สวนดุสิตอรุณ สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่สุดในไทย แลนด์มาร์คใหม่ Dusit Central Park
Better Living

สวนดุสิตอรุณ สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่สุดในไทย แลนด์มาร์คใหม่ Dusit Central Park

Focus
  • สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดดเด่นด้วยการรวบรวมพันธุ์ไม้ไทยแบบ 100 เปอร์เซนต์
  • หัวใจสำคัญของการออกแบบคือ Biophilic Design ที่อยากจะเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติ และปราศจากสารเคมีแม้แต่คลอรีนก็ไม่ใช้

กลายเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ประจำปี 2568 ไปแล้ว สำหรับ สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Arun at Dusit Central Park) สวนลอยฟ้าใจกลางเมืองแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในไทยที่เปิดตัวพร้อมกับศูนย์การค้าแห่งใหม่ Central Park เมื่อต้นเดือนกันยายน 2568 กับพื้นที่สีเขียวขนาด 7 ไร่ หรือราว 11,200 ตารางเมตรที่เชื่อมโครงการ Dusit Central Park และสวนลุมพินีไว้อย่างไร้รอยต่อ โดยความโดดเด่นของที่นี่ไม่เพียงแค่เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง แต่ยังออกแบบให้กลมกลืนตอบโจทย์การใช้งานของทุกไลฟ์สไตล์และที่สำคัญคือไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับระบบนิเวศด้วยการคัดเลือกพรรณไม้ไทยและการดูแลแบบไม่ใช้สารเคมีเพื่อเอื้อต่อระบบธรรมชาติมากที่สุด

สวนดุสิตอรุณ
สวนดุสิตอรุณ

สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เปรียบเสมือนใจกลางที่เชื่อมต่อโครงการ Dusit Central Park เข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ อาคารสำนักงาน โครงการ Dusit Residences ศูนย์การค้า Central Park และ Dusit Parkside ซึ่งสามารถเดินเชื่อมมาใช้บริการสวนได้และเชื่อมต่อกันโดยมีสวนเป็นใจกลาง อีกภายนอกยังสามารถเชื่อมต่อได้จากสถานีรถไฟฟ้าเข้าสู่ตัวโครงการได้อย่างสะดวก

สวนดุสิตอรุณ
จุดชมวิว Bird Nest

เมื่อเข้าไปถึงจะเห็นได้ว่าพื้นที่ของ Roof Park ถูกออกแบบให้เป็นทางลาดเชื่อมระดับที่ครอบคลุมพื้นที่ชั้น 4 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 ทำให้คล้ายกับว่าเราเดินอยู่ในธรรมชาติและป่าเขา อีกทั้งสิ่งนี้ยังเอื้อต่อคนทุกเพศทุกวัยรวมถึงผู้ใช้งานรถเข็นให้สามารถใช้พื้นที่นี้ร่วมกันได้อย่างสะดวก รวมทั้งเปิดรับสัตว์เลี้ยงด้วย

ระหว่างทางเดินในจุดต่างๆ มีพื้นที่สำหรับรองรับกิจกรรมที่หลากหลายลดหลั่นกันไป ทั้งโซนสำหรับเด็ก สัตว์เลี้ยง โซนเดินเล่นออกกำลังกาย โซน Event Space โซน Food Passage รวมอาหารร้านดังรวมถึงจุดชมวิว Bird Nest ที่สามารถมองเห็นวิวมุมสูงของกรุงเทพฯ ได้อย่างเต็มตา

สวนดุสิตอรุณ

ในการออกแบบที่นี่เน้นการสร้างระบบนิเวศให้มีชีวิตและเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติ สิ่งที่โดดเด่นคือการเลือกปลูกพันธุ์ไม้ท้องถิ่นทั้งหมดรวมถึงดอกไม้ที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของผึ้ง ผีเสื้อและแมลง ด้านต้นไม้ไทยได้มีคัดเลือกมาจากวรรณคดีของสุนทรภู่ ไม่ว่าจะเป็นนิราศภูเขาทอง นิราศสุพรรณบุรี หรือนิราศเมืองแกลง สำหรับใครที่สนใจเรื่องพันธุ์ไม้แต่ละต้นจะมีป้ายระบุชื่อและ QR Code ซึ่งจะมีบอกทั้งชื่อ ลักษณะ แหล่งที่พบไปจนถึงสรรพคุณและประโยชน์ของต้นนั้นๆ เอาไว้

สวนดุสิตอรุณ
สวนดุสิตอรุณ

และหัวใจสำคัญของการออกแบบคือ Biophilic Design ที่อยากจะเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการจำลองแอ่งน้ำ สร้างน้ำตกขนาดใหญ่ เล็กทั่วบริเวณเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเย็นสบาย เน้นคัดเลือกต้นไม้ที่ช่วยสร้างออกซิเจนและซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซับฝุ่นไปพร้อมๆ กับการเลือกต้นไม้ที่จะสามารถเป็นบ้านของนก เหมาะสมสำหรับทั้งแมลงปอ แมลงทับ ผีเสื้อ กระรอก เกื้อหนุนการดำรงอยู่ของธรรมชาติให้มากที่สุดแม้จะเป็นสวนที่มนุษย์สร้างที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งนั่นทำให้พื้นที่สีเขียวของ Dusit Central Park เป็นสวนปราศจากสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง หรือ คลอรีน

สวนดุสิตอรุณ
สวนดุสิตอรุณ

อย่างเช่นต้น “มะกอกน้ำ” ที่มาของชื่อ “บางกอก” นั้นเป็นไม้ถิ่นเพื่ออนุรักษ์ที่สามารถพบได้ในป่าดิบชื้นของไทยและลาว ส่วนผลสามารถใช้ประกอบอาหารและเปลือกมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ ข้อมูลเหล่านี้สามารถสแกนอ่านได้ทันทีที่เดินผ่าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ที่นี่จะเน้นคัดเลือกต้นไม้ที่ช่วยสร้างออกซิเจน ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดฝุ่นและให้ร่มเงา อีกทั้งยังคำนึงถึงการเป็นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมให้กับสัตว์อย่างนกและกระรอกเพื่อเกื้อหนุนการดำรงอยู่ของธรรมชาติให้มากที่สุดส่งผลไปถึงการปลูกและดูแลที่เน้นการใช้หลักธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี เสริมด้วยการจำลองแอ่งน้ำและน้ำตกเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเย็นสบาย สามารถแวะไปพักหย่อนใจได้ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะช่วงเช้าและตอนเย็นที่มอบบรรยากาศที่ต่างกันในแต่ละช่วงเวลา

Fact File

  • Roof Park สวนลอยฟ้า สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 3 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 06:00-22:00 น.
  • รายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/dusitcentral

Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ

Photographer

ประเวช ตันตราภิมย์
เริ่มหัดถ่ายภาพเมื่อปี 2535 ด้วยกล้องแบบ SLR ของพ่อ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองก่อนหาความรู้เพิ่มเติมจากรุ่นพี่และนิตยสาร รวมถึงชุมนุมถ่ายภาพ สิบกว่าปีที่เดินตามหลังกล้อง มีโอกาสพบเห็นวัฒนธรรม ประเพณี กลุ่มชนชาติพันธุ์ต่างๆ เชื่อว่าช่างภาพมีหน้าที่สังเกตการณ์ ถ่ายทอดสิ่งที่เห็น และเล่าเรื่องด้วยภาพไปสู่ผู้ชม