Varana โรงแรมที่ผสานความยั่งยืน พร้อมความเชื่อที่ว่า Wellness is Happiness
Brand Story

Varana โรงแรมที่ผสานความยั่งยืน พร้อมความเชื่อที่ว่า Wellness is Happiness

Focus
  • Varana Hotel Krabi โรงแรมน้องใหม่ในเครือ เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท
  • หัวใจหลักที่เหนือจากการบริการคือคำว่า Wellness is Happiness ที่ยังคงไม่ทิ้งเรื่องของความยั่งยืน
  • คอนเซปต์ความยั่งยืนริเริ่มตั้งแต่ต้นทางไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุก่อสร้าง ต่อเนื่องไปจนถึงระบบไฟที่เอื้อต่อระบบนิเวศและความเป็นอยู่ของแมลง

กี่ปีผ่านไป ทะเลใต้ฝั่งอันดามันก็ยังคงเป็นจุดหมายที่นักเดินทางฝันถึง ไม่ว่าจะด้วยเสน่ห์ของท้องทะเลไทยหรือการได้ล่องเรือออกไปชมความงามของเกาะน้อยใหญ่ โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ที่มีเกาะอยู่มากถึง 154 เกาะ จึงไม่แปลกที่ Island Hopping จะเป็นกิจกรรมที่บรรจุอยู่ในแพลนทริปอย่างพลาดไม่ได้ เพราะความน่าตื่นตาของธรรมชาติสุดลูกหูลูกตารอเราอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็คงจะดีไม่น้อยหากทริปการเดินทางของเราสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในด้านอื่นๆ ของชีวิตไปพร้อมกัน

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอีกเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการบาลานซ์สุขภาพทั้งกายและใจให้เกิดสมดุล วารานา (Varana) โรงแรมน้องใหม่ในจังหวัดกระบี่ จึงเกิดมาพร้อมกับคำว่า Wellcation Experience ที่ไม่เพียงแค่ผสานไลฟ์สไตล์เชิงสุขภาพด้วยกิจกรรมสนุกๆ แต่ภายในพื้นที่รวม 20 ไร่แห่งนี้ ยังแฝงไว้ด้วยมิติความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ และนี่คือเหตุผลที่ วารานา กลายเป็นหมุดหมายใหม่ควรไปเยือนเมื่อไปถึงจังหวัดกระบี่ 

Varana กระบี่

บ้านของผู้มาเยือน

อันที่จริงจะบอกว่าเป็นโรงแรมน้องใหม่ก็ไม่เชิงนัก เพราะหากเอ่ยชื่อ เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท (The Tubkaak Krabi Boutique Resort) น่าจะคุ้นหูใครหลายคนอยู่ไม่น้อยทีเดียว และ วารานา เองก็ปลุกปั้นโดย วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน ที่ก่อตั้งเดอะ ทับแขกให้แตกต่างและยืนระยะมาได้ถึง 20 ปี (เปิดทำการ พ.ศ.2546) ที่ตั้งของทั้งสองแห่งอยู่ไม่ไกลจากกัน โดยมีอ่าวทับแขกเป็นจุดเชื่อม และจากความหมายของคำว่า “ทับ” ที่แปลว่าบ้าน “แขก” หมายถึง ผู้มาเยือน เมื่อขยายมาสู่ วารานา ที่นี่จึงยังคงปรัชญาการทำโรงแรมแบบเดิมไว้นั่นคือให้ความสำคัญกับผู้คนและการบริการเสมือนการไปบ้านเพื่อน รวมถึงพนักงานส่วนมากที่เป็นชาวท้องถิ่นในชุมชน

Varana กระบี่
Varana กระบี่

Sustainable ที่เริ่มตั้งแต่ก่อนสร้างโรงแรม

“อีกมิติหนึ่งของคำว่า sustainability คือความแพงอยู่ที่คุณค่าของมัน อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม สิ่งนี้ต่างหากที่เราคิดว่ามันมีคุณค่า” 

