ราชยานคานหาม เครื่องสังเค็ด : ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญใน พิธีพระบรมศพ ไฮไลต์ต้องชมในหมู่พระวิมาน
- ภายในอาคารหมู่พระวิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มีการจัดแสดงศิลปวัตถุบางส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีพระบรมศพ/พระศพของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางชั้นสูง
- ไฮไลต์คือ เครื่องราชยานคานหาม ได้แก่ พระที่นั่งราเชนทรยาน และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ที่ใช้อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร
- ศิลปวัตถุอื่นที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องสังเค็ดที่สร้างขึ้นเพื่อถวายพระสงฆ์และพระราชทานเพื่อสาธารณประโยชน์ในงานพระเมรุของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์
ถึงแม้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้ประกาศปิดให้บริการโรงราชรถ สถานที่เก็บรักษาและจัดแสดงราชรถและ ราชยาน รวมทั้งเครื่องประกอบในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพและพระศพ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไปจนกว่าพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะแล้วเสร็จ แต่ภายในอาคารหมู่พระวิมานซึ่งเคยเป็นพระราชฐานชั้นในและที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ยังคงจัดแสดง ราชยาน สำคัญบางองค์ที่ใช้ในงานพระบรมศพ รวมถึง เครื่องสังเค็ด หรือสิ่งของสำหรับทำบุญเป็นทานวัตถุเพื่ออุทิศแก่ผู้วายชนม์ และของที่ระลึกในงานพระเมรุของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

Sarakadee Lite ชวน ยุทธนาวรากร แสงอร่าม ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นำชมศิลปวัตถุสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีพระบรมศพ/พระศพ ที่จัดแสดงภายในอาคารหมู่พระวิมาน เช่น พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จากพระเมรุมาศกลับไปประดิษฐาน ที่พระบรมมหาราชวังเมื่อ พ.ศ.2560 ต้นแบบกระถางธูปสังเค็ดในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5 ที่พระราชทานแก่วัดจีนและศาลเจ้าเมื่อ พ.ศ.2453 พัดรองที่ระลึกในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ.2469 และกล่องกะไหล่เงินที่ระลึกงานพระเมรุเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์เมื่อ พ.ศ.2431

พระที่นั่งราเชนทรยาน
พิกัด : ห้องราชยานคานหาม พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร
พระที่นั่งราเชนทรยานสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ทำจากไม้แกะสลักลงรักปิดทองและมีลักษณะเป็นบุษบกประกอบคานหามโดยใช้พลแบกหามจำนวน 56 นาย ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงในเวลาเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนแห่ ที่เรียกว่า “ขบวนพยุหยาตราสี่สาย” เช่น เสด็จพระราชดำเนินจากพระราชมณเฑียรไปถวายสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในงานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก และใช้ในการเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระมหากษัตริย์หรือพระโกศพระอัฐิพระบรมวงศ์
“ในงานพระราชพิธีพระบรมศพของรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ.2560 พระที่นั่งราเชนทรยานใช้ในขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วขบวนที่ 4 ในการเชิญพระบรมอัฐิจากพระเมรุมาศเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง และในริ้วขบวนที่ 5 เพื่อเชิญพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นประดิษฐานที่พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท” ยุทธนาวรากรกล่าว

