจากเรือหัวโทงของจริง เป็นของที่ระลึกที่เห็นแล้วก็นึกถึงความงามของท้องทะเลกระบี่ในทันที

Must Buy : เรือหัวโทงจำลองมีให้เลือกหลากหลายขนาดและหลายราคา นอกจากนี้ยังมีเรือแจวจำลอง พวงกุญแจเรือหัวโทงขนาดจิ๋ว และที่จะขาดไม่ได้คือโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนบ้านเกาะกลางสายกรีน ไม่ว่าจะเป็นศึกษาการเลี้ยงผึ้งชันโรง ดัชนีชี้วัดความบริสุทธิ์ของธรรมชาติในพื้นที่ กิจกรรมเพาะพันธุ์ต้นโกงกางช่วยเพิ่มจำนวนต้นไม้สร้างสมดุลนิเวศป่าชายเลน การปล่อยปู คืนสู่ธรรมชาติ และ กิจกรรม Eco Print การทำผ้าพิมพ์สีธรรมชาติจากใบไม้และดอกไม้สดที่จะทำให้ได้เรียนรู้ธรรมชาติและพืชท้องถิ่นไปพร้อมๆ กัน

Contact : ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะกลาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ สอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เรือหัวโทงจำลอง โทร. 081-569-0224

Loylay-ลอยเล” เปลี่ยนเศษไม้ลอยทะเลเป็นงานดีไซน์

“เศษไม้ไม่มีมลพิษ อีกทั้งพื้นผิวของเศษไม้แห้ง โดยเฉพาะขยะจากเศษไม้ลอยเลที่มีริ้วรอยไม่ได้สวยงาม แต่สามารถเอามาทำงานศิลปะได้” นี่คือสารตั้งต้นและแรงบันดาลใจของแบรนด์งานคราฟต์เล็กๆ บนเกาะลันตาน้อย Loylay-ลอยเล กับการเก็บเศษไม้ลอยทะเลที่ถูกคลื่นซัดทับถมเป็นขยะริมชายหาดมาสร้างมูลค่าและเพิ่มคุณค่าใหม่ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างงานศิลปะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมหวังเล็กๆ ว่าร้านของที่ระลึกงานคราฟต์แห่งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในชุมชน

แอม-ชลดา กลันตัน

แอม-ชลดา กลันตัน” เธอเป็นชาวลันตาน้อยแต่กำเนิด ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเธอได้มีโอกาสทำงานอาสาสมัคร โดยร่วมออกแบบงานศิลปะจากขยะให้เด็ก ๆ ในกิจกรรมของสถาบันสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งนั่นทำให้เธอเริ่มมีมุมมองต่อขยะทะเลที่เปลี่ยนไป กระทั่งเมื่อเรียนจบสาขาออกแบบประยุกต์ศิลป์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เธอมีความตั้งใจแน่วแน่ในการกลับมาทำงานที่บ้านเกิด พร้อมนำแรงบันดาลใจตอนเป็นอาสาสมัคร มาออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อแบรนด์  “Loylay-ลอยเล” ที่แปลตรงตัวได้ว่า “ขยะเศษไม้ที่ลอยอยู่ในทะเล”

Green Design : ด้วยความที่เกิดบนเกาะและมีความคุ้นเคยกับท้องทะเลเป็นอย่างดี แอมจึงมองเห็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของขยะเศษไม้ลอยทะเลที่ถูกแช่ในน้ำเค็มจนฉ่ำ นั่นคือ ไม้เหล่านี้จะปลอดเชื้อราและแมลง อีกทั้งไม้ลอยเลส่วนใหญ่เป็น “ไม้ทัง” จากต้นกระทัง ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อนในท้องถิ่นภาคใต้  เหมาะสำหรับการนำมาเลื่อยแต่งรูปทรงได้ง่าย แถมมีลวดลายเฉพาะตัว สามารถใช้เป็นลูกเล่นในการทำชิ้นงานศิลปะได้หลากหลายและมีเพียงลายเดียวในโลก

