Wicked: For Good ตำนานแม่มดที่ไม่ได้ถูกเล่าขาน ในดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ
Lite

Wicked: For Good ตำนานแม่มดที่ไม่ได้ถูกเล่าขาน ในดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ

Focus
  • Wicked: For Good ภาพยนตร์มิวสิคัลผลงานจากผู้กำกับ จอน เอ็ม. ชู กับเรื่องราวบทสรุปที่ไม่เคยถูกเล่าขสานของแม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย ในดินแดนมหัศจรรย์แห่งพ่อมดออซ
  • เรื่องราวภาคต่อโดยนักแสดงชุดเดิมจากความสำเร็จของ Wicked(2024) ภาพยนตร์มิวสิคัลที่สามารถคว้า 2 รางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 มาครองได้ และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากละครมิวสิคัลบรอดเวย์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล

ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งพ่อมดออซด้วยการกลับมาของ Wicked: For Good ภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอย บทสรุปสุดท้ายระหว่างแม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้ายกับแม่มดผู้แสนดี พร้อมพาผู้ชมเปิดประตูสู่เรื่องราวอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยถูกเล่าขานในดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ รวมถึงสายสัมพันธ์เหนือการเวลาของพวกเธอ เอลฟาบา (รับบทโดย ซินเธีย เอริโว) แม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย และ กลินดา (รับบทโดย อารีอานา กรานเด)  ผู้ที่เป็นที่รักของทุกคน

Wicked: For Good
จากซ้าย : กลินดา (อารีอานา กรานเด) และ เอลฟาบา (ซินเธีย เอริโว)

หลังจากที่ Wicked เข้าฉายเมื่อปี ค.ศ. 2024 ผู้กำกับ จอน เอ็ม. ชู (Jonathan Murray Chu) ก็ได้พา เอลฟาบา และ กลินดา กลับมาสานต่อเรื่องราวอีกครั้งในรอบหนึ่งปี เหตุการณ์ดำเนินต่อเนื่องพร้อมเหล่านักแสดงชุดเดิม จากที่เอลฟาบาหลบหนีไปพร้อมคัมภีร์กริมเมอรี เมื่อพบความจริงแสนเจ้าเล่ห์ของ พ่อมดออซ (รับบทโดย เจฟฟ์ โกลด์บลูม) ผู้ไม่ได้มีเวทมนตร์วิเศษอะไร แต่กลับควบคุมทุกสิ่งให้ตกอยู่ใต้อำนาจของเขาด้วยการหลอกลวง การลุกขึ้นต่อต้านจึงนำไปสู่การก่อกำเนิดของ แม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย ขณะที่กลินดาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ร่วมหนีไปด้วย กลับถูกสร้างให้เป็น แม่มดผู้แสนดี

Wicked: For Good
พ่อมดออซ (รับบทโดย เจฟฟ์ โกลด์บลูม)

Wicked: For Good เดินเรื่องขนานไปกับเหตุการณ์ในวรรณกรรมดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซทำให้ผู้ชมได้พบกับ โดโรธี เด็กสาวจากแคนซัสที่ถูกพายุพัดมายังดินแดนมหัศจรรย์แห่งออซ พร้อมสุนัขคู่ใจโตโต้ รวมถึงเหล่าเพื่อนร่วมทางอย่างสิงโตขี้ขลาด หุ่นไล่กาผู้อยากมีสมอง และมนุษย์ดีบุกผู้ตามหาหัวใจ โดยภาพยนตร์จะเชื่อมโยงต้นกำเนิดของตัวละครคลาสสิกทั้งหมดเข้ากับเหตุการณ์ในโลกของ Wicked ว่าทำไมเรื่องราวถึงสอดคล้องกัน สำหรับใครที่ไม่เคยอ่านวรรณกรรมเกี่ยวกับจักรวาลพ่อมดออซมาก่อน อาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจสักเล็กน้อย ส่วนถ้าใครที่เคยอ่านวรรณกรรมจะรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นตัวละคนที่เรารัก ทว่าก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่ยังไม่รู้จักวรรณกรรมพ่อมดออซ เพราะแก่นสำคัญของ Wicked: For Good มุ่งไปที่เอลฟาบา แม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้ายที่พยายามเปิดเผยความจริงบางอย่างให้ชาวดินแดนออซได้รับรู้

