เจาะลึกเบื้องหลังชีวิตและมังงะสุดสยองของ จุนจิ อิโต้ ในหนังสืออัตชีวประวัติ “รูสยอง ส่องต้นกำเนิดความสะพรึง”
Lite

เจาะลึกเบื้องหลังชีวิตและมังงะสุดสยองของ จุนจิ อิโต้ ในหนังสืออัตชีวประวัติ “รูสยอง ส่องต้นกำเนิดความสะพรึง”

Focus
  • “รูสยอง ส่องต้นกำเนิดความสะพรึง” หนังสืออัตชีวประวัติเล่มล่าสุดของ จุนจิ อิโต้ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์มังงะแนวสยองขวัญของญี่ปุ่น
  • ซิกเนเจอร์งานของ จุนจิ อิโต้ คือส่วนผสมของเนื้อหาที่ “แปลกประหลาด” “สยดสยอง” และ “พิลึกพิลั่น” กับแนวไซไฟด้วยลายเส้นหนักและเข้มข้น
  • ในหนังสือแบ่งเนื้อหาหลักเป็น 3 ส่วน เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก-มัธยมปลาย วัยมหาวิทยาลัย-วัยเริ่มทำงาน และชีวิตในฐานะนักเขียนการ์ตูนเต็มตัว

“โทมิเอะ” หญิงสาวสวยผู้ที่ไม่ว่าจะโดนฆ่าสักกี่ครั้งก็ฟื้นคืนชีพได้จากการแตกเซลล์ขยายพันธุ์ ลูกโป่งยักษ์รูปใบหน้ามนุษย์ที่ไล่ฆ่าคนที่มีใบหน้าเดียวกันเพื่อเอาไปแขวนคอกับลูกโป่ง หรือเรื่องของไอดอลสาวที่ร่างกายประกอบด้วยชั้นผิวหนังหลายชั้นที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนอายุเหมือนวงปีต้นไม้และโดนแม่เลาะชั้นผิวหนังออกเพราะอยากได้ลูกในวัยน่ารัก 2 ขวบกลับมา นี่คือบางส่วนของพล็อตเรื่องที่มีส่วนผสมของความระทึกขวัญและไซไฟบวกกับลายเส้นหนักและเข้มข้นอันเป็นซิกเนเจอร์ของ จุนจิ อิโต้ (Junji Ito) ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ปรมาจารย์มังงะแนวสยองขวัญของญี่ปุ่น

อะไรคือที่มาของไอเดียที่ “แปลกประหลาด” “สยดสยอง” “พิลึกพิลั่น” และ “พิสดาร” ของ จุนจิ อิโต้ ผู้ที่เติบโตมาท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีในเมืองซากาชิตะ จังหวัดกิฟุของญี่ปุ่น และเริ่มวาดการ์ตูนแนวสยองขวัญตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ และผู้ที่จะเปิดเปลือยเบื้องหลังกระบวนการสร้างสรรค์ได้ดีที่สุดคือตัวเขาเองดังที่ได้ถ่ายทอดผ่านหนังสืออัตชีวประวัติเล่มล่าสุดในชื่อ รูสยอง ส่องต้นกำเนิดความสะพรึงของ อิโต้ จุนจิ

จุนจิ อิโต้

ในหนังสือแบ่งเนื้อหาหลักเป็น 3 ส่วน เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก-มัธยมปลาย วัยมหาวิทยาลัย-วัยเริ่มทำงาน และชีวิตในฐานะนักเขียนการ์ตูนเต็มตัว  ในวัยเด็กจุนจิสนใจอ่านแต่มังงะสยองขวัญเพียงอย่างเดียวโดยเฉพาะงานของสองบรมครู อุเมซุ คาซึโอะ และ โคกะ ชินอิ โดยเขาได้ซึมซับการเล่าเรื่องแบบพลิกผันและพลังของภาพวาดที่ทั้งน่ากลัวและสวยงามจากผลงานของอาจารย์อุเมซุ และการสร้างบรรยากาศสยดสยองแบบแปลกพิสดารเหมือนภาพเขียนแนวเซอร์เรียลิสม์ของอาจารย์โคกะ นอกจากนี้เขายังสนใจเรื่องจานบิน UFO ตัวละครสัตว์ประหลาดในซีรีส์เรื่อง อุลตราแมน และเรื่องราวลี้ลับต่างๆ ด้วยความเชื่อว่า “ในโลกเรานี้มีสิ่งที่เราไม่รู้จักแฝงเร้นอยู่อีกมากมาย” ตลอดช่วง 6 ปีในโรงเรียนประถมฯ จุนจิได้วาดการ์ตูนด้วยดินสอมากถึง 70 เรื่อง โดยนำกระดาษมาตัดทำเป็นหนังสือการ์ตูนช่องแบบทำมือ

