ART Space พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ริมน้ำเจ้าพระยา พิกัดโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ
Arts & Culture

ART Space พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ริมน้ำเจ้าพระยา พิกัดโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ

Focus
  • โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เปิดตัวอาร์ตสเปซ (ART Space) ให้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนด้วยความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย โมค่า แบงค็อก
  • อาร์ตสเปซเน้นการนำเสนอผลงานของศิลปินไทยตั้งแต่ระดับรุ่นใหญ่จนถึงศิลปินหน้าใหม่โดยจะมีการหมุนเวียนทุกไตรมาส
  • นิทรรศการแรกของอาร์ตสเปซคือ “EAT | DRINK | LOVE – Celebrating Life” โดย นีโน่-สุวรรณี สาระบุตร ที่จัดแสดงผลงานศิลปะจัดวางด้วยวัสดุเซรามิก

โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เปิดตัวอย่างหรูหราริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมดีไซน์แบบไทยร่วมสมัยในบรรยากาศแบบ Urban Resort โดยได้บริษัทสถาปนิก Hamiltons International และนักออกแบบภายในชื่อดัง ฌอง-มิเชล กาธีย์ (Jean-Michel Gathy) แห่งบริษัท Denniston มาร่วมถ่ายทอดความสวยงามทางธรรมชาติของไทยและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ ทางโรงแรมยังให้ความสำคัญกับงานศิลปะและงานดีไซน์ของศิลปินไทยโดยเปิดพื้นที่ที่เรียกว่า อาร์ต สเปซ ( ART Space ) จัดแสดงนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนทุกไตรมาสด้วยความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย โมค่า แบงค็อก (MOCA BANGKOK)

ART Space

อาร์ต สเปซเปิดตัวด้วยนิทรรศการ “EAT | DRINK | LOVE – Celebrating Life” โดยศิลปินหญิง นีโน่-สุวรรณี สาระบุตร กับผลงานศิลปะจัดวางทำจากเซรามิกเป็นรูปหัวใจ 201 ดวงรูปขวด 365 ใบรูปผีเสื้อ 4,000 ตัว และชุดจานชามบนโต๊ะยาวขนาด 12 เมตร ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานของศิลปินที่สร้างสรรค์ตั้งแต่ พ.ศ.2551 จนถึงปัจจุบัน

บนผนังของห้องจัดแสดงติดตั้งเซรามิกรูปหัวใจจำนวน 201 ดวง ที่พูดถึงความรักหลากหลายรูปแบบตั้งแต่รักชาติ รักแบบหนุ่มสาว รักพวกพ้อง ความรักที่พลัดพราก และความรักที่ผันแปรไปตามกาลเวลา โดยงานชิ้นนี้เป็นการย้อนไปถึงเส้นทางศิลปินของนีโน่ตั้งแต่การจัดแสดงผลงานเดี่ยวชุดแรกชื่อ Exploring Love ที่ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์เมื่อ พ.ศ. 2552

ART Space
นีโน่-สุวรรณี สาระบุตร

“เรายังสนุกในการทำเซรามิกเป็นรูปหัวใจ ยังเป็นฟอร์มที่สื่อสารสิ่งที่เราอยากบอกได้ สิ่งที่เราเพนต์ลงไป สีหรือเท็กเจอร์ของชิ้นงานแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์หรือเรื่องราวที่อยากนำเสนอ เช่น บางชิ้นเป็นพื้นสีดำและเขียนเลข ‘๙’ เขียนคำว่า ‘Dad’ และเขียนคำว่า ‘พ่อ’ เราทำหลังในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต หรือบางชุดที่ทำปีที่แล้วเป็นงาน Blue & White และเพนต์รูปหงส์กับลายไทยเพื่อเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง” นีโน่กล่าว

ART Space

กลางห้องจัดแสดงยังจัดวางโต๊ะยาวขนาด 12 เมตร ปูด้วยผ้าพื้นสีดำและบนโต๊ะวางชุดจานชามเซรามิกสีดำสำหรับผลงานชื่อ “Black Ripple” ที่ศิลปินเริ่มทำตั้งแต่ พ.ศ. 2559

