
Krabi Green Route แจกเส้นทางเที่ยว กระบี่ ฉบับยั่งยืน สุขภาพ ธรรมชาติ ผจญภัย วิถีวัฒนธรรม
- อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตากำลังถูกผลักดันสู่ Green Destinations Top 100 Stories ซึ่งจัดโดยองค์กร Green Destinations เครือข่ายนานาชาติที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- Krabi Green Route เส้นทางท่องเที่ยวกระบี่ฉบับกรีนที่ใส่เรื่องความยั่งยืนของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิม
กระบี่ เที่ยวได้ทุกฤดูกาล และแต่ละฤดูกาลก็มีเส้นทางท่องเที่ยวที่หลากหลายสลับหมุนเวียนความสนุกและความท้าทายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเส้นทางออนเซ็นน้ำพุร้อน เส้นทางคายักและปีนผาที่โด่งดังติดระดับโลก หรือจะย้อนยุคสู่กระบี่ก่อนยุคประวัติศาสตร์ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เส้นทางอนุรักษ์ รวมไปถึงโปรแกรมการเรียนรู้วิถีดั้งเดิมของชาวกระบี่ เช่นเดียวกับ Krabi Green Route เส้นทางท่องเที่ยวกระบี่ฉบับกรีนที่ใส่เรื่องความยั่งยืนของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิม ส่วนจะมีเส้นทางไหนบ้าง กดเซฟลงแผนที่แล้ววางแผนท่องเที่ยว กระบี่ ทั้งปีกันได้เลย

“หมู่เกาะลันตา” แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทั้งในท้องทะเลและบนชายฝั่ง เพิ่มเติมด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวเกาะลันตาใน “ปฏิญญาอ่าวลันตา” ที่ต้องการรักษาธรรมชาติบนเกาะให้คงความงดงามอย่างยั่งยืน ทั้งหมดทำให้ “เกาะลันตา” ติดลิสต์แหล่งท่องเที่ยวกรีนเดสติเนชันระดับประเทศ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยหมู่เกาะลันตาประกอบด้วย เกาะลันตาน้อย ซึ่งเป็นที่ตั้งตัวอำเภอและศูนย์ราชการต่าง ๆ และเกาะลันตาใหญ่ ที่ตั้งชุมชนเมืองเก่าลันตา หรือเรียกอีกชื่อว่า ชุมชนศรีรายา โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้สองชั้นที่ทอดยาวไปบนสองฝั่งถนน สุดทางคืออาคารไม้อายุนับ 100 ปี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ทำการอำเภอเกาะลันตา ส่วนปัจจุบันปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนชาวเกาะลันตา ที่รวบรวมเรื่องราวครั้งอดีตของเกาะไว้บอกเล่าเรื่องราวให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือน

หัวใจแห่งความกรีนของเกาะลันตาอยู่ที่ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา” ซึ่งมีทั้งพื้นที่ป่าใจกลางเกาะ และเกาะน้อยใหญ่อีก 25 เกาะ ไฮไลต์คือ “เกาะรอก” ราชินีแห่งอันดามัน สวรรค์ของคนชอบดำน้ำ ประกอบด้วย เกาะรอกนอกและเกาะรอกใน ยามน้ำลดจะเห็นสันทรายขาวเชื่อมสองเกาะเป็นทะเลแหวกที่สวยงาม โดยเกาะรอกนอกนั้น มีแนวปะการังน้ำตื้นและปลาหลากชนิดที่สามารถดำน้ำดูได้ตั้งแต่ริมชายหาด ส่วนเกาะรอกในเป็นที่ตั้งหลักเขตสยามที่เขียนว่า “เกาะรอกสยาม” เชื่อว่ามีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นอกจากนี้ยังมีสายน้ำไหลจากผาสูงลงสู่ทะเลเป็น “น้ำตกกลางทะเล” ที่เห็นได้เฉพาะฤดูฝนเท่านั้น