นอกจากไม้ลอยเลแล้ว เธอยังได้เก็บวัสดุอื่น ๆ ที่ถูกคลื่นซัดมาบนชายหาด ทั้งเศษแก้ว เศษกระเบื้อง นำมาใช้ทำงานศิลปะร่วมด้วย โดยข้อดีของขยะเหล่านี้ คือ มีรูปทรงหลากหลายแทบจะไม่ซ้ำแบบกัน และยังถูกกระบวนการคลื่นซัดฝั่งให้กรวดทรายตามธรรมชาติช่วยลบเหลี่ยมคม เรียกว่า เป็นขยะที่พร้อมใช้งาน สามารถนำมามัดด้วยเศษเชือกอวนที่หลุดลอยทะเล จากขยะธรรมดาก็กลายเป็นโมบายของที่ระลึกได้เช่นกัน

ปฏิบัติการสร้างงานของแบรนด์ Loylay-ลอยเล เป็นความร่วมแรงร่วมใจในครอบครัวระหว่าง พ่อ ลูกสาว (ชลดา) และเด็กๆ ในชุมชน โดยพ่อรับหน้าที่เก็บเศษไม้ลอยทะเลริมชายหาด จากนั้นนำมาตัดไม้ท่อนใหญ่ให้เป็นชิ้นเล็ก ด้านลูกสาวเป็นคนออกแบบ และขั้นตอนสุดท้าย คือ การลงสีที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ในชุมชนที่สนใจงานศิลปะมาร่วมแต่งแต้ม ลวดลาย ปลาดาว เต่าทะเล วาฬสีน้ำเงิน และสัตว์ทะเลอื่นๆ ลงไปบนเนื้อไม้ เป็นการสร้างชุมชนศิลปะเล็กๆ แถมเด็กๆ ยังได้ค่าขนมและได้เรียนรู้ว่าขยะสามารถสร้างมูลค่าได้

Must Buy : นอกจากผลิตภัณฑ์จากไม้ลอยเลที่นำมาแต่งแต้มลงสีเป็นสัตว์ทะเลน่ารักๆ แล้ว ทางร้านยังมีกิจกรรมเวิร์กชอปให้นักท่องเที่ยวทำของที่ระลึกจากเศษไม้ลอยเล ใส่ความทรงจำจากทะเลลงในชิ้นงานกลายเป็นของที่ระลึกที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ใครสนใจเวิร์กชอปต้องติดต่อล่วงหน้า โดยจะเปิดให้บริการที่ศูนย์เรียนรู้บ้านหลังสอด เกาะลันตาน้อย

Contact : บ้านหลังสอด เกาะลันตาน้อย จังหวัดกระบี่ โทร.093-042-0870 FB : Loylay-ลอยเล 

“ชุมชนบ้านนาตีน” ใส่ดีไซน์ให้กะลามะพร้าวในท้องถิ่น

บ้านนาตีน ชื่อนี้คือชุมชนท่องเที่ยวในอ่าวนางที่ผสมผสานทั้ง วิถีมุสลิมพื้นบ้าน การประมง และการทำนาทำสวน โดยเฉพาะสวนมะพร้าว ปัจจุบันชาวบ้านนาตีนได้เปิดหมู่บ้านเป็นพิกัดท่องเที่ยวอย่างเต็มตัวพร้อมให้บริการโฮมสเตย์ระดับมาตรฐาน และที่จะขาดไม่ได้ คือ การออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวกระบี่สายกรีน ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้วิถีชุมชนและอินไปกับธรรมชาติที่ผสานทั้งทะเลและไร่สวน ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาตินี่แหละที่เป็นสิ่งที่ชาวนาตีนหวงแหน และนั่นก็ทำให้บ้านนาตีนติดท็อปชุมชนรักษ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดกระบี่ รวมทั้งมีงานประจำปีที่โชว์ศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวสีเขียวอย่าง “นาตีนกรีนวิลเลจ” ที่จัดต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 7  

คั้นน้ำอ้อยแบบโบราณด้วยขอนมะพร้าว

Green Design : ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของชุมชนบ้านนาตีนที่เชื่อมโยงกับอาชีพดั้งเดิม นั่นก็คือ การทำสวนมะพร้าว เมื่อมีวัสดุจากมะพร้าวเหลือทิ้งจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นต้นมะพร้าว ใบมะพร้าว และมากที่สุด คือ กะลามะพร้าว การต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้ขยะจากมะพร้าวจึงเกิดขึ้นตามมา โดยหลักๆ จะเป็นการแปรรูปกะลามะพร้าวเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  ทั้งภาชนะใส่อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น พวงกุญแจ เครื่องประดับ ถือเป็นการต่อยอดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมในการดัดแปลงใช้งานวัสดุธรรมชาติ และหมุนเวียนขยะในชุมชนให้เกิดมูลค่า เพราะ หากกะลามะพร้าวเหล่านี้ถูกกำจัดด้วยการเผาทิ้งก็จะเสียประโยชน์อย่างน่าเสียดาย

กิจกรรมเวิร์คช็อปที่ต้องจองล่วงหน้า

Must Buy : ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว คือ ของที่ระลึกขายดีอันดับหนึ่งของชุมชน ก่อนที่กระแสการท่องเที่ยวรักษ์โลกจะมาแรงจนทำให้ชุมชนขยายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกสายกรีนไปสู่ผ้ามัดย้อมและบาติกสีธรรมชาติจากพืชท้องถิ่นและดิน โดยมีทั้งแบบสำเร็จพร้อมช็อปเป็นของฝาก และรูปแบบเวิร์กชอปที่ให้นักท่องเที่ยวได้ลงมือละเลงสี สร้างลวดลายด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับการทำผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวที่ทางชุมชนก็มีเวิร์กชอปให้นักท่องเที่ยวได้เข้าร่วม

มาถึงบ้านนาตีนต้องได้ลองประสบการณ์ท่องเที่ยวสายกรีน เริ่มจาก คั้นน้ำอ้อยแบบโบราณด้วยขอนมะพร้าว ซึ่งเป็นวิถีชุมชนดั้งเดิมที่ทำกันเฉพาะในงานสำคัญๆ โดยใช้ต้นมะพร้าวแก่จัดอายุราว 50 ปี ขนาดต้นยาว  3 เมตร จำนวน 2 ต้น ซึ่งเดิมต้นมะพร้าวแก่เหล่านี้ต้องถูกโค่นทิ้งเพราะหมดอายุการให้ผล จากนั้นนำมาแปลงเป็นอุปกรณ์คั้นน้ำอ้อยที่ต้องใช้แรงคน เป็นการลดการเผาทิ้ง อีกทั้งภาชนะใส่น้ำอ้อยยังเป็นกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งช่วยลดการใช้พลาสติก 

กระบี่

ต่อด้วย เวิร์กชอปทำขนมทุ่มโพร้ง หรือ ขนมโค ซึ่งชาวนาตีนตั้งชื่อจากกรรมวิธีโยนหรือ “ทุ่ม” แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้มะพร้าวลงไปต้มขณะน้ำกำลังเดือด เวลาทุ่มจะมีเสียงดัง “โพร้ง” โดยนักท่องเที่ยวจะได้ย้อนเวลาไปขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวแบบโบราณ จัดเสิร์ฟในภาชนะจากกะลาและใบมะพร้าวสาน เรียกว่าทุกกิจกรรมท่องเที่ยวของบ้านนาตีนจัดเต็มทั้งเรื่องภูมิปัญญา วิถีชีวิต และคุณค่าของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติเป็นอีกมุมมองท่องเที่ยวกระบี่ที่มากกว่าทะเล

Contact : บ้านนาตีน อ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ จองโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชน หรือเรียนรู้ขั้นตอนการทำผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าว โทร.081-968-8532