ดีไซน์ของ วารานา ออกมาในคอนเซปต์ minimalist luxury ซึ่งวิภาวรรณเล่าว่า การออกแบบที่น้อยแต่สวย และตอบโจทย์ความยั่งยืน (sustainable) นั้นเป็นเรื่องยาก ทั้งหมดเลยกินเวลาไปถึง 9 ปีในการวางองค์ประกอบเพื่อฉายภาพให้ชัดว่า “sustainable ไม่ใช่แค่เรื่องของการปลูกผักอีกต่อไปแล้ว” สิ่งที่วารานาทำจึงเป็นการคิดและมองหาตั้งแต่ต้นทางว่า หากเลือกสิ่งนี้แล้วจะไปต่อทางไหนได้อีก เช่น วัสดุก่อสร้างอย่างไม้ไผ่หรือไม้สัก หากเหลือจากการใช้งานก็จะต้องสามารถนำไปแปรรูปเป็นป้ายชื่อพนักงาน แท็กกระเป๋าหรือป้ายบอกข้อมูลในห้องพักได้โดยไม่มีส่วนเหลือทิ้ง และนั่นจึงทำให้ของตกแต่งภายในห้องพักทั้ง 141 ห้อง จาก 6 อาคาร เลือกใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติเกือบทั้งหมดเพื่อที่เหลือขยะให้น้อยที่สุดในขั้นตอนการก่อสร้างโรงแรม

Varana กระบี่

Water Story

ด้วยความที่ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้เมื่อฝนตกเกิดน้ำเอ่อไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำค่อนข้างมาก ที่นี่จึงจำเป็นต้องทำ ธนาคารน้ำ (groundwater banking) ในการดึงน้ำลงสู่ใต้ดิน จุดนี้ทำให้ดินมีความชุ่มชื้นและต้นไม้สามารถเขียวชอุ่มอยู่ได้เองโดยไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวันในยามที่ฝนไม่ตก อีกทั้งตัวอาคารโดยรอบยังพลอยได้รับไอเย็นไปด้วย

ทำงานร่วมกับชุมชน

แม้สิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมในโรงแรมจะแน่นมากจนแทบไม่ต้องออกไปไหน แต่มาถึงทะเลกระบี่แล้วพลาด Island Hopping ไปคงเสียดาย ซึ่งที่นี่มีบริการเรือหางยาวสำหรับออกทัวร์โดยเฉพาะเส้นทางไฮไลต์ไปยังหมู่เกาะห้อง เพียงแค่ข้ามฝั่งถนนไปสู่หน้าหาดก็พร้อมออกเดินทางแล้ว 

ปัจจุบัน วารานา มีเรือหางยาวให้บริการอยู่ราว 10 ลำ โดยการทำงานร่วมกับคนในชุมชนที่เดินเรืออยู่แล้ว ทางโรงแรมเพียงเพิ่มการตกแต่งส่วนหน้าเรือให้พร้อมสำหรับการปิกนิก ซึ่งหากใครต้องการจองพร้อมอาหารที่นี่มีเซตปิ่นโตพร้อมเสื่อสำหรับปูนั่ง ส่วนหนึ่งเพื่อลดการนำขยะพลาสติกไปหย่อนทิ้งไว้บนเกาะอีกทาง

และอีกหนึ่งความเป็นท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้คือร้านจำหน่ายของที่ระลึกในโรงแรม JAI ซึ่งมีทั้งชิ้นงานเล่าเรื่องราวสิ่งแวดล้อมและการสนับสนุนงานฝีมือและศิลปินท้องถิ่น

อาหารที่เลือกมาแล้วว่าถูกทุกข้อ

หากใครกำลังคิดว่าโรงแรมที่เน้นเรื่อง wellness จะมีแต่อาหารสุขภาพจนรู้สึกไม่จอยหรือเปล่า เราจะบอกว่าตรงกันข้าม เพราะไอเดียเรื่องอาหารของที่นี่คือคำว่า “ถูกทุกข้อ” วารานามีสองห้องอาหารหลักนั่นคือ นุก (NOOK) ที่เสิร์ฟตั้งแต่อาหารเช้าและ All Day Dining ในหมวดอาหารไทยและตะวันตก โดยมี เชฟเดวิด ทอมป์สัน มาร่วมครีเอตเมนู ส่วนมื้อค่ำรับรองโดย ซิน (Xin) ห้องอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นที่ได้ เชฟป้อม-ธนรักษ์ ชูโต มาเป็น consultant chef

ทุกห้องอาหารเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิกจากสวนผักภายในโรงแรม อีกทั้งส่งตรงจากชุมชนโดยรอบ ทำให้รสชาติของกระบี่ถูกเสิร์ฟผ่านรสอาหารที่สดใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เหมือนกับการไปรับประทานที่ไหน เช่น แมงกะพรุนจากเรือประมง น้ำผึ้งจากชุมชนเลี้ยงผึ้งบ้านไหนหนัง นั่นทำให้คอนเซปต์สุขภาพและความยั่งยืนถูกหยอดเอาไว้ ผู้เข้าพักได้รับประทานอาหารที่หลากหลายไม่ผ่านการแปรรูป ขณะเดียวกันก็ช่วยลดอัตราการเกิดคาร์บอนจากการขนส่งไปในคราวเดียว 