นอกจากนี้ในช่วงมัธยมฯ จุนจิยังหลงใหลในการ์ตูนสยองขวัญเรื่อง Dokumushi Kozou (เจ้าหนูแมลงพิษ) ของ ฮิโนะ ฮิเดชิ ที่ลายเส้นถ่ายทอดความโหดร้ายและความน่ากลัว รวมถึงนิยายไซไฟและเรื่องสั้นอย่างสั้น (short short story) ของ สึสึอิ ยาซึทากะ ที่มี “ความสนุกของไอเดียที่ไม่ธรรมดา” ที่ส่งอิทธิพลต่อ “เนื้อเรื่องพิลึกพิลั่น” และ “บรรยากาศสยองขวัญ” ในผลงานของเขาต่อมา

จุนจิ อิโต้
บางตอนของเรื่อง “โทมิเอะ”

แม้จะชื่นชอบการเขียนการ์ตูนแต่ยังมองไม่เห็นทางที่จะยังชีพได้ด้วยอาชีพนี้ ทำให้จุนจิตัดสินใจเรียนต่อที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับช่างทันตกรรม วิทยาลัยทันตแพทยศาสตร์โทโค และทำงานเป็นช่างทันตกรรมในโรงงานวัสดุทันตกรรมหลังจบการศึกษา อย่างไรก็ตามแพชชั่นในการเขียนการ์ตูนแนวสยองขวัญไม่เคยมอดไหม้ ในระหว่างการทำงานเขาได้คิดพล็อตเรื่อง “โทมิเอะ” เพื่อส่งเข้าประกวดผลงานชิงรางวัล อุเมซุ คาซึโอะ ครั้งที่ 1 ของนิตยสาร Gekkan Halloween โดยได้ไอเดียมาจากหางของกิ้งก่าที่แม้ถูกตัดไปครั้งหนึ่งก็สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ จึงต่อยอดความคิดว่าถ้าเกิดกับมนุษย์บ้างจะเป็นอย่างไร

“หากมีตัวตนที่ไม่ว่าจะโดนเชือดโดนหั่นสักแค่ไหน ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้โดยไม่มีวันตายสักครั้งอยู่ละก็ ผู้คนคงจะรู้สึกว่าสิ่งนั้น ‘น่าสะพรึงกลัว’ เป็นที่สุดเลยไม่ใช่หรือ” เขาเขียนในหนังสือ

เรื่องราวของหญิงสาวสวย โทมิเอะ ที่ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ไม่ว่าจะถูกฆ่าสักกี่หน จึงถือกำเนิดขึ้นในปี2530 และได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดรางวัล อุเมซุ คาซึโอะ ครั้งที่ 1 (ไม่มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ) หลังจากนั้น 3 ปี จุนจิลาออกจากการเป็นช่างทันตกรรมเพื่อเป็นนักเขียนการ์ตูนแนวสยองขวัญอย่างเต็มตัว โดยมีซีรีส์เรื่อง โซอิจิ ตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จอย่างมาก ตามด้วยผลงานสร้างชื่อมากมาย เช่น รักที่ทรมานของคนตาย, คอลวงตาย, ก้นหอยมรณะ, นางแบบแฟชั่น, สยองหลายชั้น, ปลามรณะ และสูญสิ้นความเป็นคน (ต้นฉบับจากวรรณกรรมของ ดาไซ โอซามุ)

