โคลด์ โมเนต์ : ขบถแห่งวงการศิลปะ ผู้ท้าทายความงามด้วยมุมมอง อิมเพรสชันนิสม์
Faces

โคลด์ โมเนต์ : ขบถแห่งวงการศิลปะ ผู้ท้าทายความงามด้วยมุมมอง อิมเพรสชันนิสม์

Focus
  • 14 พฤศจิกายน ค.ศ.1840 ตรงกับวันเกิด โคลด์ โมเนต์ (Claude Monet) ศิลปินเจ้าของภาพเขียน Impression,Sunrise หรือ “ความประทับใจแห่งอรุณรุ่ง” ซึ่งเป็นที่มาของยุครุ่งเรืองแห่งศิลปะสกุลอิมเพรสชันนิสม์
  • อิมเพรสชันนิสม์ คือศิลปะสกุลใหม่ที่เกิดในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นพัฒนาการของศิลปะที่เป็นผลจากการค้นพบ สีสเปกตรัม หมายถึงการมองเห็นแสง 7 สีผ่านปริซึม ทำให้คนรู้ว่าสีที่เรามองเห็นเป็นอิทธิพลจากแสง
  • ลักษณะเด่นของศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์ คือการที่ศิลปินถ่ายทอดความประทับใจในบรรยากาศที่มองเห็นด้วยสีสดใสกระจ่างตา เป็นการเขียนภาพโดยไม่ได้เน้นรูปทรงให้เหมือนธรรมชาติ แต่ให้ความสำคัญกับ แสง สี และบรรยากาศ บางครั้งก็เป็นภาพที่ดูพร่าไม่ชัดเจน

ในขณะที่ศิลปินยุคก่อนนิยมเขียนภาพจากเรื่องเล่า ตำนานปรัมปรา และใช้เทคนิคที่เน้นความชัดเจนของเส้นและรูปทรง ทว่าเมื่อย่างเข้าสู่ปลายศตวรรษที่ 19 ศิลปะยุคเก่ากลับถูกท้าทายด้วยความแปลกใหม่ของวิถีทางแห่งศิลปะที่สื่อถึงชีวิตร่วมสมัย สนใจในเรื่องสี บรรยากาศ มากกว่าเส้น เป็นศิลปะของศิลปินหนุ่มกลุ่มเล็ก ๆ ที่ปฏิเสธการวาดรูปนางฟ้าด้วยเหตุผลเพียงว่าพวกเขาเขียนรูปจากสิ่งที่ไม่เคยเห็นไม่ได้ และศิลปะแนวใหม่ที่ว่ายังได้แรงบันดาลใจจากการค้นพบทฤษฎีด้านฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ที่อธิบายถึงการสะท้อนของสี ท้ายที่สุดศิลปะวิถีใหม่ดังกล่าวก็ได้รับคำนิยามว่า อิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) โดยมี โคลด์ โมเนต์ (Claude Monet) เป็นศิลปินคนสำคัญผู้จุดประกายให้ความงามแบบอิมเพรสชันนิสม์ก้าวข้ามจากศิลปะกระแสรองขึ้นมาเป็นศิลปะกระแสหลักที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

โคลด์ โมเนต์

โคลด์ โมเนต์ เกิดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ.1840 ต่อมาได้ไปใช้ชีวิตที่เมืองเลออาฟวร์ (Le Havre) เมืองชายทะเลของฝรั่งเศส โคลด์ โมเนต์ เริ่มฉายแววศิลปินมาตั้งแต่วัยเยาว์จากฝีมือการเขียนภาพการ์ตูนล้อเลียนและวาดรูปขายในร้านขายรูปแห่งหนึ่งในเมืองเลออาฟวร์ โดยมี โบแดง (Boudin) เป็นศิลปินรุ่นพี่ที่ชักชวนให้โมเนต์หันมาสนใจวาดรูปอย่างจริงจัง

แม้ในตอนแรกทางครอบครัวของโมเนต์จะไม่สนับสนุนการเป็นจิตรกร แต่สุดท้ายก็เป็นครอบครัวของเขานี่แหละที่เกลี้ยกล่อมให้โมเนต์ที่หนีไปเป็นทหารอยู่ที่ทวีปแอฟริกากลับมาอยู่ที่ฝรั่งเศสและยอมให้เขาเดินตามทางไปเป็นศิลปินอยู่ที่กรุงปารีส

