แจกลายแทง ปราสาทหินสุรินทร์ ย้อนรอย ชัยวรมัน ในดินแดนอีสานใต้
Lite

แจกลายแทง ปราสาทหินสุรินทร์ ย้อนรอย ชัยวรมัน ในดินแดนอีสานใต้

Focus
  • ปราสาทหินแบบขอมโบราณ ต้องเข้าใจก่อนว่านี่ไม่ใช่ที่ประทับสำหรับกษัตริย์ แต่ปราสาทหินเหล่านี้ล้วนเป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
  • กลุ่มปราสาทตาเมือนประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนโต๊ด (อโรคยาศาล) ปราสาทตาเมือน (ที่พักคนเดินทาง) และปราสาทตาเมือนธม ซึ่งทำหน้าที่เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย

ไม่เกินจริงหากจะกล่าวว่า สุรินทร์ถิ่นปราสาท เพราะจังหวัดเดียวมีปราสาทหินโบราณทั้งเล็กใหญ่ไม่ต่ำกว่า 39 แห่ง อีกทั้งปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุดในไทยก็ตั้งอยู่ที่สุรินทร์ นักล่าปราสาทโบราณจึงต้องไม่พลาดเส้นทาง ปราสาทหินสุรินทร์ ทั้งนี้ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าเมืองสุรินทร์มีพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนัน และรุ่งเรืองขึ้นในสมัยอาณาจักรเจนละบก ดังที่เห็นได้จากศิลปะสมัย สมโบร์ไพรกุก ที่ปรากฎร่องรอยอยู่ใน ปราสาทภูมิโปน หนึ่งในปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ต่อมาเมื่ออาณาจักรขอมรุ่งเรืองจึงมีการสร้างปราสาทขอมจำนวนมากขึ้นในพื้นที่สุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเส้นทางราชมรรคาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เชื่อมระหว่างเมืองพิมายและนครวัดอันเป็นเมืองสำคัญสมัยอาณาจักรขอมรุ่งเรือง ซึ่งถ้าเทียบช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมเจริญสูงสุดก็ราวพุทธศตวรรษที่ 16-18 ตรงกับช่วงเวลาที่เชียงใหม่และสุโขทัยกำลังจะก่อร่างสร้างเป็นเมืองพอดี

ปราสาทหินสุรินทร์

เมื่อพูดถึงปราสาทหินแบบขอมโบราณ ต้องเข้าใจก่อนว่านี่ไม่ใช่ที่ประทับสำหรับกษัตริย์ แต่ปราสาทหินเหล่านี้ล้วนเป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งให้ความเคารพพระศิวะ ทำให้เรามักพบ “ศิวลึงค์” ประดิษฐานอยู่ที่ปราสาทหลักหรือที่เรียกว่าปราสาทประธาน และระหว่างทางไปเทวสถานก็จะเจอปราสาทที่สร้างเป็นศาลาพักของผู้คน รวมทั้งอโรคยาศาลาหรือโรงพยาบาลชุมชนอีกด้วย

ปราสาทหินสุรินทร์
ปราสาทตาเมือนโต๊ด

ส่วนการเที่ยวปราสาทขอมให้สนุกนั้นแนะนำให้มองหาเรื่องเล่าของประสาทแต่ละหลังซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าบัน (จั่วอาคาร) ทับหลัง (แผ่นสี่เหลี่ยมเหนือประตู) รวมทั้งเสาประดับกรอบประตูและฐานอาคารที่มีภาพสลักหินละเอียดอ้างอิงจากรามายณะและเทพฮินดูต่างๆ สวยงามมาก นอกจากนี้ยังมี บรรณาลัย เป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์ทางศาสนา หรือการดูคติความเชื่อเรื่องกำเนิดจักรวาลที่คลี่คลายออกมาเป็นการจัดวางตำแหน่งแผนผังปราสาท

ปราสาทหินสุรินทร์

และสำหรับนักท่องเที่ยวสายล่าปราสาทหิน แน่นอนว่าสุรินทร์เป็นจุดหมายที่ต้องมาเช็คอินให้ได้สักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปราสาทริมชายแดนอย่างปราสาทตาเมือน ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาเมือนโต๊ด การตามหาภาพพระกฤษณะโควรรธนะที่หน้าบันปราสาทบ้านพลวง หรือจะเป็นทับหลังศิวนาฏราช 10 กรฟ้อนรำของปราสาทศีขรภูมิที่อ่อนช้อยและสมบูรณ์มากๆ และถ้าอยากเห็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่ขุดพบในบริเวณปราสาทจังหวัดสุรินทร์ยังสามารถปักหมุดชมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ได้อีก ส่วนจะมีปราสาทหินที่ไหนในจังหวัดสุรินทร์ที่ต้องไปเชคอินบ้าง Sarakadee Lite รวบรวม 10 ปราสาทหินสุรินทร์ ที่ต้องเช็คอินพร้อมสิ่งต้องชมมาให้ครบแล้ว

