
สัมภาษณ์พิเศษ จุนจิ อิโต้ ปรมาจารย์มังงะสยองขวัญ ที่หวาดกลัวการถูกไล่ล่าเดดไลน์ส่งงานมากกว่าผี
- จุนจิ อิโต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็น ปรมาจารย์นักเขียนมังงะแนวสยองขวัญชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีผลงานชื่อดังมากมาย เช่น โทมิเอะ โซอิจิ ก้นหอยมรณะ และ ลูกโป่งหัวมนุษย์
- ซิกเนเจอร์งานของ จุนจิ อิโต้ คือส่วนผสมของเนื้อหาที่แปลกประหลาด สยดสยอง และ พิลึกพิลั่น กับแนวไซไฟด้วยลายเส้นหนักและเข้มข้น
คาแรคเตอร์ “โทมิเอะ” หญิงสาวสวยผู้ที่ไม่ว่าจะโดนฆ่าและโดนชำแหละศพสักกี่ครั้งก็ฟื้นคืนชีพได้จากการแตกเซลล์ขยายพันธุ์ และ “คาเมอิ” หญิงสาวในเรื่อง “โจรขโมยหน้า” ที่สามารถลอกเลียนใบหน้าและบุคลิกของคนที่อยู่ใกล้จนคนเหล่านั้นสูญเสียตัวตนของตนเอง ทั้งสองเรื่องเกิดจากการนำความสามารถของสัตว์อย่างกิ้งก่าที่แม้หางจะถูกตัดก็สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ และความสามารถในการเลียนแบบของกิ้งก่าคาเมเลียน มาต่อยอดเป็นพล็อตเรื่องที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวในมังงะคลาสสิคเขย่าขวัญชุด “คลังสยอง” ของ จุนจิ อิโต้ (Junji Ito) ปรมาจารย์มังงะแนวสยองขวัญของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ความสนใจเรื่อง UFO ตั้งแต่วัยเด็กรวมกับแนวคิด ดอปเพลแกงเกอร์ (doppelgänger) หรือร่างแฝดปีศาจ ยังเป็นสารตั้งต้นของพล็อตเรื่อง “ลูกโป่งหัวมนุษย์” ที่ให้ลูกโป่งยักษ์ไล่ฆ่ามนุษย์ที่มีใบหน้าเดียวกัน หรือ การนำของสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่าง นางแบบ กับ ฉลาม มารวมกันเป็นคาแรคเตอร์นางแบบชื่อ “ฟุจิ” ในเรื่อง “นางแบบแฟชั่น” ที่มีปากกว้างเต็มไปด้วยฟันแหลมราวกับสัตว์นักล่าเพื่อเป็นภาพแทนของความหวาดกลัวต่อความแตกต่างของมนุษย์
ตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีในการเป็นนักเขียนมังงะแนวสยองขวัญอย่างเต็มตัว จุนจิสามารถนำเสนอพล็อตเรื่องที่แปลกประหลาดและสดใหม่เพื่อสร้างความระทึกขวัญอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างไม่หยุดหย่อน อะไรคือเคล็ดลับทำให้เขาสามารถเติมเต็มไอเดียใหม่ๆได้อยู่เสมอ

“ผมก็อยากตอบให้น่าสนใจนะ แต่ในชีวิตจริงเวลาเขียนงานจะมีวันส่งงานหรือว่าเดดไลน์ ดังนั้นสำหรับผมแล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่าผีคือ เดดไลน์ ด้วยอาชีพนี้จะถูกไล่ล่าจากผู้จัดการและสำนักพิมพ์ทำให้ไอเดียถูกขับเคลื่อนด้วยเดดไลน์เพราะกลัวส่งงานไม่ทัน ระบบความคิดจึงขึ้นอยู่กับแรงกดดันทำให้ต้องเขียนเรื่องออกมาได้เรื่อยๆ” จุนจิกล่าวพร้อมรอยยิ้มในช่วงสัมภาษณ์พิเศษกับสื่อมวลชนขณะมาเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมเปิดเปิดบ้านสยองขวัญและนิทรรศการ Junji Ito Collection Horror House 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม 2568 – 5 มกราคม 2569 ที่ MBK Center กรุงเทพฯ


