ย้อนความหลัง หัวโต ลูกอมโกโก้ในตำนานที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
Brand Story

ย้อนความหลัง หัวโต ลูกอมโกโก้ในตำนานที่มีอายุมากกว่า 50 ปี

Focus
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานลูกกวาดลัคกี้ ผู้ผลิต หัวโต ลูกอมโกโก้ในตำนานที่ยังคงเอกลักษณ์ของรสชาติและบรรจุภัณฑ์แม้ก่อตั้งแบรนด์มาแล้วถึง 53 ปี
  • ปัจจุบัน โรงงานลูกกวาดลัคกี้ ปรับตัวรับสถานการณ์ด้วยการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ยังคงคิดถึงขนมโบราณ ให้สามารถหาสั่งซื้อได้ง่ายๆ ที่บ้าน

ชิ้นส่วนในความทรงจำวัยเด็กของทุกคนมีอะไรกันบ้าง หากถามคำถามนี้คำตอบอาจจะแตกต่างกันออกไป อาจเป็นของเล่นสักชิ้น กิจกรรมกระโดดหนังยางหรือการ์ตูนในดวงใจสักเรื่อง แต่หากลองจำกัดความลงมาหน่อยอย่างหมวดขนมในวัยเด็ก หัวโต ลูกอมโกโก้ในกล่องสีสันสดใส ประทับลายมาสคอตตัวกลม น่าจะเป็นขนมที่ติดโผอยู่ในลิสต์ความทรงจำของคนหลายยุคสมัยที่เห็นแล้วต้องมีคิดถึงความหลังกันบ้าง ด้วยความคลาสสิกของรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงเป็นที่จดจำ แม้ถือกำเนิดมาแล้วถึง 53 ปี

หัวโต

“ขนมที่สร้างชื่อจริงๆ ของเราก็คือลูกอมหัวโตนี่แหละ ที่ทำให้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้” 

วิบูลย์ อิทธิสมบูรณ์ บุตรชายและทายาทรุ่นที่ 2 ผู้รับช่วงดูแลกิจการต่อจาก ดิเรก อิทธิสมบูรณ์ ผู้คิดค้นและก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานลูกกวาดลัคกี้ เล่าให้เราฟังพลางหัวเราะ

โรงงานลูกกวาดลัคกี้ ผู้ผลิตและจำหน่าย หัวโต รวมถึงลูกอมและหมากฝรั่งต่างๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าลัคกี้ ตั้งอยู่ในซอยจอมทอง15 เขตจอมทอง กรุงเทพฯ นับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2510 วันริเริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน 

หัวโต
ดิเรก อิทธิสมบูรณ์ (กลาง) ผู้ริเริ่มโรงงานลูกกวาดลัคกี้

“แบรนด์นี้มีมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อเป็นคนก่อตั้ง อายุมากกว่า 50 ปีแล้วครับ เริ่มจากการผลิตขนม ลูกอมมาตั้งแต่เริ่ม แล้วก็ทำแบบนี้มาตลอด ในตอนแรกที่คุณพ่อเริ่มทำยังเป็นที่ดินเช่าเขาอยู่ พอทำโรงงานมาเรื่อยๆ แล้วค้าขายดี ก็มีการพัฒนาซื้อที่ดินขึ้นมา ด้วยเนื้อที่ประมาน 1 ไร่ จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เดิม ส่วนชื่อที่จดทะเบียนไว้คือ โรงงานลูกกวาดลัคกี้ เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด จดแบบนี้มานานแล้วครับ” วิบูลย์ในวัย 56 ปีกล่าวเมื่อเราถามถึงจุดเริ่มต้น 