โมเนต์
ผลงานของโมเนต์ที่ชื่อ Impression,Sunrise

ในยุคเริ่มต้นที่โมเนต์กำลังฝึกฝนด้านศิลปะ ตรงกับยุคที่ยุโรปกำลังรุดหน้าและเติบโตในทุกด้านโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ที่ส่งผลกับชีวิตของคนชั้นกลางและเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับศิลปะได้อย่างสิ้นเชิง รวมทั้งทำให้มีกลุ่มศิลปินหนุ่มรุ่นใหม่เกิดขึ้น พร้อมแนวทางการทำงานศิลปะที่แตกต่างออกไปจากเดิม พวกเขานิยมสร้างสรรค์ภาพวาดสีสว่างสดใส สะท้อนความประทับใจจากธรรมชาติ เน้นวาดภาพกลางแจ้งเป็นหลัก ไม่เน้นรูปทรงหรือลายเส้นที่เหมือนจริงแต่ให้คุณค่ากับสีและความรู้สึก ทั้งยังเป็นศิลปะแนวใหม่ที่ถูกต่อต้านจากศิลปะกระแสหลักรวมถึงผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการศิลปะและชีวิตศิลปินอย่าง สถาบันศิลปะแห่งชาติ หรือ ซาลง (Salon) ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของศิลปะกระแสหลัก

ในฝรั่งเศสยุคนั้น ซาลงคือผู้กำหนดทิศทางศิลปะ ชี้ว่าสิ่งนี้งาม ไม่งาม ได้มาตรฐานหรือไม่ และยังเป็นสถาบันที่จัดงานแสดงศิลปะขนาดใหญ่ประจำปีในฝรั่งเศส เทียบได้กับงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติที่การันตีได้ว่าทุกชิ้นงานที่ได้รับคัดเลือกมาแสดงผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แต่สุดท้ายความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการศิลปะก็มาถึง เมื่อ โคลด์ โมเนต์ ในวัย 34 ปี และศิลปินอีกกว่า 30 คน ได้รวมตัวกันจัดงานแสดงศิลปะครั้งใหญ่ขึ้นเองในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1874 โดยไม่ต้องพึ่งพาซาลงและนั่นก็เป็นจุดกำเนิดของคำว่า ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ อย่างเป็นทางการโดยมีโมเนต์เป็นศิลปินหัวขบวนของศิลปะสกุลอิมเพรสชันนิสม์

โมเนต์

ในงานแสดงภาพครั้งนั้นมีผลงานของโมเนต์ที่ชื่อ Impression,Sunrise หรือ “ความประทับใจแห่งอรุณรุ่ง” (โมเนต์วาดขึ้นในปี ค.ศ. 1872) ร่วมจัดแสดง เป็นภาพวิวทะเลยามเช้าที่ท่าเรือเมืองเลออาฟวร์ซึ่งมองเห็นเพียงพระอาทิตย์รางเลือน แต่โมเนต์กลับทำให้งานอิมเพรสชันนิสม์ได้รับความสนใจจากกระแสหลักเป็นอย่างมากรวมทั้งเป็นจุดกำเนิดของสกุลศิลปะที่ชื่อ อิมเพรสชันนิสม์

ครั้งนั้นนักวิจารณ์ศิลปะชื่อ เลอรอย (Leroy) ได้เขียนบทความวิจารณ์ภาพเขียนของโมเนต์ที่ชื่อ Impression,Sunriseโดยเอ่ยคำว่า ประทับใจ (Impression) แม้จะตบท้ายด้วยคำเหน็บแนมว่าภาพไม่สมบูรณ์ก็ตาม โดยเลอรอยกล่าวว่า

“ภาพนี้ (Impression,Sunrise) ก็น่าประทับใจอยู่ ข้าพเจ้าเองนอกจากจะเห็นว่าฝีแปรงในภาพมีความรู้สึกเสรีของจิตรกรแล้ว ข้าพเจ้ายังเห็นว่า ภาพร่างของกระดาษปิดผนังยังดูเสร็จสมบูรณ์กว่าภาพเขียนภาพนี้เป็นไหน ๆ”

โมเนต์
ภาพ “คามิลล์ที่ชายหาด” (Camille on the Beach)

นอกจาก Impression,Sunrise ที่โด่งดังพอ ๆ กับภาพวาดโมนาลิซาแล้ว ภาพเขียนอีกชิ้นเด่นของโมเนต์ยังมีภาพ “คามิลล์ที่ชายหาด” (Camille on the Beach) เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1870 คามิลล์ในภาพคือภรรยาคนแรกของโมเนต์ที่เพิ่งแต่งงานกันในปีนั้นนั่นเอง เป็นงานแต่งระหว่างสาวตระกูลมั่งคั่งกับศิลปินไส้แห้ง และพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่เห็นชอบ ภาพนี้โมเนต์เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวตลอดชีวิตโดยคามิลล์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1874

โคลด์ โมเนต์
ภาพ “ผู้หญิงกางร่ม” (Woman with Parasol)