ปราสาทหินสุรินทร์

ปราสาทตาเมือนธม

หนึ่งใน 3 กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งเป็นกลุ่มปราสาทริมชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขตเทือกเขาพนมดงรัก ใกล้ช่องตาเมือน จุดร่วมของผู้คนระหว่างคนเขมรต่ำ-เขมรสูง (อีสานใต้) ในอดีต กลุ่มปราสาทตาเมือนประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนโต๊ด (อโรคยาศาล) ปราสาทตาเมือน (ที่พักคนเดินทาง) และปราสาทตาเมือนธม ซึ่งทำหน้าที่เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ออกแบบด้วยศิลปะขอมแบบบาปวน ด้านในปราสาทตาเมือนธมประดิษฐานศิวลึงค์สัญลักษณ์พระศิวะ (พระอิศวร) เทพเจ้าสูงสุด เรียกว่า “สวายัมภูลึงค์” ซึ่งเป็นศิวลึงค์ที่สำคัญที่สุดของลัทธิไศวนิกาย สันนิษฐานว่าเป็นศิวลึงค์ที่ตั้งอยู่บริเวณนี้มาแต่เดิม และภายหลังจึงสร้างปราสาทครอบ

ปราสาทหินสุรินทร์
ปราสาทตาเมือนธม

ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่สุดและเก่าแก่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือน ประกอบด้วยปราสาทสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง 3 หลัง และบรรณาลัย หมายถึง อาคารหอสมุดที่เก็บรักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ 2 หลัง ทั้งยังมีการค้นพบศิลาจารึกอักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต และเขมร ซึ่งเป็นตัวอักษรที่ใช้ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 มีเนื้อหากล่าวสรรเสริญพระศิวะและกล่าวถึงนามของทาสและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษาเทวสถานแห่งนี้

ปราสาทหินสุรินทร์
ศิวราฏราช

ปราสาทศีขรภูมิ

ปราสาทหินที่โด่งดังที่สุดในกลุ่ม ปราสาทหินสุรินทร์ กับไฮไลต์ภาพสลักหินทับหลังเหนือซุ้มประตูด้านตะวันออกเป็นรูป ศิวราฏราช 10 กรกำลังร่ายรำภายใต้วงโค้งของท่านพวงมาลัยสลักลายพระคเณศ พระพรหม พระนารายณ์ 4 กร และพระนางอุมา โดยทับหลังชิ้นนี้ถูกจัดให้เป็นทับหลังศิลปะปาปวนในไทยที่ต้องมาชมให้ได้สักครั้ง ซึ่งภาพศิวราฏราช หมายถึงการร่ายรำของพระศิวะ 108 ท่า ซึ่งเป็นทั้งการสร้างโลกและการทำลายโลก หากรำในจังหวะที่พอดีโลกก็สงบสุข แต่ถ้าร่ายรำด้วยท่าทางที่รุนแรงก็จะนำภัยพิบัติมา

ปราสาทจอมพระ

ปราสาทหินแห่งนี้ถูกสร้างให้เป็น อโรคยา หรือก็คือโรงพยาบาล สันนิษฐานจากลักษณะสถาปัตยกรรมตรงกับศิลปะขอมแบบบายนในศตวรรษที่ 17 รัชสมัยพระเจ้าชยวรมันที่ 7

ปราสาทช่างปี่

ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ปราสาทศีขรภูมิ ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมบ่งชี้ว่าที่นี่คือ อโรคยาศาลา หรือโรงพยาบาลชุมชนที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมโบราณทรงสร้างควบคู่ไปกับการสร้างเทวสถาน ที่นี่มีการค้นพบรูปเคารพเป็นจำนวนมาก ชิ้นสำคัญ พระโพธิสัตว์อวโลติเกศวร 4 กร  ที่สอดคล้องกับพระโพธิสัตว์ผู้รักษาผู้ที่เจ็บป่วย นอกจากนี้ในช่วงต้นปียังมีวันที่พระอาทิตย์ลอดช่องบานประตูของปราสาททุกบานอย่างพอดิบพอดี

ปราสาทหินสุรินทร์
ปราสาทตาเมือนโต๊ดก่อนบูรณะ

ปราสาทตาเมือนโต๊ด

หนึ่งใน 3 กลุ่มปราสาทตาเมือน ก่อด้วยหินศิลาแลงและหินทราย มีกำแพงล้อมรอบ หน้าที่ของปราสาทตาเมือนโต๊ดคือเป็น “อโรคยาศาล” หรือ “โรงพยาบาล” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

พระกฤษณะโควรรธนะ

ปราสาทบ้านพลวง

ปราสาทที่สร้างเป็นปรางค์องค์เดียวบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ มีไฮไลต์คือภาพ พระกฤษณะโควรรธนะ ที่หน้าบันด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นหน้าบันที่สวยงามติดอันดับต้นของไทย โดยพระกฤษณะเป็นปางอวตารหนึ่งของพระนารายณ์ ส่วน “พระกฤษณะโควรรธนะ” หมายถึงพระกฤษณะกำลังยกภูเขาโค วรรธนะขึ้นสูงเพื่อบังฝนให้ชาวบ้านและสรรพสัตว์หลังจากที่พระอินทร์สั่งฝนให้ตกห่าใหญ่ 7 วัน 7 คืน จนในที่สุดพระอินทร์ก็พ่ายแพ้ไป