“โรงงานนี้จริงๆ มีที่มาจากคุณย่าที่ทำกิจการเกี่ยวกับลูกอมอยู่แล้ว ในชื่อ โรงงานลูกกวาดเทสตี้ ที่ผลิตหมากฝรั่งแมวดำ สมัยก่อนตอนคุณพ่อเด็กๆ อายุประมาน 10 กว่าปีก็เคยช่วยคุณย่าทำเป็นเซลส์หรือช่วยดูโรงงาน พอสักอายุ 20 ปีคุณพ่อก็ออกมาทำธุรกิจเองโดยหุ้นกับเพื่อนๆ แล้วก็ทำต่อกันมายาวนาน แต่ว่าเริ่มแรกก็คือมาจากคุณย่า โรงงานลูกกวาดเทสตี้ตอนนี้ก็น่าจะมีอายุมากกว่า 70-80 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ ส่วนคุณพ่อก็ออกมาตั้งโรงงานเองเป็นโรงงานลูกกวาดลัคกี้”

หัวโต
วิบูลย์ อิทธิสมบูรณ์ (ริมขวาสุด แถวที่สอง)
ผู้ดูแลกิจการโรงงานลูกกวาดลัคกี้ในปัจจุบัน

หัวโต เปลี่ยนผ่านมาสู่รุ่นที่ 2 ซึ่งวิบูลย์ ผู้เป็นบุตรชายคนโตเข้ามารับช่วงดูแลกิจการต่อหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย โดยอาศัยประสบการณ์จากที่เคยช่วยและคลุกคลีอยู่ในโรงงานมาตั้งแต่เด็กๆ โดยที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมของแบรนด์เอาไว้เกือบทั้งหมด

“สูตรต่างๆ ที่มาจากคุณพ่อเป็นอย่างไรก็เป๊ะแบบนั้นครับ ไม่ได้เปลี่ยนเลย เป็นสูตรที่คุณพ่อคิดมาตั้งแต่เริ่มทั้งส่วนผสม ขนาดของเม็ดลูกอม และทุกๆ ส่วนที่ทำให้ติดตลาดมาจนถึงทุกวันนี้” 

“สำหรับผมสิ่งที่ทำให้คนจดจำหัวโตได้น่าจะเป็นรสชาติ ที่ไม่ได้หวานน้ำตาลอย่างเดียว ซึ่งคุณพ่อเขาจะเน้นทั้งนมผงนำเข้า ช็อกโกแลตนำเข้า เน้นเรื่องวัตถุดิบที่นำเข้าเกือบทุกตัว ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น แล้วเราก็จะพยายามใช้วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติแทนการใช้วัตถุดิบสังเคราะห์ อย่างเช่นลูกอมเราจะใช้ขี้ผึ้งเป็นตัวเคลือบ ซึ่งบางที่เขาจะใช้ผงขัดเงาเพื่อให้มันอยู่ทน เรื่องของการใส่สีเราก็ระมัดระวังเรื่องของปริมาณด้วย” 

“สำหรับตัวมาสคอตหัวโตที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ คุณพ่อน่าจะได้ไอเดียมาจากการเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น เท่าที่ผมจำได้นะครับ ตัวบรรจุภัณฑ์ก็อาจจะมีดัดแปลงนิดหน่อยจากแบบของญี่ปุ่นบวกกับคิดเองด้วย ประมาณนี้ครับ”

วิบูลย์เล่าถึงหัวใจสำคัญที่โรงงานยังคงยึดถือ รวมถึงเอกลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์สุดคลาสสิกที่ยังคงใช้แบบดั้งเดิม ผลิตจากโรงพิมพ์เจ้าเดิมที่สานต่อมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงขนาดกล่องเท่านั้น

“รุ่นผมก็มีสินค้าเพิ่มขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็เป็นการนำของเก่ามารีมิกซ์ ปัจจุบันขนมของเราที่ผลิตอยู่มีประมาน 10 ตัว แต่ตัวที่ทำให้รู้จักว่าลัคกี้คืออะไรก็คือ หัวโต นี่แหละครับ ซึ่งลูกอมโกโก้ของเราจะมีอีกไซซ์หนึ่งด้วย แต่ขนาดเม็ดใหญ่กว่าในชื่อ จัมโบ้ มีลูกอมรสกาแฟ แล้วก็มีหมากฝรั่งรสเปปเปอร์มินต์และรสผลไม้ต่างๆ อย่างสับปะรด องุ่นหรือส้ม ส่วนบรรจุภัณฑ์ก็ใช้แบบเดิม อาร์ตเวิร์กยังเหมือนเดิม แต่ปรับให้กล่องมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็พัฒนาจากไซซ์เล็กขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยเรื่องของต้นทุน”

นอกจากรูปแบบ บรรจุภัณฑ์ที่คงเดิมแล้ว ช่องทางการขายของโรงงานลูกกวาดลัคกี้ยังคงใช้ระบบขายส่งผ่านยี่ปั๊วเป็นหลัก 

“ลูกค้าหลักของเราส่วนใหญ่เป็นยี่ปั๊ว อย่างต่างจังหวัดก็จะมียี่ปั๊วเก่าแก่ที่ส่งกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ซึ่งเขาก็ส่งต่อให้รุ่นลูกเหมือนกัน เขามีบริษัทของเขา มีเซลส์ไปขาย เราก็เป็นโรงงานที่ไปส่งให้เขา ยังไม่มีไปถึงหน้าร้านโดยตรง ส่วนใหญ่จะเน้นต่างจังหวัดกับส่งออกต่างประเทศ ซึ่งหลักๆ ก็จะมีประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย จีน”

“กรุงเทพฯ ก็มีนะครับ แถวเยาวราช มหานาค ก็ยังมีขายอยู่เหมือนกัน แต่เราเสียตรงที่เราไม่ได้ขึ้นห้างด้วยเงื่อนไขต่างๆ ของโมเดิร์นเทรดที่หลายขั้นตอน เลยคิดว่าเราส่งเองดีกว่า ทางยี่ปั๊วก็ได้ส่วนลดไป เราส่งทอดเดียว ซึ่งถ้าส่งโมเดิร์นเทรดเราต้องมาวางแผนทำราคาใหม่ เราขายถูกด้วยเลยเน้นที่ร้านค้าต่างจังหวัดและส่งออกที่ราคาไม่แพง”

จากเดิมที่ถือว่าเป็นขนมหายาก ซึ่งมักจะหาซื้อได้ตามร้านรวมขนมโบราณ ทางโรงงานลูกกวาดลัคกี้ก็เริ่มมีแผนที่จะเปิดช่องทางออนไลน์แบบออฟฟิเชียลให้เข้ากับยุคและสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น

“จากโควิด-19 ช่วงนี้ถือว่ากระทบมาก แต่ก็ต้องอดทน ยังไงก็ต้องแบกไว้ก่อน มีหยุดบ้างทำบ้างสลับกัน ยี่ปั๊วบางรายก็เข้ามาเอาสินค้าที่โรงงานเอง แต่เมืองนอก เนื่องจากตอนนี้ปิดการเดินทางระหว่างประเทศจึงทำให้ส่งออกไม่ได้เลย ซึ่งเขาก็ลำบากเหมือนกัน ตอนนี้เราก็ควักเงินเก็บออกมาจ่ายเงินเดือนคนงานไปก่อน ช่วงนี้ช่องทางออนไลน์ก็มาแรง ก็ต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไร แบบไหน จริงๆ ทางโรงงานก็มีเว็บไซต์อยู่นะ แต่ทำมานานแล้วดีไซน์อาจจะเชยๆ หน่อย ไปฝากโดเมนเขาไว้ แต่ก็สามารถเข้าไปดูได้ว่าเรามีสินค้าอะไรบ้าง เห็นลูกสาวนำไปโพสต์ลงช่องทางออนไลน์ของเขาก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน ออร์เดอร์ตอนนี้ก็เริ่มเยอะขึ้นแล้ว”

ใครที่คิดถึงความคลาสสิกของ หัวโต จัมโบ้และหมากฝรั่งรสชาติต่างๆ ตอนนี้ทางลัคกี้เพิ่งเปิดช่องทางออนไลน์แบบสดๆ ร้อนๆ ให้สามารถสั่งซื้อแบบปลีกกันได้ง่ายๆ แบบไม่มีจำกัดจำนวนขั้นต่ำแล้ว ทั้งทาง Facebook, Instagram, Line และ Twitter เลย 

แถวนี้มีใครเคยกินลูกอมหัวโตแล้วนำกล่องมาเป่าเล่นเหมือนกันบ้างไหมนะ

Fact File


Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