พระที่นั่งราเชนทรยานน้อย
พิกัด : ห้องราชยานคานหาม พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร
พระที่นั่งราเชนทรยานน้อยเป็นพระ ราชยาน ประกอบคานหามที่จัดสร้างขึ้นใหม่ในการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) รัชกาลที่ 9 ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเมื่อ พ.ศ. 2560 ตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีโดยยึดรูปแบบเดิมของพระที่นั่งราเชนทรยานที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 1 แต่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยคือสูง 4.1 เมตร ส่วนพระที่นั่งราเชนทรยานสูง 4.23 เมตร แต่ทั้งสององค์ใช้พลแบกหามจำนวนเท่ากันคือ 56 นาย
โครงสร้างพระที่นั่งราเชนทรยานองค์เดิมจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งแต่ชั้นฐานขององค์พระที่นั่งจนถึงชั้นหลังคาองค์ระฆัง ส่วนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยได้ปรับรูปแบบให้เล็กลงลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งแต่ฐานขององค์พระที่นั่งจนถึงชั้นหลังคา ส่วนลักษณะรูปแบบของการแกะสลักลายประกอบหุ่นโครงสร้างและลายประดับส่วนต่างๆ ก็ยังคงลักษณะรูปแบบใกล้เคียงกับองค์พระที่นั่งองค์เดิมเพียงแต่ย่อเล็กลงตามส่วนหรือลดจำนวนลง

พระวอสีวิกากาญจน์ (พระวอช่อฟ้า)
พิกัด : ห้องราชยานคานหาม พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร
พระวอสีวิกากาญจน์สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็น ราชยาน แบบประทับราบสำหรับเจ้านายฝ่ายใน (หญิง) และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า (พระสังฆราชที่เป็นพระบรมวงศ์) นอกจากนี้ยังใช้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศสู่พระบรมมหาราชวัง องค์นี้สร้างจากไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจก กรอบหน้าบันประดับช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ หลังคาเป็นผ้าปิดลายทอง มีพนักพิง ราวกั้น และผ้าม่านโดยรอบ และใช้พลแบกหาม 8 นาย
“ในงานพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่า ในปี 2539 ใช้พระวอสีวิกากาญจน์ องค์ที่เก็บรักษาอยู่ในพระบรมมหาราชวังในการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร แต่องค์ที่จัดแสดงนี้เดิมเป็นของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ในคราวพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก (พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์) เมื่อ พ.ศ.2434 จึงเรียกว่าพระวอช่อฟ้า ซึ่งมีหลังคา นาคสะดุ้ง ช่อฟ้าเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างคือองค์ที่อยู่ในวังจะมีกงพนักพิงและมีกระจังรอบ แต่องค์นี้มีเพียงพนักพิงและราวขอบพนักซึ่งตามชั้นยศจะต่ำกว่า อย่างไรก็ตามมีการใช้พระวอช่อฟ้าองค์นี้อัญเชิญพระสรีรางคารในพิธีพระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ในปี 2551 และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาในปี 2555 มีแต่ออกนามตามหมายเรียกว่า พระวอสีวิกากาญจน์” ยุทธนาวรากรให้ข้อมูล

ต้นแบบกระถางธูปสังเค็ดและเชิงเทียนงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5
พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)
เครื่องสังเค็ด แต่เดิมมีความหมายถึงทานวัตถุที่ถวายพระสงฆ์ เช่น ตู้พระธรรมและโต๊ะหมู่ แต่ในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนธรรมเนียมการถวาย เครื่องสังเค็ด โดยมุ่งประโยชน์แก่สาธารณะมากขึ้นโดยมีทั้งที่ถวายพระภิกษุ ถวายศาสนสถานทุกศาสนา พระราชทานแก่โรงเรียนและโรงพยาบาล ดังความตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์เรื่องประวัติต้นรัชกาลที่ 6 โดย “ราม วชิราวุธ” (พระนามแฝงของรัชกาลที่ 6) ว่า
“งดสังเค็ดแบบเก่าซึ่งมีของถวายพระเปนเครื่องใหญ่ เพิ่มสังเค็ดแบบใหม่ ให้ทั้งพระ วัด โรงเรียน โรงสวดศาสนาต่างๆ และศาลเจ้า…”

