ฮีลใจกับศิลปะกลางผืนป่า Khao Yai Art Forest ศิลป่าที่รวมงานอาร์ตระดับโลก

ภาพผลงานประติมากรรมแมงมุมยักษ์ Maman (2542) ของศิลปินชาวอเมริกัน-ฝรั่งเศส หลุยส์ บูร์ชัวส์ และหมอกกลางผืนป่า Khao Yai  Fog Forest (2567) โดย ฟูจิโกะ นากายะ เชิญชวนให้หลายคนปักหมุดออกเดินทางไปที่ Khao Yai Art Forest พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คของเขาใหญ่เป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Khao Yai  Art Forest แปลตรงตัวได้ว่า “ศิลป่า” สื่อได้ถึงคอนเซปต์ที่พา ศิลปะ และ ป่า มาอยู่คู่กัน พร้อมกับนำเสนอ 4 คีย์หลักในพื้นที่แห่งนี้นั่นคือ ศิลปะร่วมสมัย อาหาร นวัตกรรม รวมถึงการศึกษาและพัฒนาชุมชน

พื้นที่ราว 300 ไร่ของที่นี่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักคือ พื้นที่ราบ ซึ่งจะมีส่วนอาคารต้อนรับและส่วนนาข้าวที่ตอนนี้มีงานศิลปะระดับโลกอย่าง Maman จัดแสดงอยู่ รวมถึงร้านกาแฟ % Arabica ที่มาเปิดป๊อบอัพให้บริการท่ามกลางความเขียวของป่าเขา อีกส่วนคือ ป่าคาร์บอน ที่มีการปลูกต้นไม้เก็บคาร์บอนเครดิตไปแล้วราว 600 ต้น และส่วนสุดท้ายคือที่ ลุ่ม หรือ โซน ที่มีผลงานศิลปะส่วนใหญ่จัดแสดงอยู่

ด้วยความที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติและป่าเขา ผลงานศิลปะในพื้นที่นี้จึงเป็นแบบ Land Art เพื่อให้มีความสอดคล้องและกลมกลืนกับธรรมชาติที่สุดอย่างเช่นประติมากรรมสำริด Maman ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของศิลปินกับแม่ผ่านการถักทอใยและปกป้องไข่ของแมงมุม ก็เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เคยจัดแสดงในแลนด์สเคปแบบนี้ จากปกติที่จัดแสดงบริเวณหน้ามิวเซียมหรือกลางเมืองเท่านั้น และยังมีผลงานของ Artists in Resident ของทั้งศิลปินไทยและต่างประเทศที่ได้ออกแบบมาเพื่อที่นี่โดยเฉพาะจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจากเขาใหญ่และประเทศไทย อีกเหตุผลหนึ่งมาจากจุดเริ่มต้นที่ต้องการเชื่อมโยงผู้คนกับผืนป่าด้วยงานศิลปะ การจัดแสดงจึงไม่เหมือนกับแกลเลอรีหรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะทั่วไป แต่จัดวางศิลปะแบบกระจายตัวตามพื้นที่จริงของผืนป่าตั้งแต่พื้นราบถึงเนินเขา นั่นทำให้เราต้องใช้เวลาและแรงในการเดินชมผลงานทั้งหมดกับระยะเดินราว 2.5 กิโลเมตร ที่บางช่วงเวลาเราอาจจะเจอฝนบ้าง แดดบ้างหรือบางทีกลับไปอีกครั้งอาจจะได้เจอใบไม้สีใหม่ในต่างฤดู ทำให้ระหว่างเดินชมเราได้สังเกตบรรยากาศรอบข้าง ฟังเสียงธรรมชาติและฮีลใจได้บ้างในอีกทางหนึ่ง

ผลงาน Madrid Circle (2531) ของ ริชาร์ด ลอง ก็เป็นอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงของศิลปะธรรมชาติและจิตใจได้อย่างดี ผลงานวงกลมที่ประกอบจากหินกว่าสามร้อยชิ้นนี้ พูดถึงการดำรงอยู่และการไหลเวียนของเวลาที่พ่วงมาด้วยการเดินและการเจริญสติ ตั้งอยู่ในโลเคชันที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขามีความเงียบง่ายและชวนให้รู้สึกสงบ

อีกชิ้นที่ไม่ควรพลาดชมคือ Two Planets Series (2551) โดย อาจารย์อารยา ราษฎร์จำเริญสุข กับชิ้นงาน Video Installation กลางเสียงของป่าที่ชวนผู้ชมมาตั้งคำถามว่าศิลปะคืออะไร ผ่านการฉายวิดีโอที่เกิดจากการชวนชาวชุมชนประชาชนทั่วไปมานั่งชมภาพศิลปะมาสเตอร์พีช และพูดคุยเกี่ยวกับภาพเหล่านั้นโดยไม่มีการไกด์ว่าคืออะไร และผลงานวิดีโอที่จัดแสดงอยู่นี้ก็จัดวางในเซ็ตอัพที่เหมือนกันกับพวกเขาอีกที ทำให้เกิดบทสนทนาต่อไปได้อย่างไม่รู้จบ

นอกจากผลงานศิลปะฮีลใจแล้ว ล่าสุดยังได้เพิ่มเติมประสบการณ์ด้านอาหารเข้ามาทั้งมื้อกลางวันและดินเนอร์เพิ่มเติมที่ Bamboo Bar บริเวณใกล้กับ Khao Yai  Fog Forest พอดี เรียกว่าชมหมอกแล้วก็ดินเนอร์ต่อได้เลย ซึ่งในส่วนของอาหารได้ เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ เจ้าของร้าน Samuay & Sons จังหวัดอุดรธานีเข้ามาดูแลร่วมกับ เชฟโจ้-วรวุฒิ ตริยเสนวรรธ์ น้องชาย คอนเซปต์อาหารของที่นี่เน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล รวมถึงสอดแทรกประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอาหารอีสานฝั่งโคราชและชุมชนรอบๆ เอาไว้ด้วย

เช่น เมนูข้าวผัดรถไฟ ที่แทรกประวัติศาสตร์รถไฟสายกรุงเทพฯ-นนครราชสีมาเอาไว้ หรือจะเป็นเมนูหลามปลา เชฟหนุ่มก็ได้เลือกใช้ปลาคังจากลำตะคองที่อยู่ไม่เกิน 60 กิโลเมตรจากที่นี่ นำมาตุ๋นกับเครื่องสมุนไพรให้ความหอมและนุ่ม ปิดท้ายด้วยเมนูสดชื่นอย่างกรานิต้าผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งในส่วนของอาหารตอนนี้จะเสิร์ฟแบบฟูลคอร์สและต้องทำการจองล่วงหน้า ส่วนในอนาคตจะมีการเพิ่มเติมร้านอาหารรวมถึงเวิร์คชอปเกี่ยวกับอาหารเข้ามาอีกเรื่อยๆ ต้องคอยติดตามว่าจะมาในรูปแบบไหนต่อไป 

Fact File

• Khao Yai  Art Forest เปิดทำการวันพฤหัสบดี-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 12:30-18:00 น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10:30-18:00 น. (ปิดวันจันทร์-วันพุธ)
• สำรองบัตรเข้าชมและมื้ออาหารได้ทาง www.tickettailor.com/events/Khao Yai art