จุนจิ อิโต้

ในหนังสือ รูสยอง ส่องต้นกำเนิดความสะพรึงของ อิโต้ จุนจิ จุนจิยังได้เผยไอเดียและภาพร่างคาแรกเตอร์ต่างๆ พร้อมกับวิธีการนำไปขยายต่อเพื่อให้เป็นเรื่องราวสยองขวัญ เช่น เรื่อง “ลูกโป่งหัวมนุษย์” มาจากความสนใจเรื่อง UFO และแนวคิด ดอปเพลแกงเกอร์ (doppelgänger) หรือร่างแฝดปีศาจ จึงสร้างให้ลูกโป่งไล่ฆ่ามนุษย์ที่มีใบหน้าเดียวกัน และเรื่อง “ปลามรณะ” ที่ฝูงปลาประหลาดมีขาเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนด้วยแก๊สเหม็นเน่าจากศพ ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง “จอว์ส” (Jaws) และภาพวาดแนวจักรกลชีวภาพ (Biomechanical Art) ที่ผสมผสานระหว่างสิ่งมีชีวิตกับเครื่องจักรจนกลายเป็นภาพสยองขวัญเหนือจริง ของ เอช.อาร์. กีเกอร์ (H.R. Giger) ผู้ออกแบบฉากและสิ่งมีชีวิตต่างดาวให้กับภาพยนตร์เรื่อง “เอเลียน” (Alien)

ส่วนการต่อยอดเรื่องราวนั้น เขาจะเริ่มจากวาดภาพในจินตนาการที่ชวนขนหัวลุกก่อนให้เป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง แล้วค่อยประกอบสร้างเรื่องราวที่นำไปสู่จุดไคลแมกซ์ในตอนท้ายเรื่อง เช่น เรื่อง “ผมยาวแห่งห้องใต้หลังคา” เริ่มต้นด้วย “ภาพศีรษะที่ถูกตัดขาดห้อยลงมาจากเสาในห้องใต้หลังคาโดยใช้ผมยาวพันเสา”

จุนจิ อิโต้
ภาพ จุนจิ อิโต จาก Japan Anime Movie Thailand ในการโปรโมทงานนิทรรศการ Junji Ito Collection Horror House ในประเทศไทย

“การตัดสินใจเลือกจุดไคลแมกซ์ตั้งแต่ต้นยังหมายถึงการตั้งข้อจำกัดให้กับผลงานด้วย ยิ่งข้อจำกัดนั้นแปลกประหลาดหลุดโลกเท่าใด ไอเดียที่จะช่วยโยงเรื่องให้สอดคล้องก็จะยิ่งผุดขึ้นมาตามๆ กัน ทำให้สร้างเรื่องราวที่เหนือความคาดคิดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น”

แล้วทำอย่างไรจึงจะเกิดไอเดียที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่นได้…จุนจิให้ทริกว่าเริ่มจากทำลายกฎว่าด้วย “สิ่งที่ควรจะเป็น” หรือการคิดแบบพลิกกลับ แต่การนำวิธีนี้มาใช้นั้นต้องคิดถึงเรื่องที่ถูกต้องตามสามัญสำนึกก่อน จึงจะคิดสิ่งหลุดโลกที่ผิดสามัญสำนึกได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการ “นำสิ่งที่ต่างกันมารวมเป็นหนึ่งเดียว” โดยเฉพาะ “ยิ่งคุณสมบัติของทั้งสองสิ่งอยู่ห่างกันมากเท่าไหร่ หรือยิ่งมีแรงต้านกันและกันมากเท่าไหร่ ไอเดียที่ไม่คาดคิดก็จะยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น” เช่น การผสม “ใบหน้า x ลูกโป่ง” ในเรื่อง “ลูกโป่งเหนือมนุษย์” หรือตัวละครชื่อฟุจิในเรื่อง “นางแบบแฟชั่น” คือ “นางแบบ x ฉลาม” อย่างไรก็ตามการจะดึงดูดผู้อ่านเข้าสู่เรื่องเหนือจริงได้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสั่งสมข้อเท็จจริงเล็กๆ น้อยๆ และเติมเรื่องราวด้วยรายละเอียดที่สมจริงจนเต็มเปี่ยม