ปราสาทภูมิโปน

ตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน อำเภอสังขะ ติดท็อปหนึ่งในปราสาทหินที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยโดดเด่นด้วยศิลปะสมัยสมโบร์ไพรกุก สร้างขึ้นราว พ.ศ.1000-1200 ประกอบไปด้วยโบราณสถาน 4 หลังไฮไลต์ต้องชมอยู่ที่ลายสลักหินใต้หน้าบันเหนือทับหลังที่เป็นรูปใบไม้ม้วน ศิลปะคุปตะรุ่นหลังของอินเดีย

ปราสาทตาเมือน

ปราสาทตาเมือน เป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มปราสาทตาเมือนซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีปราสาทตาเมือนทำหน้าที่เป็นที่พักคนเดินทาง ส่วนปราสาทตาเมือนโต๊ดเป็นอโรคยา และปราสาทตาเมือนธมเป็นเทวสถานศูนย์กลางของกลุ่มปราสาทตาเมือน ที่ถ้าจะมาเที่ยวกลุ่มปราสาทนี้ก็ต้องเก็บเช็คลิสต์ให้ครบทั้ง 3 แห่ง

ปราสาทยายเหงา

เดิมที่ปราสาทยายเหงาประกอบด้วยปราสาท 3 องค์ แต่พังทลายลงเหลือเพียง 2 องค์ตั้งเรียงกันและมีการนำส่วนของปราสาทที่ค้นพบวางวางให้ได้ชม เช่น กลีบขนุน ยอดปรางค์ เสาประดับกรอบประดู ที่น่าสนใจคือลวดลายกลับขนุนที่เป็นนาค 5 เศียรนั้นเป็นลักษณะเดียวกับนครวัดในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17

ปราสาทบ้านไพล

ศาสนสถานในศาสนาฮินดู ศิลปะลพบุรี กำหนดอายุพุทธศตวรรษที่ 16-17 หลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญที่ค้นพบที่นี่ ได้แก่ ทับหลังจำหลักภาพบุคคลประทับเหนือหน้ากาลคายท่องพวงมาลัย ปัจจุบันเก็บรักษาและจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย นอกจากนี้บริเวณโดยรอบชุมชนยังพบภาชนะดินเผาวัฒนธรรมขอมเป็นจำนวนมาก

แผนผังปราสาทหินโบราณ

ปราสาทหินสุรินทร์ นิยมสร้างด้วยหินทราย หรือ ศิลาแลง ต่างกับปราสาทขอมยุคแรกในพุทธศตวรรษที่ 12-15 ซึ่งนิยมสร้างด้วยอิฐ โดยปราสาทเหล่านี้นิยมสร้างเพื่ออุทิศถวายเป็นเทวสถาน รวมทั้งมีปราสาทที่สร้างเป็น อโรคยา หรือโรงพยาบาล รวมทั้งเป็นศูนย์กลางชุมชน และที่พักของคนเดินทาง โดยปราสาทขอมส่วนใหญ่มักมีแผนผังการสร้างและองค์ประกอบอาคารที่ค่อนข้างเหมือนกัน เช่น นิยมหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่เป็นทิศมงคล สร้างตามคติจักรวาล และมักมีองค์ประกอบหลักดังนี้

  1. ปราสาทประธาน : อาคารที่สำคัญที่สุด มักตั้งอยู่กึ่งกลาง สร้างสำหรับประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุด ด้านในนิยมประดิษฐานศิวลึงค์ตัวแทนองค์พระศิวะ หรือหาสร้างขึ้นในศาสนาพุทธก็จะพบนาคปรก
  2. ระเบียงคด : อาคารสร้งขึ้นล้อมรอบปราสาทประธาน กึ่งกลางของระเบียงคดทั้ง 4 ด้านมีโคปุระหรือซุ้มประตู สำหรับเข้า-ออก อีกฟังก์ชันของระเบียงคดคือการกำหนดเขตว่าด้านในเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นก็คือ ประสาทประธาน
  3. ซุ้มประตู หรือ โคปุระชั้นใน : ซุ้มประตูเข้า-ออกระเบียงคด จัดวางเป็นรูปกากบาท
  4. ซุ้มประตู หรือ โคปุระชั้นนอก : ซุ้มประตูเข้า-ออกกำแพงแก้วจัดวางเป็นรูปกากบาท
  5. กำแพงแก้ว : กำแพงที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอกระเบียงคดอีกชั้น กึ่งกลางทั้ง 4 ด้านมีโคปุระหรือซุ้มประตู
  6. บรรณาลัย : อาคารสำหรับเก็บคำภีร์ หนังสือ และสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในการทำพิธีกรรม มักอยู่มุมใดมุมหนึ่งของปราสาทประธาน อาจจะมี 1  หรือ 2 หลัง
  7. บาราย : สระน้ำ สื่อความหมายถึงมหาสมุทรที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุตามคติความเชื่อเรื่องจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง

อ้างอิง


Author

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ Sarakadee Lite