กระบี่

“Lanta Batik” บาติกที่ซ่อนเรื่องเล่าของชาวกระบี่

“ที่นี่ไม่ได้ต้องการศิลปิน เขาต้องการชาวนา และชาวประมง”

ย้อนไปราว 20 ปีก่อนเมื่อครั้งที่ “เกาะลันตา” เพชรเม็ดงามฝั่งทะเลอันดามันเพิ่งเปิดตัวต่อสายตานักเดินทางทั่วโลก ลันตาบาติก ดูจะเป็นของแปลกใหม่บนเกาะที่มีแต่ชาวประมงและชาวนา ส่วนนักท่องเที่ยวก็ยังไม่คึกคักแบบปัจจุบัน แม้แต่ผู้ก่อตั้งอย่าง “สายชล ละงู” ก็ยังไม่รู้ว่าผ้าบาติกจะสามารถกลายเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้จริงไหม รู้แต่เพียงว่าเขาต้องการกลับมาเติบโตที่บ้านเกิดบนเกาะลันตา สายชลจึงนำวิชาผ้าบาติกในสมัยมัธยมฯ ซึ่งเป็นชั่วโมงเรียนที่รักที่สุดมาต่อยอดสร้างสรรค์ผ้าบาติกเป็นของฝากประจำเกาะลันตา พร้อมค้นหาตัวตนและสไตล์ผ่านผ้าบาติกอยู่หลายปีจนในที่สุดก็สามารถก่อตั้งเป็น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลันตาบาติก” ที่ชวนคนรุ่นใหม่ในชุมชนมาร่วมสร้างงาน และส่งต่อผ้าบาติกให้ช่างตัดเย็บในชุมชน ที่สำคัญคือไม่ลืมถ่ายทอดเรื่องราวของกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นลูกปัดคลองท่อม สัตว์ทะเล ธรรมชาติ และหญิงสาวแห่งลันตาลงไปในลวดลายของผ้าบาติก

กระบี่
สายชล ละงู

Green Design : ในแง่การดีไซน์ ลันตาบาติก ถือได้ว่าแตกต่างจากผ้าบาติกทั่วไปด้วยการฉีกจากรูปฟอร์มดอกไม้ พรรณไม้แบบเดิมๆ มาเป็นงานเขียนบาติกแบบฟรีแฮนด์ วาดลวดลายราวกับผืนผ้าเป็นเฟรมผ้าใบ ซ้ำยังมีการวาดใบหน้าหญิงสาวลงไป หรืออย่างสัตว์ทะเลก็เป็นรูปฟอร์มร่วมสมัยที่นำไปแขวนโชว์ได้ไม่ต่างจากงานศิลปะชิ้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนางานด้วยการค้นหาสีธรรมชาติจากพืชในท้องถิ่นมาใส่ในงานบาติก เช่น สีจากเปลือกแสมกับตะบูน สีจากใบหูกวาง และล่าสุดกับการนำเศษอวนขยะจากท้องทะเลมาจับคู่กับบาติกป็นกระเป๋าแฟชั่น

กระบี่
ลายลูกปัดคลองท่อม

Must Buy : ผ้าบาติกที่นี่มีลวดลายที่แทบจะไม่ซ้ำกัน เพราะเป็นการวาดมือตามแต่ความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินซึ่งก็จะมีคอลเลคชันที่แตกต่างกันไป มีทั้งแบบผ้าคลุมไหล่ เสื้อคลุม และผ้าบาติกที่ตัดเย็บเป็นชุดแล้ว นอกจากนี้ยังมีบาติกสีธรรมชาติจากพืชในท้องถิ่น และกระเป๋าจากเศษอวน

Contact :  เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โทร. 092-982-9704 FB : lantabatikshop


Author

ทศพร กลิ่นหอม
นักเขียนสายบันเทิง สังคม ท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ เคยประจำการอยู่ที่ เมเนจเจอร์ออนไลน์ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และรายการ ET Thailand ปัจจุบันรับจ้างทั่วไป