“เริ่มจากเราชอบทำกับข้าวเลี้ยงเพื่อนๆ แต่ไม่มีจานชามขนาดที่ใส่กับข้าวหลายๆ อย่างที่พอดีสำหรับ 8 คนในจานเดียว เราก็เลยเริ่มทำชุดจานชามที่มีขนาดใหญ่ประกอบกับเราชอบเล่นเซิร์ฟ และเห็นริ้วน้ำสวยมากขณะเล่นจึงนำมาทำเป็นลวดลายของจานชาม เป็นงานที่มีทั้งฟังก์ชันและความงาม ที่ใช้สีดำเพราะใส่อะไรก็สวย ดูแล้วน่ากิน”

เหนือโต๊ะขนาดยาวแขวนขวดทำจากพอร์ซเลนจำนวน 365 ใบ ซึ่งเป็นผลงานในช่วง พ.ศ. 2558 เพื่อตั้งคำถามกับผู้ชมว่าตลอด 365 วันเราเคยตั้งคำถามหรือไม่ว่าเราได้ดื่มอะไรไปบ้าง

“เป็นการตั้งคำถามถึงสิ่งที่เราดื่มในแต่ละวัน และเหตุผลในการเลือกเครื่องดื่มแต่ละชนิดคืออะไร จากเหตุผล จากอารมณ์ หรือตามกระแส เครื่องดื่มนั้นมีน้ำตาลปริมาณแค่ไหน สิ่งเหล่านี้เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหม”

บนเพดานยังแขวนผีเสื้อพอร์ซเลนจำนวน 4,000 ตัว ที่สร้างสรรค์เมื่อ พ.ศ. 2554 เพื่อสื่อถึงความไม่แน่นอนของชีวิต

“ผีเสื้อคือความงามและความเคลื่อนไหว แต่วงจรชีวิตของผีเสื้อนั้นแสนสั้น แค่ไม่กี่สัปดาห์ก็ตาย ชีวิตเราก็เช่นกันไม่มีอะไรแน่นอน ดังนั้นจงใช้ชีวิตให้สนุกและมีความสุข Live, Love and Let’s Die”

ผลงานชุดผีเสื้อพอร์ซเลนชวนให้นึกถึงผลงานสร้างชื่อของเธอที่ชื่อ “What Will You Leave Behind” ซึ่งจัดแสดงที่อาร์เดลเธิร์ดเพลส แกลเลอรี ทองหล่อซอย 10 เมื่อ พ.ศ. 2556 โดยในครั้งนั้นนีโน่นำเซรามิกรูปกะโหลกชิ้นเล็กๆจำนวนกว่า 1 แสนชิ้นโปรยบนพื้นในห้องนิทรรศการและเชื้อเชิญให้คนดูเดินเหยียบและสัมผัสถึงความเปราะบางเพื่อตระหนักถึงแต่ละก้าวของชีวิต

ผลงานหัวกะโหลกเซรามิกยังต่อยอดมาจัดแสดงเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2561 โดยเธอได้โปรยเซรามิกกะโหลกกว่า 1 แสนชิ้นบนทางเดินรอบเจดีย์องค์พระประธานของวัดประยุรวงศาวาสและตั้งคำถามว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต คุณจะทำความดีอะไรทิ้งไว้บนโลกใบนี้”

เป็นเวลากว่า 15 ปีที่นีโน่ใช้เซรามิกเป็นวัสดุหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยเธอกล่าวถึงเสน่ห์ของเซรามิกว่า

“เซรามิกทำจากดินซึ่งเป็นสื่อที่จับต้องได้ มีเท็กเจอร์ มีความยืดหยุ่น มีทั้งศาสตร์ของศิลปะและวิทยาศาสตร์รวมกัน เป็นสิ่งที่เราใช้ทั้งดิน น้ำและไฟในการสร้างสรรค์ มีชีวิตชีวามากกว่างานเพนต์”

คิด-คณชัย เบญจรงคกุล

อาร์ตสเปซแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่แรกที่ทางทีมโมค่า แบงค็อกเข้ามาบริหารจัดการนอกเหนือจากการบริหารพิพิธภัณฑ์ของตัวเองโดย คิด-คณชัย เบญจรงคกุล ผู้อำนวยการโมค่า แบงค็อก เผยว่าโปรเจกต์นี้ใช้เวลาในการเตรียมงานร่วม 2 ปีนับตั้งแต่พูดคุยกับ ลูบอช บาร์ทา (Lubosh Barta) ผู้จัดการทั่วไป (General Manager) ของทางโรงแรม

