
Kromo Bangkok ถอดความหมาย กรุงเทพฯ สู่ดีไซน์โรงแรมเล่าเรื่องเมืองเทวดาที่บริบูรณ์ด้วยแก้ว 9 ประการ
- Kromo Bangkok โรงแรมแห่งแรกในไทยภายใต้แบรนด์ Curio Collection by Hilton ได้แรงบันดาลใจจากความหมายของชื่อเมือง กรุงเทพฯ สู่คอนเซ็ปต์การออกแบบ The Nine Gems of Bangkok หรือ มณีนพรัตน์
- เรื่องราวของอัญมณีทั้ง 9 ได้นำมาตีความและตกแต่งตามส่วนต่างๆ ของโรงแรมผ่านผลงานศิลปะและงานออกแบบจาก 10 สตูดิโอ/ศิลปิน
Kromo Bangkok โรงแรมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่และแห่งแรกในไทยภายใต้แบรนด์ Curio Collection by Hilton เปิดตัวใจกลางกรุงเทพฯ ณ ปากซอยสุขุมวิท 29 ด้วยการนำผลงานศิลปะและงานออกแบบจาก 10 สตูดิโอ/ศิลปิน มาตกแต่งตามส่วนต่างๆ ตั้งแต่ทางเข้าของโรงแรม ฟาซาด โถงลิฟต์ ล็อบบี้ ห้องพัก ห้องอาหาร และ สระว่ายน้ำภายใต้คอนเซ็ปต์ The Nine Gems of Bangkok หรือ อัญมณีทั้ง 9 ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดในชื่อเต็มที่ยาวที่สุดในโลกของกรุงเทพฯ


“Kroma มาจากคำว่า Chroma ที่หมายถึงสเปกตรัมของสี เพื่อสื่อถึงความหลากหลายของกรุงเทพฯ และในโลโก้ของโรงแรมจะเห็นว่าตัวอักษร ‘O’ จะแอบบิดเอียงเล็กน้อยเปรียบเสมือน ‘รูกุญแจ’ ที่ชักชวนให้ผู้คนไขไปสู่การค้นพบผ่านโครงเรื่อง The Cabinet of Wonders ที่ให้ประสบการณ์การเข้าพักที่แตกต่างและโอบล้อมด้วยงานศิลปะ” ศุภสิริ ไพรสานฑ์กุล Managing Director-Product Design Development ของ SCX Corporation กล่าวถึงคอนเซปต์หลักของโรงแรม

SCX เป็นบริษัทในเครือ SC Asset ที่ดำเนินธุรกิจด้านโรงแรมและออฟฟิศโดยโรงแรมแห่งแรกของบริษัทคือ Yarn Ratchawat ตั้งอยู่ใจกลางย่านราชวัตร กรุงเทพฯ ส่วน Kromo Bangkok บริหารและจัดการโดย Curio Collection by Hilton เพื่อให้ได้มาตรฐานการบริการระดับโลกอีกทั้งยังมีแนวคิดที่สอดคล้องกันเนื่องจาก Curio มาจากคำว่า Curiosity หรือ ความอยากรู้อยากเห็นที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก The Cabinet of Curiosities ซึ่งเป็นชื่อเรียกตู้หรือห้องเก็บของสะสมที่เกิดขึ้นในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16-17 หรือยุคแห่งการสำรวจ (Age of Discovery) ที่ชาวยุโรปเริ่มออกเดินทางทางทะเลไปยังดินแดนต่างๆทั่วโลกเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆจนเกิดการสะสมของที่คิดว่าแปลกประหลาด มหัศจรรย์ และหายาก จนถือเป็นต้นแบบของพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน


“ด้วยโครงเรื่อง The Cabinet of Wonders ทำให้เราสร้าง Storytelling ที่เหนือจริงได้ เราจึงนำคีย์เวิร์ดที่อยู่ในชื่อเต็มของกรุงเทพฯ คือ City of Angels (กรุงเทพมหานคร) และ City of Nine Gems (นพรัตนราชธานีบูรีรมย์) มาถ่ายทอดความเป็นเมืองเทวดา นางฟ้านางสวรรค์ และเอาอัญมณีทั้ง 9 มาซ่อนอยู่ในส่วนต่างๆ ของโรงแรมโดยแปลงกายเป็นองค์ประกอบต่างๆ อย่างงานศิลปะ เฟอร์นิเจอร์ และของประดับตกแต่ง เช่น สวนดอกไม้สีแดงตรงทางเข้าของโรงแรมเปรียบเสมือน ‘โกเมน’ ส่วนโถงลิฟต์และตัวลิฟต์มีพระจันทร์แฝงอยู่ทั้งบนพื้น เพดาน และผนัง เพื่อสื่อถึง ‘มุกดาหาร’ หรือ ‘มูนสโตน’ ห้องพักตกแต่งในธีมสี ‘ทับทิม’ส่วนบริเวณล็อบบี้ออกแบบเป็นสวนของเทวดานางฟ้าสอดแทรกด้วยสีเขียว ‘มรกต’ ในงานศิลปะที่ประดับตกแต่ง ” วรรวณิชย์ จิรรังสีรัตน์ แห่ง DIN Studio กล่าวถึงการวางโครงเรื่องและคอนเซ็ปต์การตกแต่งในธีมอัญมณีทั้ง 9