รัชกาลที่ 6 จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำ เครื่องสังเค็ด ในงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2453 สำหรับศาสนสถานต่างๆ สถานศึกษา และโรงพยาบาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ เช่น ธรรมาสน์เทศน์และหนังสือปาติโมกข์พร้อมตู้สำหรับวัดไทย โคมไฟติดเพดานทองเหลืองประดับกระจกสีสำหรับมัสยิดในศาสนาอิสลาม นาฬิกาปารีส (นาฬิกาประเภทตั้งพื้นและใช้ระบบตุ้มถ่วง) สำหรับโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และตู้หนังสือและโต๊ะเรียนสำหรับสถานศึกษา
ส่วนหนึ่งของเครื่องสังเค็ดที่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นต้นแบบกระถางธูปทองเหลืองเพื่อถวายแก่วัดจีนและศาลเจ้า และต้นแบบเชิงเทียนทองเหลืองสำหรับโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก กระถางธูปมีฐานเป็นวงแหวนซ้อนกันสี่ชั้น ติดรูปหน้าสิงห์สองข้าง และตรงกลางออกแบบให้มีจารึกอักษรไทยประดิษฐ์เลียนแบบตัวอักษรจีนอ่านว่า “จปร” (จุฬาลงกรณ์ปรมราชาธิราช) ซึ่งเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

พัดรองงานพระบรมศพรัชกาลที่ 5
พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)
พัดรองเป็นอีกหนึ่งรายการเครื่องสังเค็ดที่ถวายพระสงฆ์ในพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2453 และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” และ “สมเด็จครู” เป็นผู้ออกแบบพัดและเริ่มมีการซ่อนอักษรพระนาม “น” (นริศ) ในลายพัดเล่มนี้ด้วย
พัดเป็นลักษณะที่เรียกว่า พัดหน้านาง หุ้มด้วยแพรสีดำ และตรงกลางปักดิ้นเป็นตราพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ในรูปพระบรมโกศภายใต้ตราจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) ประดิษฐานบนพระแท่นประกอบเกรินทั้งสองด้านและขนาบด้วยฉัตร 7 ชั้น รอบขอบพัดด้านบนปักเป็นธรรมคาถาอักษรขอม ภาษาบาลี และขอบพัดขลิบด้วยแถบเงิน นมพัด (บริเวณข้อต่อระหว่างตัวพัดและด้ามพัด) ปักหน้าราหู ส่วนด้ามทำจากไม้และส้นเป็นทองเหลือง

พัดรองงานพระบรมศพรัชกาลที่ 6
พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)
พัดรองฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อีกหนึ่งเล่มที่สำคัญคือพัดรองสังเค็ดเพื่อถวายพระสงฆ์ในพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ.2469 มีลักษณะเป็นพัดหน้านางพื้นสีน้ำเงินแก่ ขอบพัดปักชื่องานว่า “ฌาปนานุสรณสยามาธิราช พระบาทสมเดจพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” ส่วนตรงนมพัด (บริเวณข้อต่อระหว่างตัวพัดและด้ามพัด) เป็นโลหะนูนรูปวัชระขนาดใหญ่สื่อถึงพระนามเดิมคือ “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราวุธ” ที่หมายถึงสายฟ้า และอาวุธของพระอินทร์ และพื้นพัดยังปักดิ้นเป็นรูปสายฟ้าอีกด้วย

“บริเวณขอบพัดด้านซ้ายมีการแทรกตรา ‘น. เทียนสิน’ ตราประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และด้านขวาเป็นอักษรย่อ ‘อ’ หมายถึงหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร ซึ่งเป็นผู้ทรงลงเส้นพัดเล่มนี้” ยุทธนาวรากร กล่าว

กล่องของที่ระลึกงานพระเมรุเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
พิกัด : พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งพระนามนั้นเป็นที่มาของชื่อโรงพยาบาลศิริราช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ แต่สิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 1 ปี 6 เดือน ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเมรุด้วยไม้จริง ณ ท้องสนามหลวง และเมื่อเสร็จสิ้นงานแล้วได้พระราชทานไม้เหล่านั้นเพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาล พร้อมกับพระราชทานสิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งเครื่องสังเค็ด เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง เก้าอี้ ให้แก่กิจการโรงพยาบาล รวมทั้งได้พระราชทานเงินพระมรดกของเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ เพื่อเป็นทุนสำหรับสร้างโรงพยาบาล จำนวน 700 ชั่ง