Wicked: For Good

เพราะทุกเรื่องเล่าย่อมต้องมีตัวร้ายเสมอ

ในดินแดนมหัศจรรย์ของออซ “ตัวร้าย” ไม่ได้เกิดขึ้นจากความเลวร้ายเสมอไป แต่กลับถูกปั้นขึ้นจากมุมมองของผู้เล่าเรื่อง ยิ่งเมื่อผู้มีอำนาจต้องการแพะรับบาปเพื่อเหตุผลในการควบคุมผู้คน กำราบคนที่ไม่ยอมทำตาม หรือปรามคนที่กล้าลุกต่อต้านซึ่งเป็นภัยคุกคาม และเพื่อให้เรื่องโกหกที่สร้างไว้ยังคงแนบเนียน พ่อมดออซจึงต้องหาใครสักคนมารับบทผู้ร้าย และข่าวลือ (Propaganda) ก็กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่พ่อมดออซเลือกใช้ พร้อมสร้างให้กลินดาเป็นแม่มดฝ่ายดี จากการที่เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่เปิดเผยความจริง ทำให้ผู้มีอำนาจใช้ประโยชน์จากภาพลักษณ์อันดีงามไร้ที่ตินั้นต่อไป แม้ภายนอกกลินดากลายเป็นแม่มดผู้แสนดี แต่ในใจเธอยังคงห่วงใยเพื่อนรักอยู่เสมอ เพียงแค่ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะกล้าละทิ้งทุกสิ่งที่อยากมี เพื่อยืนเคียงข้างเพื่อนคนสำคัญได้หรือไม่

ผู้คนในออซที่ได้รับข้อมูลผิดเพี้ยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผนวกกับศรัทธาที่มีต่อผู้ปกครอง ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเอลฟาบาคือแม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย ทั้งที่ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอผิดแผกอาจมีเพียง ผิวสีเขียว และ ความกล้า ที่จะเปิดโปงความจริงเท่านั้น แต่ในสังคมที่ยึดติดกับความเหมือน ความไม่กล้าแตกต่าง คนที่ไม่เข้าพวกมักถูกกำจัดออกไปเสมอ…นี่คือความโหดร้ายที่สะท้อนโลกความจริงได้อย่างเจ็บแสบใน  Wicked: For Good พร้อมชวนให้เราตั้งคำถามว่า…สิ่งที่เราเชื่ออยู่ทุกวันนี้เป็นความจริง หรือเป็นเพียงเรื่องราวที่ใครบางคนอยากให้เราเชื่อ?

ความกล้าที่ถูกพรากไป กับตัวตนที่ถูกลืม

อีกประเด็นสำคัญที่ผู้สร้างยังคงถ่ายทอดอย่างชัดเจนคือ การใช้อำนาจกดทับผู้ที่อ่อนแอกว่า ดินแดนออซเคยเป็นพื้นที่ที่สัตว์ทุกตัวพูดได้อย่างเสรี เราเคยเห็นนกฮูกทำหน้าที่เผยแพร่ธรรม หรือแพะอย่าง ดร.ดิลลามอนด์ ทำงานในฐานะศาสตราจารย์ แต่เมื่อพ่อมดออซต้องการควบคุมสังคม เขาก็เริ่มสร้างตัวร้ายเพื่อปั่นกระแสความหวาดกลัว และใช้สัตว์เป็นเพียงแรงงานไร้เสียง ค่อย ๆ พรากความกล้าจนทำให้เหล่าสัตว์เงียบเสียงไป

“ถ้าบั่นทอนความกล้าได้หนักหน่วงพอ ก็ปิดปากผู้คนได้เสมอ”

คำพูดของ ดร. ดิลลามอนด์ ก่อนถูกจับกุม ชี้ให้เห็นว่า การทำให้ใครสักคนกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะพูด คือการควบคุมที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าโซ่ตรวนใดๆ เมื่อสัตว์ในออซถูกจับขัง และไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ภาษา วันเวลาที่ผ่านไปก็ทำให้พวกมันค่อย ๆ ลืมวิธีพูด นี่คือโศกนาฏกรรมของการถูกพรากความสามารถพื้นฐาน เพียงเพราะความกลัวที่ถูกปลูกฝัง เราสูญเสียตัวตน ความสามารถ หรือแม้แต่ความเชื่อในคุณค่าของตัวเองได้อย่างง่ายดาย หากอยู่ภายใต้อำนาจที่บั่นทอนจิตใจอย่างต่อเนื่อง

Propaganda และผลผลิตของคำลวง

ผลลัพธ์ของ Propaganda ได้แสดงให้เราเห็นผ่านอีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญจาก The Wizard of Oz นั่นคือ ลูกสิงโตที่พ่อมดออซจับขังกรงไว้ตั้งแต่เล็ก การเติบโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนั้นทำให้มันเชื่อว่า กรงคือบ้าน และ ความคุ้นเคย คือ ความปลอดภัย เอลฟาบาที่ตั้งใจจะช่วยสิงโตขี้ขลาดด้วยการปล่อยมันสู่โลกภายนอก กลับทำให้สิงโตหวาดกลัวหนักขึ้น ลูกสิงโตจึงกลายมาเป็น “สิงโตขี้ขลาด” ที่มีบุคลิกไม่เหมือนสิงโตทั่วไป แต่ยังเรียนรู้ที่จะพูดได้ ความหวาดกลัวที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ทำให้มันสูญเสียศักยภาพไปโดยไม่รู้ตัว

สิงโตเลยโทษเอลฟาบาที่พรากมันออกจากสิ่งเดียวที่รู้จัก แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นกรงขังก็ตาม กรณีนี้จึงเป็นตัวอย่างของความหวังดีที่กลายเป็นบาดแผล ไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเอลฟาบา แต่เพราะถูกทำให้เชื่อว่า มันไม่มีสิทธิ์ได้รับสิ่งนั้นตั้งแต่แรก ระบบอำนาจได้กำหนดกรอบความคิดของเหยื่อไว้ จนแน่นหนาเกินกว่าจะทลายได้ในทันที แม้อิสระจะอยู่ตรงหน้า ก็ยังรู้สึกกลัวเกินกว่าจะก้าวออกมา อำนาจสามารถกำหนดได้ว่า ใครควรกลัวอะไร ใครควรเชื่ออะไร และใครควรเป็นตัวร้ายได้ จากเรื่องที่สร้างขึ้นมา

แต่การล้างความเชื่อผิด ๆ ไม่ได้ง่ายเหมือนการล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย เพราะมันไม่ใช่คราบบนผิว แต่คือคราบบนความคิดของผู้คน เมื่อเรื่องเล่าถูกวางรากฐานไว้อย่างแน่นหนา การทำลายความเชื่อนั้นจึงไม่ง่ายเหมือนการสาดน้ำใส่ใครสักคน เช่นเดียวกับข่าวลือในออซที่เล่าว่า “น้ำสามารถฆ่าแม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้ายได้” ถูกผลิตซ้ำจนทุกคนคิดว่า…เรื่องนี้เป็นความจริง

For Good : มิตรภาพท่ามกลางเรื่องเล่าที่บิดเบือน

แม้อำนาจที่เหนือกว่าจะสามารถสร้างเรื่องเล่าขึ้นมาแทนความจริง ทำให้เอลฟาบากลายเป็นตัวร้ายในสายตาผู้คน แต่สิ่งที่อำนาจไม่เคยควบคุมได้เลยคือ มิตรภาพระหว่างเอลฟาบาและกลินดา ทั้งสองเปรียบเสมือนความจริงที่ยืนหยัดท่ามกลางเรื่องเล่าขนาดใหญ่ของสังคม พวกเธอเติบโตมาจากโลกที่ต่างกัน โดนโชคชะตากำหนดให้อยู่คนละฝั่ง คนหนึ่งเป็นแม่มดตะวันตกผู้ชั่วร้าย อีกคนเป็นแม่มดผู้แสนดี แต่เส้นทางที่เคยเดินร่วมกันในอดีต กลับสร้างความหมายที่ลึกซึ้ง

เหตุผลที่ทำให้ฉากสุดท้ายของพวกเธอ ถูกส่งต่อด้วยเพลง For Good ไม่ว่าคนทั้งโลกจะเล่าอย่างไร แต่สิ่งที่ทั้งสองเรียนรู้จากกันนั้น ได้เปลี่ยนพวกเธอไปตลอดกาล

“Because I knew you, I have been changed for good”

เอลฟาบาเรียนรู้ที่จะเปิดใจ เชื่อมั่นในความดีที่ตัวเองมี แม้โลกจะไม่เคยเห็น กลินดาเรียนรู้ความกล้าหาญในแบบที่ไม่เคยกล้ามาก่อน และยอมรับความจริง แม้ต้องยืนบนเส้นทางที่โดดเดี่ยว การรู้จักกันไม่ได้ทำให้พวกเธอเปลี่ยนเฉพาะมุมมองต่อกัน แต่ยังเปลี่ยนมุมมองต่อโลก และมุมมองต่อตัวเองไปพร้อมกันด้วย ความผูกพันที่ต่อให้โลกภายนอกจะบิดเบือน…แต่สิ่งที่พวกเธอได้เรียนรู้จากกันนั้นจะคงอยู่และเปลี่ยนพวกเธอไปตลอดกาล


Author

ธนัญชนก รัตนตั้งเจริญกุล
ชอบดูซีรีส์ หลงใหลในเพลงเก่าๆ อยากมีเวลาอ่านหนังสือ และใช้ชีวิตให้มากขึ้น ลองดูว่าชีวิตจะพาเราไปเจอกับอะไร