ถึงแม้จะเขียนถึง “สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกความจริง” แต่จุนจิย้ำว่าในการวาดภาพต้องพยายามให้เกิดความสมจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะความสยองขวัญจะโน้มน้าวใจผู้อ่านได้ต้องให้ความรู้สึกเหมือนว่า “มีอยู่จริง”  เช่นตอนวาดเรื่อง “ก้นหอยมรณะ” ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซที่เล่าเรื่องสุดพิศวงของเมืองหนึ่งที่โดนคำสาปก้นหอยมรณะทำให้ผู้คนและสิ่งรอบตัวกลายเป็นลายก้นหอยอันน่าสะพรึงและน่าขยะแขยง และมีฉากพ่อเสียชีวิตในสภาพศพบิดเป็นรูปก้นหอยในถังไม้ จุนจิพยายามวาดโดยคำนวณสมดุลของความยาวและตำแหน่งแขนขาเพื่อให้ศพออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สุด หรือฉากที่ผู้เป็นแม่ลอกผิวหนังของตัวเองทิ้งในเรื่อง “สยองสีเนื้อ” เขาวาดโดยใช้หนังสือกายวิภาคศาสตร์สำหรับนักศึกษาแพทย์เป็นข้อมูลอ้างอิง

สำหรับ จุนจิ อิโต้ แล้ว “การผสมผสานที่เป็นไปได้” คือ “การทำลายความรู้สึกปลอดภัย” โดยเขาเชื่อว่า “การทำให้ร่างกายมนุษย์เสียโฉมผิดรูปหรือถูกทำลาย ก็คือการทำลายความปลอดภัยที่เข้าใจได้ง่ายมาก นั่นเพราะสิ่งที่ดูเหมือนเรา หรือสิ่งที่เราเคยมองว่าปกติมาตลอด จู่ๆ กลับถูกเปลี่ยนสภาพจนไม่เหลือเค้าเดิมอย่างน่าสยดสยอง ความแตกต่างและความไม่มั่นคง นี่เองที่ทำให้ความหวาดกลัวก่อเกิดขึ้นในใจคน”

ดังนั้นการ์ตูนของเขาจึงมักจะนำ “บอดี้ฮอเรอร์” (Body Horror) หรือการสร้างความกลัวด้วยภาพของร่างกายที่เสียโฉมหรือถูกทำลาย เช่น ภาพคนที่มีรูโหว่ทั่วร่างกายในเรื่อง “หนาวบาดเนื้อ” และร่างกายของหญิงสาวที่มีผิวหนังหลายชั้นตามการเจริญเติบโตเหมือนวงปีของต้นไม้ในเรื่อง “สยองหลายชั้น” จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่เรื่อง “โทมิเอะ” ที่เป็นผลงานเดบิวต์ในฐานะนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญ เนื้อหาส่วนใหญ่ในเรื่องของจุนจินิยมกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์ และเมื่อลองวิเคราะห์ผลงานตัวเองแล้วเขาคิดว่าได้รับอิทธิพลไม่น้อยมาจากวรรณกรรมแนวไซไฟของ เจ.จี. บัลลาร์ด (J.G. Ballard)

นอกจากนี้เขายอมรับว่าในวัยเด็กตัวเองมีอาการกลัวความตายอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดความคิดว่าความเป็นไปได้ที่จะตายกับการมีชีวิตอยู่มีน้ำหนักเท่ากัน ดังนั้นการ์ตูนสยองขวัญในแง่หนึ่งก็คือการนำโอกาสตายที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันมาทำให้เป็นภาพที่มองเห็นได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับจุนจิคือ…อารมณ์และความคิดอันซับซ้อนของมนุษย์

“ความเกลียดชัง ความริษยา ความรักตัวเอง เจตนาฆ่า ความสิ้นหวัง… ตลอดจนความปรารถนาอันไร้ที่สิ้นสุด และความไม่แน่นอนที่ไม่อาจควบคุมได้ด้วยเหตุผลและตรรกะนี่แหละ คือดินแดนที่เข้าใจได้ยากที่สุดบนโลกใบนี้แล้วไม่ใช่หรือ?”

Fact File

รูสยอง ส่องต้นกำเนิดความสะพรึงของ อิโต้ จุนจิ

เรื่องและภาพ : จุนจิ อิโต้

แปล : อิศรา อุดมพาณิชย์

จัดพิมพ์ : รักพิมพ์ พับลิชชิ่ง


Author

เกษศิรินทร์ ผลธรรมปาลิต
Feature Editor ประจำ Sarakadee Lite อดีต บรรณาธิการข่าวไลฟ์สไตล์ Nation ผู้นิยมคลุกวงในแวดวงศิลปวัฒนธรรมจนได้ขุดเรื่องซีฟๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอ