เบื้องหลังเพลงฮิต วงควีน จากภาพยนตร์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ Queen Rock Montreal
Brand Story

เบื้องหลังเพลงฮิต วงควีน จากภาพยนตร์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ Queen Rock Montreal

Focus
  • รู้จักราชาในนามราชินี Queen (ควีน) วงดนตรีฮาร์ดร็อกแห่งยุค 70-80 กับภาพยนตร์คอนเสิร์ตครั้งสำคัญ Queen Rock Montreal
  • วงควีนเป็นวงร็อกจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1971 มีสมาชิกดั้งเดิม  4 คน คือ เฟรดดี เมอร์คิวรี ร้องนำและเปียโน ไบรอัน เมย์ มือกีตาร์ จอห์น ดีคอน มือเบส และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ มือกลอง

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 แฟนเพลงทั่วโลกได้ต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของ ราชาในนามราชินี Queen (ควีน) วงดนตรีฮาร์ดร็อกแห่งยุค 70-80 กับภาพยนตร์คอนเสิร์ตครั้งสำคัญ Queen Rock Montreal บันทึกการแสดงสดของ วงควีน ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 24 และ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981 ซึ่งถือเป็นคอนเสิร์ตที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงควีน ครั้งนั้นเป็นการแสดงแบบจัดเต็มเพลงฮิตตลอดกาล อย่างเพลง “Bohemian Rhapsody” “Another One Bites the Dust” “We Will Rock You” และ “We Are The Champions” ซึ่งเพลงทั้งหมดล้วนเป็นเพลงที่ติดบิลบอร์ดชาร์ตเพลงฮิตตลอดกาลของวง โดยคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ Queen Rock Montreal ตรงกับช่วงเวลาที่วงควีนโลดแล่นในวงการดนตรีมากว่า 10 ปี ทั้งยังตรงกับช่วงที่วงได้วางแผงอัลบัมรวมเพลงฮิต greatest hits ซึ่งทำยอดขายขึ้นอันดับ 1 ในอัลบัมชาร์ตบิลบอร์ดฝั่งอเมริกาติดต่อกันนานถึง 4 สัปดาห์ แน่นอนว่านั่นคือช่วงรุ่งโรจน์และกลายเป็นคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของวง

Sarakadee Lite ชวนมาย้อนประวัติศาสตร์วงควีน อีกครั้งผ่านไฮไลต์บทเพลงที่ถูกบันทึกอยู่ในคอนเสิร์ตครั้งสำคัญQueen Rock Montreal จาก ค.ศ. 1981 ที่กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์ ฉบับ ค.ศ. 2024 อีกครั้ง

Queen Rock Montreal

01 ก่อกำเนิดวง Queen

วงควีนเป็นวงร็อกจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1971 มีสมาชิกดั้งเดิม  4 คน คือ เฟรดดี เมอร์คิวรี ร้องนำและเปียโน ไบรอัน เมย์ มือกีตาร์ จอห์น ดีคอน มือเบส และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ มือกลอง ออกอัลบัมแรกชื่อชุด Queen ต่อด้วยอัลบัมที่ 2 ชุด Queen II วางแผง ค.ศ. 1974 ซึ่งเป็นปีแรกที่พวกเขาได้เป็นวงหลักหรือเฮดไลน์ออกทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ในสหราชอาณาจักร ก่อนจะทะยานเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายสูงสุดของวงการดนตรี จากผลงานทั้งหมด 15 สตูดิโออัลบัมและอีกหลายงานรวมฮิต อัลบัมบันทึกการแสดงสดต่างๆ  จากผลงานสรรค์สร้างดนตรีที่โดดเด่นและอิทธิพลในวงการดนตรีร็อกของพวกเขาส่งให้วงควีนคว้ารางวัลผู้ประสบความสำเร็จและสร้างคุณูปการด้านดนตรี (Outstanding Contribution to Music) จากเวทีรางวัลบริตอวอร์ด (BRIT Awards) หรือบริติชมิวสิกอวอร์ด รางวัลดนตรีของฝั่งอังกฤษใน ค.ศ. 1990 ต่อมาใน ค.ศ. 2001 พวกเขาได้รับการบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรล (Rock and Roll Hall of Fame) ที่คลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา

อีกหนึ่งผลงานที่เป็นตำนานของ วงควีน ที่ไม่กล่าวไม่ได้ก็คือ คอนเสิร์ตการกุศลครั้งประวัติศาสตร์อย่าง Live Aid จัดแสดงเมื่อ ค.ศ. 1985 ถูกยกให้เป็นหนึ่งในการแสดงดนตรีร็อกที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา เป็นคอนเสิร์ตที่หาเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ในแอฟริกาโดยเปิดเวทีคอนเสิร์ตสองประเทศ คือ สนามเวมบลีย์ที่อังกฤษ และคอนเสิร์ตที่อเมริกา พร้อมถ่ายทอดสดสลับระหว่างสองเวทีไปทั่วโลก โดยวงควีนตอนนั้นแม้จะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ใน Live Aid ก็ไม่ได้เป็นวงในระดับท็อป แต่วงควีนใช้เวลาขึ้นโชว์เพียง 20 นาทีก็สามารถสร้างความประทับใจไปทั่วโลก และสร้างประวัติศาสตร์ทั้งยอดบริจาคที่ถึงตามเป้าประมาณ 150 ล้านปอนด์ รวมทั้งการชุบชีวิตวงควีนขึ้นมาใหม่ที่เวลาเพียง 20 นาทีบนเวทีสามารถสร้างกระแสความนิยมทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยอดขายแผ่นเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าตัว สมาชิกวงมีไฟกลับมาทำงานกันอีกครั้ง และการแสดงนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น 20 นาทีที่เปลี่ยนโฉมหน้าของวงดนตรีไปตลอดกาล

Queen Rock Montreal

02 ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Queen Rock Montreal ที่เกือบไม่ได้ถ่ายทำ

อันที่จริงทางวงควีนไม่ชอบการถ่ายทำบนเวทีแสดงสดเลย และแน่นอนว่าพวกเขาไม่เคยซื้อไอเดียการถ่ายทำภาพยนตร์คอนเสิร์ต แต่เมื่อ ซอล สวิมเมอร์ (Saul Swimmer) ผู้กำกับคอนเสิร์ตชื่อดังได้โน้มน้าวด้วยการฉาย The Concert for Bangladesh ภาพยนตร์คอนเสิร์ตการกุศลที่โด่งดังใน ค.ศ. 1972 ของ จอร์จ แฮริสัน (George Harrison) ที่สวิมเมอร์เป็นผู้กำกับฯ และร่วมอำนวยสร้างบนไอแมกซ์ให้ เฟรดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำของวงควีนชมจนกระทั่ง เฟรดดี เมอร์คิวรี ใจอ่อน คนอื่นๆ ในวงจึงยอมถ่ายทำและกลายเป็น ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Queen Rock Montreal ซึ่งหลังจากนั้นทางควีนก็ได้ถ่ายทำภาพยนตร์คอนเสิร์ตอีกหลายครั้ง แต่ปัจจุบันคุณภาพของเสียงและภาพมีบางส่วนเสียหายไปจึงทำให้ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Queen Rock Montrealเป็นเทปคอนเสิร์ตที่สมบูรณ์ที่สุด

03 บันทึกพลังบนเวทีของควีนและ เฟรดดี เมอร์คิวรี

ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Queen Rock Montreal เป็นภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญและเพลงฮิตในประวัติศาสตร์ของควีนไว้อย่างครบถ้วนและอัดแน่นด้วยพลัง โดยเฉพาะการจะได้ฟังเสียงและเห็นความยิ่งใหญ่บนเวทีของ เฟรดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำผู้เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 1991 กลับมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์อีกครั้ง ซึ่ง ไบรอัน เมย์ มือกีตาร์ของวง กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์โปรโมตภาพยนตร์คอนเสิร์ต Queen Rock Montreal ว่า

ผมคิดว่าตอนนั้นเรายังไม่ค่อยตระหนักนัก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เก็บห้วงเวลาที่เราอยู่บนจุดสูงสุดในชีวิตการทัวร์คอนเสิร์ตของวงควีน ห้วงเวลาบนเวทีในอดีตยุครุ่งเรือง ผู้กำกับฯ ให้ความสำคัญกับเฟรดดีเป็นอย่างมาก และอาจถือได้ว่าเป็นการบันทึกภาพพลังที่เปี่ยมล้นของมิสเตอร์เมอร์คิวรีได้อย่างใกล้ชิดที่สุดที่เคยมีมา

04 เล่นเพลง Under Pressure บนเวทีคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก 

หนึ่งในไฮไลต์ของคอนเสิร์ต Queen Rock Montreal คือการเล่นเพลง Under Pressure แบบสดๆ บนเวทีเป็นครั้งแรกหลังจากถูกตัดซิงเกิลออกมาเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1981 ก่อนคอนเสิร์ต Queen Rock Montreal เพียงเดือนเดียว นั่นจึงทำให้คอนเสิร์ต Queen Rock Montreal เป็นคอนเสิร์ตที่มีการเล่นเพลง Under Pressure ในรูปแบบคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกหลังจากการปล่อยซิงเกิลออกมา ซึ่งหลังจากปล่อยซิงเกิลออกมาเพลง Under Pressure ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามและขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตเพลงฝั่งอังกฤษ เพลงนี้มี เดวิด โบวี (David Bowie) เจ้าของฉายา “กิ้งก่าเปลี่ยนสีแห่งวงการเพลง” ร่วมร้อง แต่โบวีไม่ได้ขึ้นร้องเพลงในเวทีคอนเสิร์ตนี้ด้วย