Luxelife Studio รับหน้าที่ออกแบบตกแต่งภายในห้องพักทั้ง 306 ห้อง และโถงทางเดินทุกชั้นโดยได้แรงบันดาลใจจาก ทับทิม ซึ่งเป็นอัญมณีแห่งพระอาทิตย์ ภายในห้องพักจึงมีการไล่เฉดโทนขาว ชมพูอ่อนและน้ำตาลแดงเหมือนแสงอาทิตย์อบอุ่นที่ฉาบไล้ลงมา และยังนำพระอาทิตย์ไปเชื่อมโยงถึง Sunbird หรือ นกกินปลี ด้วยการนำลวดลายของขนนกมาตกแต่งในห้องพัก พรมและโถงทางเดิน

นักรบ มูลมานัส ศิลปินชื่อดังด้านงานศิลปะคอลลาจได้ออกแบบลวดลายบนชุดคลุมอาบน้ำ ลายพิมพ์ตกแต่งตู้เสื้อผ้าและภายในตู้ลิ้นชัก ลายตกแต่งกระจกแขวนผนังและกระจกตกแต่งในห้องหัวมุม ภาพตกแต่งผนังห้องสวีท และตู้ค็อกเทล ที่ยังคงซิกเนเจอร์งานคอลลาจเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์


“โรงแรมมี Storytelling ที่เข้มแข็งในการหยิบยกมุมของกรุงเทพฯ มานำเสนอใหม่จากรากฐานทางวัฒนธรรมและปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตร่วมสมัย เรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่เราสนใจอยู่แล้วจึงนำมาเล่าตามโครงเรื่องของโรงแรมและเฉดสีของอัญมณีต่างๆ ให้มีลูกเล่นสนุกๆ โดยทั่วไปในภาพจิตรกรรมฝาผนังมักจะมี ‘ภาพกาก’ (ภาพที่เป็นส่วนนอกเหนือจากโครงเรื่องหลักเพื่อสอดแทรกวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอารมณ์ขันของช่างเขียน) งานของผมมีรูปม้าลายที่สื่อถึงรูปปั้นม้าที่คนนิยมนำมาถวายศาลพระภูมิ รูปไก่ ลิง และช้าง จากสำนวน ไก่ได้พลอย วานรได้แก้ว ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ขี่ช้างจับตั๊กแตน หรือจากวรรณคดีเรื่อง แก้วหน้าม้า แต่สื่อถึงผู้หญิงในเวอร์ชันที่สวยงาม” นักรบกล่าวถึงการออกแบบวิชวลโดยเฉพาะสำหรับการตกแต่งในแต่ละจุด

“ปกติอาร์ตเวิร์คของเราจะวิชวลแน่น แต่กับโรงแรมถ้าใส่วิชวลแน่นเกินไปคนคงนอนไม่หลับ เราก็ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ออกมาในสัดส่วนที่พอดีและให้บรรยากาศโคซี่ด้วย การใส่วิชวลบนบานตู้เครื่องดื่มและด้านในของบานตู้เก็บของมาจากคอนเซปต์หลักคือ The Cabinet of Wonders ที่เห็นแล้วดู odd หรือแปลกประหลาดและมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ให้ถอดรหัสอาร์ตเวิร์คเล่นๆ” เขากล่าวเพิ่มเติม

บริเวณผนังด้านหนึ่งของ วิลา ครีเอทีฟ โซเชียล สเปซ ที่ชั้น 10 ตกแต่งด้วยงานศิลปะกระดาษในรูปแบบหนังสือนับพันเล่ม สร้างสรรค์โดย พันทิพา ตันชูเกียรติ แห่ง LIKAYBINDERY โดยเธอได้จัดเรียงหนังสือแต่ละเล่มด้วยการโชว์ด้านที่เห็นขอบกระดาษหนังสือออกสู่ภายนอกแทนที่จะเป็นด้านสันปก ชั้นหนังสือโทนสีขาวยังทำหน้าที่เสมือนผืนผ้าใบสำหรับให้ Studio JEW+ สร้างสรรค์ภาพวาดด้วยสีอะคริลิกเป็นรูปแมวไทยวิเชียรมาศและก้อนเมฆในบรรยากาศฟุ้งๆ ที่สะท้อนถึงอัญมณี ไพฑูรย์ หรือ เพชรตาแมว
“พื้นที่บริเวณนี้ต้องการให้ความรู้สึกถึงห้องหนังสือในบรรยากาศสบายๆ เราต้องคิดถึงขนาดของหนังสือและการผลิตที่เป็นไปได้โดยพยายามใช้กระดาษให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้สิ้นเปลือง หนังสือมีความลึก 10 เซนติเมตร ความหนาตั้งแต่ 2-6 เซนติเมตร และมีความสูง 3 ระดับจาก 36 เซนติเมตรและไล่ระดับลงมาต่างกันเล็กน้อยเพื่อให้เกิดมิติและไม่ดูตันเวลาจัดแสดง กระดาษที่ใช้เป็นกระดาษถนอมสายตาและหนา 80 แกรมซึ่งไม่หนาและไม่บางเกินไปสำหรับทีมวาดภาพด้วย และมีการยึดปกหนังสือกับกระดาษด้วยตาข่ายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง” พันทิพาอธิบายขั้นตอนการสร้างสรรค์