แม้จะเป็นหมู่เกาะ แต่ลันตามีเสน่ห์แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล มาเที่ยวช่วงไหนก็มีกิจกรรมท่องเที่ยวให้ได้ทำ ฤดูร้อนกับการออกทะเลดำน้ำ ส่วนฤดูฝนยังมีเรื่องราวของวิถีชีวิตและความชุ่มฉ่ำของผืนป่าให้ได้ผ่อนคลาย และด้วยความจริงจังของชาวเกาะลันตา ในการดูแลรักษาบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การทำประมงอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการจัดการขยะที่ลดภัยคุกคามจากไมโครพลาสติกและขยะพลาสติกในทะเล เหล่านี้ส่งผลระยะยาวทำให้เกาะลันตากลายเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของ “ปูเสฉวน” ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นพนักงานทำความสะอาดประจำชายหาด ผู้ย่อยสลายทั้งพืชและสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศชายฝั่ง โดยเกาะลันตาได้ชื่อว่าเป็น “อาณาจักรปูเสฉวน” ที่มีปูเสฉวนจำนวนมากในแทบทุกชายหาดโดยเฉพาะแหลมโตนด บอกเลยว่าแค่ได้มากางเต็นท์นอนในเขตที่ทำการอุทยานฯ เดินป่า ชมพระอาทิตย์ตกบนประภาคาร และเฝ้ามองพาเหรดปูเสฉวนก็เป็นความเพลิดเพลินของวันพักผ่อนแล้ว

ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตากำลังถูกผลักดันสู่ Green Destinations Top 100 Stories ซึ่งจัดโดยองค์กร Green Destinations เครือข่ายนานาชาติที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อแบ่งปัน “เรื่องราวความสำเร็จ” ของพื้นที่ท่องเที่ยวที่ดำเนินการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะยกระดับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนในระดับสากล

“คลองท่อม” ปลายทางการท่องเที่ยวสุขภาพ
ย้อนไปในปี 2023 ชื่อของ “คลองท่อม” จังหวัดกระบี่ได้รับการประกาศเป็น 1 ใน 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน Green Destinations Top 100 Stories ในฐานะ “คลองท่อมเมืองสุขภาพ” ถัดมาในงาน World Expo 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวของน้ำพุร้อนเค็มแห่งคลองท่อมถูกกล่าวถึงอีกครั้งในพาวิลเลียนประเทศไทยกับการนำเสนองานวิจัยด้านสุขภาพของแหล่งน้ำพุร้อนเค็มหนึ่งเดียวในไทยและเป็นแหล่งน้ำพุร้อนเค็มที่มีเพียงไม่กี่แห่งในโลก เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีรสชาติเค็มเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จัดอยู่ใน ประเภทน้ำพุร้อนเกลือ (saline hot springs) มีแร่ธาตุเหมาะกับการแช่น้ำเพื่อสุขภาพ ปัจจุบันมีการเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุขภาพท่ามกลางธรรมชาติและการพัฒนาสู่การสร้างเวลเนสสปาสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนฟื้นฟูสุขภาพโดยเฉพาะ เรียกว่าถ้าใครอยากแช่ตัวฟีลไปเมืองออนเซ็นของญี่ปุ่น ตรงมากระบี่ แวะที่ “คลองท่อม” ได้เลย

การท่องเที่ยวคลองท่อมฉบับ Krabi Green Route นั้นสามารถเลือกได้ว่าจะจองที่พัก สปา ที่ดึงน้ำพุร้อนเค็มธรรมชาติไปเป็นวารีบำบัดแบบส่วนตัว เช่นที่ Amataya Wellness และ Wareerak Hot Spring & Wellness หรือจะเลือกเที่ยวด้วยตัวเองแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนเค็มธรรมชาติก็สามารถทำได้ ไฮไลต์การท่องเที่ยวคลองท่อม ได้แก่ “สระมรกต” กลางผืนป่าทุ่งเตียว ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ป่าดิบชื้นที่ราบต่ำผืนสุดท้ายในประเทศไทย ที่นี่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่นำไปสู่สระมรกตซึ่งเป็นสระน้ำพุร้อนสีเขียวฟ้ามรกต น้ำในสระมาจากพุน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน อุณหภูมิประมาณ 30 – 50 องศาเซลเซียส สามารถเดินป่าและลงแช่ตัวท่ามกลางธรรมชาติได้