05 Another One Bites the Dust เพลงฮิตที่เกือบไม่ได้เป็นซิงเกิล

เพลง Another One Bites the Dust ปล่อยออกมาครั้งแรกในอัลบัม The Game ค.ศ. 1980 หนึ่งปีก่อนการแสดงคอนเสิร์ต Queen Rock Montreal เพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่รู้ไหมว่าเดิมทางวงไม่คิดจะตัดเพลง Another One Bites the Dust เป็นซิงเกิล จนกระทั่ง ไมเคิล แจ็กสัน ได้ยินเพลงนี้ที่หลังเวทีคอนเสิร์ตในลอสแอนเจลิส จึงโน้มน้าวทางวงให้ตัดเป็นซิงเกิล และเพลงนี้ก็กลายเป็นซิงเกิลอันดับ 1 บนบิลบอร์ดชาร์ต (Single Chart Billboad Hot 100) นานถึง 3 สัปดาห์  ขณะที่อัลบัม The Game ขึ้นอันดับ 1 อัลบัมชาร์ตเป็นเวลาถึง 5 สัปดาห์และได้รับรางวัลยอดขายระดับแพลทินัม (ยอดขาย 1 ล้านแผ่น) ทั้งในอเมริกาและแคนาดาถึงห้าครั้ง ด้วยกระแสที่ดังเป็นพลุแตกจึงทำให้เพลงนี้ได้รับการบรรจุอยู่ในการแสดงคอนเสิร์ต Queen Rock Montreal นั้นเอง

วงควีน
รุปปั้นรำลึก เฟรดดี เมอร์คิวรี

06 เพลงในตำนานโอเปราร็อก Bohemian Rhapsody

หลังจากที่ทางวงประสบความสำเร็จจากอัลบัมชุดที่ 3 ทาง เฟรดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำของวงก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพลักษณ์ของวงการร็อกที่ใช้เทคนิคเดิมๆ เฟรดดีจึงเรียบเรียงความคิดอันแปลกใหม่ของเขาแล้วแปรมาเป็นบทเพลงที่เขาเรียกเพลงชนิดนี้ว่า โอเปราร็อก (Opera Rock) และเพลงโอเปราร็อกที่เป็นตำนานบทใหม่ของวงก็คือเพลง Bohemian Rhapsody ใช้เทคนิคดนตรีโอเปรามาใส่ในเพลงผสมด้วยดนตรีบัลลาด ถ่ายทอดชีวิตอันแสนเลวร้ายของชายคนหนึ่ง เริ่มต้นเพลงด้วยการอินโทรเสียงประสาน ต่อด้วยเนื้อเรื่องที่เร่งเร้าด้วยเสียงออร์เคสตรา แล้วกลับมาร็อกด้วยการโซโลกีตาร์สไตล์ฮาร์ดร็อกจนจบเพลง และที่จะขาดไม่ได้คือเสียงร้องอันทรงพลังของ เฟรดดี เมอร์คิวรี ที่ทำให้เพลงนี้สามารถครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงสหราชอาณาจักรถึง 9 สัปดาห์ แม้เพลงจะมีความยาวที่เกินปกติของเพลงที่เปิดทางวิทยุในยุคนั้น (ความยาวฉบับแผ่นซิงเกิล 5 นาที 55 วินาที) 

อีกความพิเศษของเพลงนี้คือ มิวสิกวิดีโอเพลง ที่ใช้เทคนิคภาพซ้อนซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นการถ่ายทำที่ยากมาก และเป็นผลงานกำกับมิวสิกวิดีโอชิ้นแรกของ บรูซ โกเวอร์ส ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอที่ทรงอิทธิพลในวงการดนตรี ทั้งนี้เพลง Bohemian Rhapsody เป็นเพลงหนึ่งในอัลบัม A Night at the Opera ค.ศ. 1975 ซึ่งเป็นอัลบัมแรกของวงควีนที่ได้รับรางวัลแพลทินัมจากยอดขายสูงเกิน 1 ล้านแผ่น

07 We are the Champions เพลงยอดฮิตในมหกรรมกีฬาทั่วโลก

เพลง We are the Champions เกิดใน ค.ศ. 1977 เมื่อวงควีนได้ปล่อยอัลบัมที่ 6 ชื่อชุด News of the World ซึ่งมีเพลง We Will Rock You และ We are the Champions สองเพลงดังที่เราคุ้นหูกันอย่างดีฐานะในเพลงประจำมหกรรมกีฬารวมทั้งเป็นเพลงทางการสำหรับงานฟุตบอลโลก FlFA World Cup ค.ศ.  1994 ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งแน่นอนว่าในภาพยนตร์คอนเสิร์ต Queen Rock Montreal เพลง We are the Champions ได้กลับมาดังกระหึ่มอีกครั้ง

ภาพคอนเสิร์ต : IMAX Corporation

อ้างอิง


Author

ประติภา วารี
แด่ หนังสือเล่มโปรดที่อ่านจนจำขึ้นใจ ความลุ่มหลงฝักใฝ่ในความสำเร็จ และ ความหลงใหลในบทกวี ที่ขับเคลื่อนตัวของฉันให้ไปข้างหน้า