“นี่เป็นการบริหารอาร์ตสเปซนอกมิวเซียมของเราเป็นครั้งแรก เราต้องทำงานร่วมกับทีมบริหารของโรงแรมเพื่อให้ได้งานที่เหมาะสมทั้งในแง่การจัดแสดงและธีมงาม สิ่งที่ท้าทายคือที่นี่เป็นพื้นที่เปิดไม่ใช่ห้องจัดแสดงแบบ White Cube (ห้องสี่เหลี่ยมสีขาว) ดังนั้นเราต้องคำนึงถึงคนที่เดินผ่านไปมาด้วยเพราะไม่ใช่พื้นที่เฉพาะคนมาดูงานศิลปะเท่านั้น” คิดกล่าวถึงโจทย์ที่ท้าทาย

คิดกล่าวเพิ่มเติมว่างานของนีโน่ได้รับเลือกให้เป็นนิทรรศการแรกของอาร์ตสเปซเนื่องจากเป็นงานที่เข้าใจง่ายและธีมเป็นเรื่องการเฉลิมฉลอง

“ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกคน ดังนั้นสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัวเช่นการกินดื่มกับกลุ่มเพื่อนที่ดีๆเป็นการเติมเต็มความสุขอย่างหนึ่งดังเช่นผลงานชุด Black Ripple ของนีโน่ แม้งานของนีโน่บางชิ้นจะออกดาร์กบ้างแต่เราก็มีการปรับคอนเซ็ปต์กับศิลปินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ พื้นที่และช่วงเวลา”

จุดท้าทายอีกอย่างหนึ่งของพื้นที่คือ เพดานค่อนข้างต่ำดังนั้นงานจึงต้องมีการปรับในการติดตั้ง แต่ยังต้องคงไว้ซึ่งธีมและความรู้สึกที่ศิลปินต้องการสื่อสารผ่านชิ้นงาน

“งานของนีโน่ที่ต้องห้อยลงมาไม่ว่าจะเป็นเซรามิกรูปขวดหรือรูปผีเสื้อ จริงๆแล้วต้องใช้สเปซที่มีความสูง 4 เมตรขึ้นไป เราก็ต้องมาปรับกับศิลปินเพื่อให้เป็นงาน Site Specific Installation (ศิลปะจัดวางเฉพาะที่) ในครั้งหน้าถ้าหากมีงานชิ้นใหญ่เราก็สามารถนำไปติดตั้งบริเวณพื้นที่ริมน้ำซึ่งเชื่อมต่อกับอาร์ตสเปซได้”

นิทรรศการจะมีการจัดหมุนเวียนทุก 3-4 เดือนโดยเน้นผลงานของศิลปินตั้งแต่ระดับรุ่นใหญ่จนถึงศิลปินหน้าใหม่ที่คิวเรตโดยโมค่า แบงค็อก เป็นหลักและบางงานอาจมีคิวเรเตอร์รับเชิญ

“นิทรรศการที่เราจัดที่นี่จะมีความเชื่อมโยงกับงานที่โมค่า แบงค็อก เช่น นีโน่ก็มีงานนิทรรศการที่โมค่าอยู่ในขณะนี้ ทั้งสองที่จึงเป็นส่วนขยายของกันและกัน” คิดกล่าวทิ้งท้าย

Fact File

  • นิทรรศการ “EAT | DRINK | LOVE – Celebrating Life” จัดแสดงถึงวันที่28 มีนาคม พ.ศ. 2564
  • รายละเอียดเพิ่มเติม ART Space คลิก www.fourseasons.com/bangkok/

Author

เกษศิรินทร์ ผลธรรมปาลิต
Feature Editor ประจำ Sarakadee Lite อดีต บรรณาธิการข่าวไลฟ์สไตล์ Nation ผู้นิยมคลุกวงในแวดวงศิลปวัฒนธรรมจนได้ขุดเรื่องซีฟๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอ

Photographer

ชัชวาล จักษุวงค์
เคยเป็นนักรีวิว gadget มานานหลายปี ตอนนี้หันมาเอาดีด้านงานถ่ายภาพ ถนัดงานด้านการบันทึกภาพวิถีชีวิตผู้คนและสายการเดินทางท่องเที่ยว