“ในงานพระเมรุได้มีหลายส่วนมาช่วย เช่น พระสงฆ์ และขุนนางที่ช่วยสร้างพระเมรุ หลังเสร็จงานจึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำของที่ระลึกเพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จรางวัล เช่น รูปรามเกียรติ์ในครอบแก้ว ชุดชาจักรี และกล่องใส่ของที่จัดทำไว้หลายแบบเพื่อแจกจ่ายตามลำดับชั้นยศทั้งที่ทำด้วยไม้ ทองแดง กะไหล่เงิน หรือถ้าสำหรับผู้ที่มียศศักดิ์สูงขึ้นมาก็จะเป็นกล่องที่ทำด้วยเงินแท้ หรือสูงขึ้นไปอีกก็จะเป็นเงินลงยาสีน้ำเงินและกะไหล่ทอง แต่กล่องของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เป็นกล่องกะไหล่เงินและกล่องเงิน” ยุทธนาวรากรกล่าว
ฝากล่องเป็นกระเบื้องเขียนพระสาทิสลักษณ์เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ทั้งแบบสีและขาว-ดำ บางใบมีข้อความทั้งด้านบนด้านล่างว่า “สมเดชพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ งานพระเมรุท้องสนามหลวง ปี ๑๒๔๙”

หุ่นจำลองเรื่อง รามเกียรติ์ ประกอบงานพระเมรุ
พิกัด : ห้องธนบุรีและรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
หุ่นจำลองสามมิติเรื่อง รามเกียรติ์ ตอนพระลักษมณ์ถูกศรพรหมาสตร์ของอินทรชิต และหนุมานหักคอช้างเอราวัณ เป็นเครื่องตกแต่งพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2423 โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ หัวหน้าช่างสิบหมู่ในขณะนั้นเป็นผู้ควบคุมการประดิษฐ์
หุ่นจำลองชิ้นนี้แกะสลักจากไม้และปิดทองคำเปลวเขียนสีและเป็นหนึ่งในเครื่องตกแต่งพระเบญจาหรือพระแท่นที่ทำเป็นฐานซ้อนชั้นขึ้นไปใช้สำหรับรองรับพระโกศ แต่ละชั้นของพระเบญจามีการตกแต่งด้วยหุ่นจำลองในครอบแก้วอีกหลายชิ้นที่จัดทำขึ้นตามตอนต่างๆ ในเรื่องรามเกียรติ์และปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ณ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

ชุดน้ำชาสุริยเทพในงานศพของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
พิกัด : พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นบน)
ชุดน้ำชาลายครามที่มีลวดลายเป็นรูปใบหน้าบุคคลมีรัศมีเปล่งประกายโดยรอบเรียกว่าลายสุริยเทพหรือสุริยมณฑล เป็นชุดน้ำชาที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องสังเค็ดในงานพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งเป็นขุนนางผู้มีบทบาทสำคัญในการเมืองการปกครองของสยามโดยเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2411-2416 ซึ่งในเวลานั้นพระองค์ยังไม่ทรงบรรลุราชนิติภาวะ

เนื่องจากราชทินนามของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ คือ มหาศรีสุริยะ จึงใช้ตราสุริยมณฑลเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และชุดน้ำชานี้ถือว่าเป็นกลุ่มเครื่องกระเบื้องที่เป็นตราประจำตัวหรือประจำตระกูลหนึ่งในไม่กี่ประเภทที่ปรากฏในวัฒนธรรมและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทย ชุดน้ำชานี้เดิมเป็นเครื่องบริขารของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 9 ก่อนที่จะมีการมอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เก็บรักษาดูแล
อ้างอิง
- หนังสือราชรถ ราชยาน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยกรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2559
- https://www.finearts.go.th/museumbangkok
- https://www.facebook.com/HRHPrinceNaris
- https://www.facebook.com/siriraj.museum