ขอบกระดาษของหนังสือไม่ได้เป็นสีขาวล้วนทั้งหมด แต่พันทิพาทำงานร่วมกับโรงพิมพ์โดยใช้แอร์บรัชทำสีขอบกระดาษบางเล่มให้เป็นสีงาช้าง สีเหลื่อมเทาและเหลื่อมน้ำตาลเพื่อสร้างมิติให้กับชิ้นงานเมื่อนำไปจัดวางบนชั้นหนังสือ

ชั้น 10 ยังเป็นส่วนล็อบบี้ที่เพดานประดับด้วยงานศิลปะโดยดีไซเนอร์ กรกต อารมย์ดี ผู้ที่มีชื่อเสียงในการนำทักษะการทำว่าวมาประยุกต์ใช้กับงานคราฟต์ไม้ไผ่ ตาม Storytelling ของโรงแรมนั้นชั้น 10 เป็นที่ตั้งของวิมานเทพ เขาจึงสร้างงานที่เปรียบดั่งก้อนเมฆในสรวงสวรรค์โดยดัดเหล็กให้เป็นรูปทรงสื่อถึงเมฆและขึงด้วยผ้าใยกัญชง จากนั้นนำแต่ละชิ้นงานมาคล้องเกี่ยวกันและห้อยประดับบนเพดาน

โถงล็อบบี้ยังห้อยประดับด้วยงานศิลปะอีกหนึ่งชิ้นคือ Flying Seeds โดย PATAPiAN หรือ ปาตาเพียร แบรนด์ดีไซน์ไทยที่โดดเด่นในการผสมผสานงานจักสานเข้ากับดีไซน์แบบร่วมสมัยโดยงานชิ้นนี้สื่อถึงต้นสาละที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติในตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน อีกทั้งยังออกแบบโคมไฟจักสานทรงหมวกเทวดาที่ติดตั้งอยู่ทั่วล็อบบี้

สำหรับสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ที่ตั้งอยู่บนชั้น 28 ชั้นรูฟท็อปของโรงแรม ตกแต่งด้วยสีน้ำตาลแดงของ เพทาย โดยเฉพาะส่วนเพดานของสระว่ายน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีเพทายสะท้อนผืนน้ำในยามค่ำคืน ผนังบริเวณสระว่ายน้ำเป็นภาพวาดรูปคนกำลังว่ายน้ำในท่าทางต่างๆ ออกโดย Studio JEW+ ซึ่งทางทีมยังเป็นผู้วาดรูปปลากัดไทยที่ห้องอาหารโคเลท บริเวณชั้น 1 เพื่อสะท้อนวิถีชีวิตในอดีตที่จะพบปลากัดได้ในทุ่งบางกะปิซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านสุขุมวิทในปัจจุบัน และเป็นที่มาของสีชมพูกะปิซึ่งใช้ตกแต่งห้องอาหารอีกด้วย


สีเหลืองของ บุษราคัม และสีฟ้าของ ไพลิน ยังปรากฏอยู่ในลวดลายของงานประติมากรรมปลากัดสาน โดย PiN Metal Art ที่ห้อยประดับเพดานของห้องอาหาร พร้อมกับผืนผ้าทอด้วยเส้นใยโลหะเปรียบดั่งฝาแก้วครอบปลากัดโดยดีไซเนอร์ จารุพัชร อาชวะสมิต ผู้ร่วมก่อตั้ง Ausara Surface แบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียงในการผลิตนวัตกรรมผ้าทอด้วยเส้นใยโลหะและแร่ธาตุต่างๆ เช่น ทอง เงิน ทองแดง ทองเหลือง ดีบุก อะลูมิเนียม สเตนเลส แก้ว และ หนัง

รายละเอียดการออกแบบตกแต่งของโรงแรมจึงเป็นส่วนผสมระหว่าง The Cabinet of Wonders กับ The Cabinet of Curiosities ที่ชวนให้ผู้เข้าพักค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแต่ละลิ้นชักของตู้พิศวงซึ่งสื่อให้เห็นตั้งแต่กลางโถงทางเดินชั้น 1 ที่เมื่อก้าวเข้าประตูมาจะเจอกับ ประติมากรรมสีขาวรูปทรงกระบอกมีหลายลิ้นชักและภายในแต่ละลิ้นชักมีอับชะลอมไม้ไผ่จิ๋วซ่อนข้อความเสี่ยงทายให้ผู้เข้าพักได้เล่นสนุกตั้งแต่ก้าวแรกเลยทีเดียว
Fact File
- Kromo Bangkok ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ปากซอยสุขุมวิท 29 กรุงเทพฯ
- โทร: 02-078 8488
- www.kromobangkok.com