ในวัยเด็กจุนจิสนใจอ่านแต่มังงะสยองขวัญเพียงอย่างเดียวโดยเฉพาะงานของสองบรมครู อุเมซุ คาซึโอะ และ โคกะ ชินอิ รวมทั้งนิยายไซไฟของ สึสึอิ ยาซึทากะ และ หนังเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดอย่างอุลตราแมน ทำให้ตลอดช่วง 6 ปีในโรงเรียนประถมฯ เขาวาดการ์ตูนด้วยดินสอและทำเป็นหนังสือการ์ตูนช่องแบบทำมือกว่า 70 เรื่อง
มังงะเรื่องแรกของเขาคือ โทมิเอะ ที่วาดในปี 2530 และได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดรางวัล อุเมซุ คาซึโอะ ครั้งที่ 1 ซึ่งเขาเขียนในขณะทำงานเป็นช่างทันตกรรมในโรงงานวัสดุทันตกรรมหลังจบการศึกษาจากวิทยาลัยทันตแพทย์ หลังจากนั้น 3 ปี จุนจิลาออกจากการเป็นช่างทันตกรรมเพื่อเป็นนักเขียนมังงะเต็มตัวโดยมีผลงานสร้างชื่อมากมาย เช่น ก้นหอยมรณะ โซอิจิ ชายหนุ่มที่สี่แยก คอลวงตาย และ ปลามรณะ อันมีส่วนผสมของความหลอนแบบแปลกประหลาดผสมไซไฟมากกว่าเรื่องแนวภูตผีวิญญาณและมักทิ้งปริศนาในตอนท้ายเรื่อง
“ถ้าดูหนังสยองขวัญจะมีเหตุผล มีต้นสายปลายเหตุ แต่ผมเขียนความน่ากลัวถ้าบอกเหตุผลก็ไม่น่ากลัว ความน่ากลัวเกิดจากความไม่รู้ทำให้ในเรื่องของผมมักทิ้งปมที่ปราศจากการคลี่คลาย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคือความมืดมิดในจิตใจของมนุษย์ซึ่งเป็นเรื่องยากที่สุดที่จะถ่ายทอดเป็นภาพได้”

องค์ประกอบสำคัญในเรื่องสยองขวัญของจุนจิ คือการใช้ “บอดี้ฮอเรอร์” (Body Horror) หรือการสร้างความกลัวด้วยภาพของร่างกายที่เสียโฉมหรือถูกทำลาย เช่น ภาพคนที่มีรูโหว่ทั่วร่างกายในเรื่อง “หนาวบาดเนื้อ” ที่เชื่อมโยงไปถึงโรคกลัวรู (Trypophobia) ที่เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ รังเกียจ หรือขยะแขยงเมื่อเห็นวัตถุที่มีลักษณะเป็นรูหรือมีพื้นผิวตะปุ่มตะป่ำ หรือ ในเรื่อง “สยองหลายชั้น” ที่ร่างกายของหญิงสาวมีผิวหนังหลายชั้นตามการเจริญเติบโตเหมือนวงปีของต้นไม้
“การทำให้ร่างกายมนุษย์ผิดเพี้ยนและแปลงสภาพเป็นอย่างอื่น เป็นความน่ากลัวที่ไม่ว่าใครก็จินตนาการได้ เป็นการสร้างความหวาดกลัวในใจคนที่ไม่ว่าคนอ่านจะพูดภาษาอะไรหรือต่างวัฒนธรรมอย่างไรก็เข้าใจเนื้อเรื่องได้”

ในบรรดาเรื่องทั้งหมดที่เขียนมานั้น จุนจิกล่าวว่า “โทมิเอะ” เป็นเรื่องและตัวละครที่เขาผูกพันมากที่สุดเพราะเป็นเรื่องแรกที่ได้เดบิวต์ในฐานะนักเขียนมังงะสยองขวัญทำให้ในลายเซ็นของเขามักจะวาดหน้าโทมิเอะเข้าไปด้วย และจะเห็นได้ว่าความสนใจในการใช้ บอดี้ฮอเรอร์ เริ่มมีมาตั้งแต่เรื่อง โทมิเอะ หญิงสาวที่แม้จะถูกฆ่าตายกี่ครั้งและร่างของเธอที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆก็จะงอกใหม่ได้ทำให้ไม่มีวันตาย แต่หากให้เลือกไอเดียในเรื่องสั้นสยองขวัญที่เขาชอบมากที่สุด คำตอบของเขามีอยู่ 3 เรื่อง
“เรื่องแรกคือ ลูกโป่งหัวมนุษย์ เพราะคิดว่าน่าสนใจไม่น้อยที่มีลูกโป่งรูปใบหน้าตัวเองลอยเข้าโจมตีเพื่อจับแขวนคอ ต่อมาคือเรื่องคือ ฝันยาว เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่ยิ่งนอนก็ยิ่งฝันนานขึ้นจนหลับแบบอินฟินิตี้ และอีกเรื่องเกี่ยวกับโรคเหนือธรรมชาติที่ร่างกายของคนเต็มไปด้วยรูพรุนประหลาด”
ต่อเมื่อถามถึงเรื่องสยองขวัญของตัวเองที่คิดว่าหลอนและน่ากลัวที่สุดว่าคือเรื่องอะไร จุนจิตอบว่า
“ผมไม่เคยกลัวผลงานตัวเองนะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เมื่อเขียนแล้วคิดตามก็หลอนอยู่เหมือนกันคือเรื่อง The Devil’s Logic ที่จะมีปีศาจคอยกระซิบให้คนอยากตายและเมื่อคนนั้นได้ยินเสียงก็อยากฆ่าตัวตาย เป็น psychological horror เหมือนเล่นจิตวิทยาที่ตัวเองก็เผลอหลอนตาม”