ไฮไลต์ต่อมาคือ “น้ำตกร้อนคลองท่อม” หรือ “น้ำตกร้อนสะพานยูง” เป็นน้ำตกร้อนธรรมชาติเพียงแห่งเดียวในไทยจากสายน้ำแร่ที่ไหลมาพร้อมกับไอไหลลดหลั่นเป็นชั้นน้ำตกให้ได้แช่ตัวอย่างผ่อนคลาย อุณหภูมิของน้ำตกร้อนคลองท่อมเฉลี่ยประมาณ 45 องศาเซลเซียส ปิดท้ายด้วย “พุน้ำร้อนเค็ม” ที่มีบ่อน้ำพุร้อนเค็มกลางธรรมชาติป่าชายเลนหลากหลายบ่อให้ได้เลือกแช่ตัว สายสุขภาพปักหมุดผ่อนคลายทั้งเช็กอิน สปา แช่น้ำพุร้อน ได้ครบจบที่คลองท่อม

“ทุ่งหยีเพ็ง” อาบอรุณในอ้อมกอดป่าชายเลน
จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการอนุรักษ์ผืนป่าโกงกางที่เป็นต้นทางของความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในชุมชนให้ฟื้นคืนมาจากความเสียหายในยุคที่เกาะลันตาเป็นแหล่งทำถ่านไม้โกงกางส่งออกไปยังเพื่อนบ้านแถบแหลมมลายู มาวันนี้ผืนป่าโกงกางกว่า 2,000 ไร่ที่โอบล้อมชุมชนเล็กๆ ทุ่งหยีเพ็งได้ส่งให้ที่นี่กลายเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่หลายคนอยากมาหย่อนกาย คลายใจในอ้อมกอดธรรมชาติ โดยมีโปรแกรมท่องเที่ยว “อาบอรุณ” เป็นไฮไลต์ กับการชวนนักท่องเที่ยวตื่นแต่เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แล้วลงเรือแจวปลอดคาร์บอนไปยังคลองเตาถ่าน ล่องชมธรรมชาติไปแบบ Slow Travel จนกระทั่งไปทักทายอาทิตย์แรกของวันบริเวณปากอ่าวลันตา กินมื้อเช้าเป็นกาแฟร้อนๆ คู่ปลาย่างผลผลิตจากชุมชนที่บรรจงห่อในใบตอง ลดการสร้างขยะพลาสติก ระหว่างทางจะได้พบนกนานาชนิด ลิงแสม ปูก้ามดาบ ปลาตีน หอยแครง หอยตาแดง และปูดำ และถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นลิงแสมโชว์ขุดหาหอยบนพื้นเลนให้ได้ชมเป็นโชว์พิเศษ


ส่วนใครที่ไม่อยากตื่นเช้ามาอาบอรุณ ยังมีโปรแกรมพายเรือคายักลัดเลาะผืนป่าโกงกาง นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติยาว 770 เมตร ให้เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศป่าโกงกาง อีกทั้งยังมีกิจกรรมทำ “ซั้ง” หรือสร้างบ้านให้ปลา การทำกะปิ ทำสวนเกษตร ทำขนม และอาหารพื้นบ้าน ฯลฯ ให้ได้ร่วมเรียนรู้ไปกับวิถีชุมชนต้นแบบที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติและร่วมดูแลธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน
ที่อยู่ : เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
ติดต่อ : จองโปรแกรมท่องเที่ยว โทร. 089-590-9173

“โต๊ะบาหลิว” อนุรักษ์ทะเล อนุรักษ์วิถีอูรักลาโว้ย
“เคยฟังเสียงของปะการัง กองหินใต้น้ำ และเสียงปลาแต่ละชนิดไหม”
สำหรับคนทั่วไปการได้ยินเสียงปะการัง หรือการจำแนกเสียงของปลาแต่ละชนิดดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่สำหรับกลุ่มชาวเล “อูรักลาโว้ย” แห่งเกาะลันตาสิ่งเหล่านี้ คือ วิถีดั้งเดิมที่ได้รับการฝึกฝนและถ่ายทอดความชำนาญจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติที่ทำให้ชาวอูรักลาโว้ยที่เป็นชาติพันธุ์ดั้งเดิมบนเกาะลันตาแตกต่างจากชาวเลกลุ่มอื่นๆ