ภาพ “ผู้หญิงกางร่ม” (Woman with Parasol) เป็นอีกภาพโดดเด่นทั้งเรื่องสีและการใช้ฝีแปรง ทั้งยังเป็นตัวอย่างของศิลปะสกุลอิมเพรสชันนิสม์ที่เด่นชัดที่สุดโมเนต์เขียนภาพนี้เมื่อปี ค.ศ. 1875 ผู้หญิงกางร่มสะท้อนความงามในวัยเยาว์จากกิริยางามตามธรรมชาติในบรรยากาศสดใส

สวนของโมเนต์ ตั้งอยู่ที่เขตจิแวร์นี (Giverny)

นอกจากงานเขียนภาพ โมเนต์ยังได้สร้าง “สวนจิตรกร” หรือที่ปัจจุบันรู้จักในชื่อ สวนของโมเนต์ ตั้งอยู่ที่เขตจิแวร์นี (Giverny) เป็นสวนแห่งแรงบันดาลใจ แม่แบบของภาพวาด และกลายมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน โดยเมื่อปี ค.ศ. 1892 ขณะที่โมเนต์อายุ 52 ปี ได้ซื้อบ้านและที่ดินที่มีบึงน้ำในเขตจิแวร์นี และสร้างสวนสวยงามตามวิสัยทัศน์ของเขาเพื่อเป็นแม่บทในการวาดภาพกลายเป็น สวนของจิตรกรเป็นแม่บทในการวาดภาพและเป็นสตูดิโอกลางแจ้งที่โมเนต์สร้างงานศิลปะที่โด่งดังในเวลาต่อมา และเป็นที่อยู่อาศัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต (ปัจจุบันเปิดให้เข้าชม)

บรรยากาศของห้องต่างๆ ในบ้านโมเนต์ซึ่งตั้งอยู่ในสวนจิตรกร

ค.ศ. 1908 โมเนต์สร้างสรรค์ภาพเขียนชื่อชุด Water Lilies เป็นงานเขียนภาพสระบัวอันโด่งดังที่เขียนขึ้นจากแม่แบบสระบัวในสวนของโมเนต์ที่จิแวร์นีโดยโมเนต์เขียนภาพชุดสระบัวไว้ถึง 236 ภาพ ก่อนจะสร้างภาพสระบัวเป็นจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่เป็นภาพชุดชื่อ “ตกแต่ง” ความยาวทั้งหมดของภาพชุดสระบัวในแนวราบ 36 เมตรเป็น ภาพทิวทัศน์ของสระบัวมองผ่านกิ่งหลิวในสวนจิตรกรและติดตั้งไว้บนผนังรูปโค้ง ที่ทำให้ผู้เข้าชมภาพเขียนชุด “ตกแต่ง” นี้ ถูกโอบล้อมอยู่กลางสระบัว

โคลด์ โมเนต์
ภาพเขียนชื่อชุด Water Lilies

ภาพ Water Lilies ใช้เวลาวาดกว่า 30 ปี โดยโมเนต์เขียนรูปนี้จนกระทั่งชีวิตเข้าสู่วัยชราที่ดวงตาของเขามองเห็นชัดเจนได้เพียงข้างเดียว เป็นที่มาของคำกล่าวชื่นชมจาก ปอล เซซาน (Paul Cezanne) ศิลปินรุ่นหลังที่ต่อยอดสกุลอิมเพรสชันนิสม์ (กลุ่มโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์) พูดถึงโมเนต์ว่า

“ด้วยตาข้างเดียวเท่านั้น แต่ช่างเป็นตาที่วิเศษอะไรเช่นนี้”

ภาพเขียนสระบัวชุด “ตกแต่ง” เป็นงานเขียนภาพชุดสุดท้ายในชีวิตของโมเนต์เขาสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อกระจก และมีอาการตาบอดชั่วคราวข้างเดียวเมื่อปี ค.ศ.1923 ต้องหยุดไปพักใหญ่ และเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกจึงกลับมาวาดได้อีกครั้งในช่วงปี ค.ศ. 1924-1926 และถึงแก่กรรมด้วยโรคปอดในปี ค.ศ. 1926 ขณะอายุ 86 ปี

Fact File

  • เที่ยว “สวนจิตรกร” หรือที่ปัจจุบันรู้จักในชื่อ สวนของโมเนต์ ตั้งอยู่ที่เขตจิแวร์นี (Giverny) แบบ Virtual ทางออนไลน์ได้ที่ https://fondation-monet.com/visite-virtuelle/

อ้างอิง

  • นิตยสารสารคดี พฤศจิกายน 2554, กุมภาพันธ์ 2528, พฤศจิกายน 2536 และ ธันวาคม 2558
  • www.claudemonetgallery.org
  • fondation-monet.com