นอกจากนี้ยังมี ซิป (SIP) บาร์ริมสระว่ายน้ำสำหรับนั่งชิล รวมถึง ศาลา (SALA) สแปนิชทาปาสบาร์ และ เดอะ บีช (The Beach) บีชคลับริมชายหาดที่กำลังจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปี 2566 นี้ด้วย

Wellness is Happiness

เวลาทั้งวันก็ยกให้ได้เลย สำหรับสายกิจกรรมและนักกีฬาเชื่อว่ามาที่นี่แล้วต้องเต็มอิ่มกลับไปแน่ เพราะเรื่อง sport และ wellness จริงจังแบบไปสุด โดยเฉพาะสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิก ขนาด 7×50 เมตร ซึ่งวิภาวรรณมองว่าในอนาคตที่นี่จะเป็นจุดหมายอีกแห่งสำหรับการพักผ่อนเก็บตัวและฝึกซ้อมกีฬา แต่ภายในโซนเดียวกันยังมีสระว่ายน้ำมาตรฐาน สระเด็กรวมถึงสระเวลเนส (NAMM Wellness Pool) ที่ภายในสระจะประกอบด้วย 10 เส้นทางของน้ำในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ออกแบบมาช่วยคลายความเมื่อยล้าและเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย

ใครยังขยับร่างกายไม่จุใจที่นี่ยังมีส่วนของฟิตเนสทั้งอินดอร์และกิจกรรมเอาต์ดอร์อย่างปีนหน้าผา มวยไทย aqua aerobic หรือราวโหน monkey bar ให้ได้ใช้กล้ามเนื้อกันแบบเน้นๆ แต่หากใครต้องการมาพักผ่อนและบำบัดความอ่อนล้าหมดแรง ฟ้า สปา (FAA) ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกคนด้วยบ่อออนเซ็นทั้งร้อนและเย็น โปรแกรมนวดและห้องสตรีมเซานาที่ใช้สมุนไพรพื้นบ้านจากภายในโรงแรม เช่นข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ส้มป่อย ขมิ้นและใบพลับพลึง แต่ไฮไลต์อีกอย่างของฟ้า สปา หากใครจองโปรแกรมนวด เราอยากชวนสังเกตที่พื้นรูปสามเหลี่ยม เพราะไม่เพียงแต่จะให้ความหมายในแง่ของความสมดุล กระเบื้องเหล่านี้ยังผลิตจากเศษกระเบื้องเซรามิกจากจังหวัดลำปางเพื่อนำมาใช้งานใหม่

วารานา ชื่อที่แปลว่า คน , ป่า , น้ำ

วารานา เกิดจากคำสมาสคือ วานา หมายถึง ป่า , นาวา หมายถึง น้ำ และ นารา หมายถึง มนุษย์ เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลของสามสิ่งนี้ public space ของที่นี่จึงได้มีการปลูกไม้พุ่มและไม้เลื้อยเพื่อสร้างระบบนิเวศ มีที่อาศัยให้กับแมลง อีกทั้งพืชที่เลือกปลูกยังมีคุณสมบัตินำไปใช้งานได้ต่อ ไม่ว่าจะเป็นพวงชมพูสำหรับแต่งจานอาหาร พุทธรักษาและใบเตยให้กลิ่นหอม หรือพลับพลึงสำหรับใช้ในสปา และนำใบโตๆ มาเขียนการ์ด welcome ให้กับแขก

ตกกลางคืนที่นี่ปิดไฟค่อนข้างเร็ว แง่การประหยัดพลังงานก็ส่วนหนึ่ง แต่สาเหตุสำคัญคือเพื่อให้แมลงได้ออกมาผสมพันธุ์อย่างไม่สับสนว่าเวลาไหนเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน นี่จึงทำให้ไฟบริเวณหน้าห้องพักติดตั้งด้วยระบบเซนเซอร์เมื่อเดินผ่านไปด้วย

คน ป่า น้ำ ในพื้นที่ของวารานาจึงหมุนเวียนกันเป็นวงจรอยู่เสมอ ที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่งคือเศษวัตถุดิบจากห้องอาหารที่จะถูกส่งไปทำปุ๋ยหมักสำหรับต้นไม้ดอกไม้ในสวนและเมื่อพืชพรรณเหล่านั้นเติบโตงอกงาม ประโยชน์ใช้สอยก็ได้ถูกส่งต่อมายังมนุษย์ผู้อยู่อาศัยร่วมกันต่ออีกทอดหนึ่ง

Fact File

  • Varana Hotel Krabi ที่ตั้ง : 258 หมู่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 
  • เว็บไซต์ : www.varanahotel.com  
  • โทร. 075-656-989

Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