เกาะลันตาเป็นเกาะที่มีชาวเลอูรักลาโว้ยตั้งถิ่นฐานอยู่มากที่สุดและปัจจุบันก็ยังคงสืบสานประเพณีและวิถีดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นการทำประมงที่ฟังเสียงธรรมชาติ ยังคงใช้วิธีการดำน้ำฟรีไดรฟ์ลงไปจับปลา หรือใช้เครื่องมือโบราณอย่างฉมวก รวมถึงประเพณีลอยเรือแบบดั้งดิมที่ยังคงจัดเป็นประจำทุกปี ใครที่สนใจวิถีชาวเลอูรักลาโว้ย ตอนนี้ที่ชุมชนโต๊ะบาหลิวมีลูกหลานชาวอูรักลาโว้ยรุ่นใหม่ที่จัดโปรแกรมทัวร์อิงกับวิถีแห่งท้องทะเลแบบอูรักลาโว้ย

เริ่มด้วยโปรแกรมดำน้ำชม ปะการังสีชมพู Pink Rock ซึ่งชมได้เฉพาะช่วงน้ำตายราว 8-10 ค่ำ (ช่วงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นและลงน้อยกว่าปกติ) ตามด้วยกิจกรรมฟรีไดรฟ์เรียนรู้วิถีชาวเลดั้งเดิมทั้งจับหมึกด้วยมือเปล่า การใช้ฉมวกจับปลาแบบดั้งเดิม จากนั้นนำมาทำอาหารชาวเลที่ไม่มีขายในร้านอย่าง ต้มมัน ที่ใช้มันปลาเก๋า ปลากะพงหางน้ำตาลมาต้มเป็นซุปฉบับชาวเล ปลาต้มเกลือ หรือจะเป็นข้าวมันหอยติ๊บเผาที่ชวนเก็บหอยติ๊บสดๆ ที่หน้าหาดมาเผากินกับข้าวหุงกะทิ หรือจะเป็นโปรแกรมปิกนิกชมพระอาทิตย์ตกที่หอทรายชมดาวซึ่งได้จำลองประเพณี “นอนหาด” ของชาวอูรักลาโว้ยให้กลับคืนมา ก่อนจะปิดท้ายยามค่ำคืนด้วยการชมแพลงก์ตอนเรืองแสงที่เกาะกลางทะเล โดยทุกกิจกรรมมีหัวใจคือการเคารพทะเล ฟังเสียงธรรมชาติ ดูดวงดาว กระแสน้ำ ข้างขึ้นข้างแรม ซึ่งนั่นคือหัวใจของวิถีแห่งชาวเลอูรักลาโว้ยที่ยังคงสืบสานไว้
ที่อยู่ : เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
ติดต่อจองโปรแกรมทัวร์ : www.facebook.com/wheretogoLanta

“สำรวจธรรมชาติกระบี่ ” จากปีนผา ลอดถ้ำ พายคายัก ถึงเดินป่า
กระบี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวเอาท์ดอร์ให้ได้ผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติป่าเขตร้อนเฉพาะถิ่นให้ได้เลือกหลากหลาย เช่น เส้นทางสำรวจธรรมชาติกระบี่ที่มีทั้งความสนุกและได้เห็นความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในกระบี่ไปพร้อมๆ กัน

ปีนผาที่ไร่เลย์ : นับตั้งแต่นักปีนเขาชาวอเมริกันกลุ่มใหญ่มาสำรวจและบุกเบิกเส้นทางปีนผาที่หาดไร่เลย์เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ชื่อของไร่เลย์ก็ติดท็อปโลกกลายเป็นจุดหมายของกีฬาปีนผาที่มีผาหินหลากหลายให้เลือกตั้งแต่ฝึกหัด สมัครเล่น ไปจนถึงแบบมืออาชีพ กับภาพจำของภูมิประเทศแบบแหลมที่ทำให้ไร่เลย์เหมือนเกาะที่ต้องนั่งเรือไปเท่านั้น โดดเด่นด้วยผาหินปูนสูงชัน มีชายหาดสีขาวและน้ำทะเลสีฟ้าใสโอบล้อมอยู่เบื้องล่าง สลับกับผืนป่าเขตร้อนทิวต้นมะพร้าวเรียงราย หากนับกันจริงๆ พบว่าไร่เลย์มีผาหินที่สำรวจแล้วกว่า 30 แห่ง ออกแบบเส้นทางปีนผาได้ไม่ต่ำกว่า 500 รูท นอกจากน้ำยังมีทะเลใน ถ้ำ และการเดินแทรกกิงขึ้นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยอันดับต้นๆ ของกระบี่ หรือจะพายคายัก ซัปบอร์ดก็มีกิจกรรมให้เลือกแน่นมาก

อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี : เส้นทางท่องเที่ยวที่ผสมผสานระหว่างความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและอารยธรรมโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ไฮไลต์ คือ ทะเลในที่ซ่อนอยู่ใจกลางภูเขาหินปูนซึ่งต้องรอจังหวะช่วงน้ำลงเท่านั้นถึงจะเข้าไปชมได้ เปรียบเหมือน Unseen ของกระบี่ที่กำลังรอเหล่านักสำรวจมาค้นหา นอกจากนี้ยังมี “ถํ้าลอด” และ “ถํ้าผีหัวโต” โดยในถ้ำผีหัวโต จะมีภาพเขียนสีโบราณบนผนังถ้ำอายุราว 2,000-3,000 ปี เป็นภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ มีมากกว่า 100 รูป ทางด้านภาพที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ คือ รูปคนตัวยาว ส่วนบนคล้ายหัวสัตว์มีเขา ส่วนถ้ำลอดที่อยู่ไม่ไกลกันเป็นโพรงถ้ำคร่อมลำคลองคล้ายอุโมงค์ มีหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกตามากมายและเป็นเส้นทางพายคายักที่ห้ามพลาด และที่จะขาดไม่ได้คือ “เขากาโรส” กับผาหินรูปปีศาจ ซึ่งทั้งหมดสามารถนั่งเรือหรือพายคายักท่องเที่ยวสลับบรรยากาศของผืนป่า โถงถ้ำ และทะเลได้อย่างน่าตื่นเต้น

พายคายักชมอ่าวท่าเลน : นอกจากเส้นทางปีนผาที่ติดอันดับโลกแล้ว กระบี่ยังมีเส้นทางพายคายักที่สวยงามและน่าตื่นเต้นติดท็อปเส้นทางคายักระดับโลกอยู่ที่ “อ่าวท่าเลน” กับการพายคายักลัดเลาะป่าชายเลน สลับกับโขดผาของเขาหินปูนสูงชัน และแวะชมโถงถ้ำ ภาพเขียนสีโบราณ รวมทั้งเช็กอินลากูนหรือทะเลในได้อีก เรียกว่าเป็นเส้นทางที่มีความหลากหลายของธรรมชาติให้ได้ชม สลับกับความยากง่ายในการพายแต่ละช่วงที่ไม่เหมือนกันจนติดลิสต์เส้นทางพายคายักที่ต้องมาลองให้ได้สักครั้ง

เส้นทางเดินธรรมชาติท่าปอมคลองสองน้ำ : สำหรับมือใหม่สายการท่องเที่ยวผจญภัยที่ไม่ต้องการความท้าทายมาก แต่อยากออกไปสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “ท่าปอมคลองสองน้ำ” เป็นอีกทางเลือกที่แนะนำ กับสะพานไม้ความยาว 700 เมตรที่ให้ได้เดินสำรวจผืนป่าที่มีลักษณะเฉพาะที่ผสมผสานระหว่างป่าพรุ ป่าดิบชื้น และป่าชายเลนปากอ่าว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นต้นไม้ที่มีรากเหนือพื้นดินแปลกตา พร้อมภาพคลองสีเขียวมรกตจุดบรรจบระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็มที่สวยงาม ทั้งยังสามารถพายคายักล่องคลองชมธรรมชาติได้อีกด้วย