ในขณะที่มังงะแต่ละเรื่องของเขานั้นทำให้ผู้อ่านจินตนาการถึงโลกที่น่าสะพรึงกลัวและสุดพิสดาร ตัวเขาเองในฐานะคนเขียนอยากลองไปอยู่ในโลกของมังงะเรื่องไหนหรือไม่
“จริงๆ ก็ไม่มีเรื่องไหนที่อยากไป” จุนจิกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ก็อยากจะลองเข้าไปในโลกลูกโป่งนั่นแหละ (ในเรื่อง ลูกโป่งหัวมนุษย์) ผมก็น่าจะเป็นหนึ่งคนที่มีลูกโป่งหน้าตัวเองแล้วตัวเองก็น่าจะอันตรายด้วย แต่คิดว่าถ้าพยายามหลบซ่อนอาจจะยังพอได้ ก็เลยรู้สึกว่ามันเหมือนเล่นเกมส์นิดๆ มีการหนีจากลูกโป่งตัวเองไปด้วย แต่ก็ดูสถานการณ์ ดูลูกโป่งของชาวบ้านไปด้วย มันอาจจะเป็นโลกที่น่ากลัวก็จริงแต่ก็อาจจะสนุกด้วย แต่ถ้าต้องเลือกหนึ่งเรื่องที่ไม่อยากไปมากที่สุดคือเรื่อง ‘กลีเซอไรด์ น้ำมัน’ ที่ทั้งบ้านเต็มไปด้วยไขมัน กลิ่นน้ำมัน และคราบเหนียวๆ จนรู้สึกขนลุก”

จุนจิเติบโตมาท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีในเมืองซากาชิตะ จังหวัดกิฟุของญี่ปุ่น ในครอบครัวที่ปกติสุข เขาเริ่มวาดการ์ตูนแนวสยองขวัญตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ และในวัยเด็กเชื่อทุกเรื่องเกี่ยวกับผีสาง วิญญาณ ตำนานลี้ลับ สัตว์ประหลาด และ UFO แต่เมื่อโตขึ้นความเชื่อเหล่านี้ก็จางหายไป
“ถ้าถามว่าผีอะไรน่ากลัวที่สุดตอบได้เลยว่าผีในตํานานไม่น่ากลัวเท่าผีที่อยู่ในรูปถ่าย เวลาเราพูดถึงผีวิญญาณนี่มันมองไม่เห็นเราก็เลยไม่ค่อยกลัว แต่เมื่อใดที่ถูกถ่ายรูปแล้วเห็นเป็นมือ เห็นเป็นเงา เห็นเป็นอะไรต่างๆ เนี่ยเริ่มกลัว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นแต่กลับกลายเป็นว่ามันสามารถมีเป็นรูปลักษณ์อยู่ในรูปภาพได้ ยิ่งช่วงหน้าร้อนเนี่ยญี่ปุ่นชอบทำรายการผี เมื่อดูแล้วบางทีกลัวจนเข้าห้องน้ำไม่ได้เลย”

ส่วนตำนานเรื่องผีในเมืองไทยที่เขาเคยได้ยินมาและคิดว่ามีความคล้ายกับตำนานของทางญี่ปุ่น คือ “ผีกระสือ” กับ “แม่นาก”
“เคยได้ยินเรื่องผีกระสือที่มีแต่หัวและข้างล่างเป็นไส้ และออกหาเหยื่อตอนกลางคืน ทำให้นึกถึงผีญี่ปุ่นที่เป็นผีคอยาว แต่รู้ไหมว่าผีคอยาวญี่ปุ่นเนี่ยมันมีแบบที่หลุดออกมาได้ด้วยนะ ก็เลยมีความคุ้นเคยกับผีกระสือ แต่คิดว่าผีกระสือน่ากลัวกว่าของญี่ปุ่น อีกเรื่องคือ แม่นาก มีความเหมือนผีผู้หญิงในตำนานของญี่ปุ่นชื่อ ‘โออิวะ’ ที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวบวมปูด เธอถูกสามีฆ่าอย่างโหดเหี้ยมจึงกลายเป็นผีอาฆาต แต่แม่นากรักสามีมากและทำร้ายทุกคนที่มาขัดขวาง สเกลของแม่นากจึงดูดุกว่าในขณะที่โออิวะแก้แค้นแค่สามีของเธอ”

นอกจากเรื่องสยองขวัญแล้ว จุนจิยังมีมุมที่ถ่ายทอดความอบอุ่นในครอบครัวและความสุขจากการเลี้ยงสัตว์ผ่านการ์ตูนแนวขบขันด้วยลายเส้นแบบสยองขวัญในเรื่อง “Junji Ito’s Cat Diaries: Yon & Muu” (ไดอารี่แมวของจุนจิ อิโต้) เล่าเรื่องชีวิตนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญหลังจากแต่งงานและความป่วนในชีวิตประจำวันที่เกิดจากความซนของแมว 2 ตัวที่ภรรยาเลี้ยงไว้ชื่อ ยง กับ มู
“แมวเป็นของภรรยาแต่เมื่อเลี้ยงแล้วผมก็ชอบไปด้วย ยงเป็นตัวฮามากชอบทำอะไรตลกๆให้เอามาเขียนได้ แต่ว่าทั้ง 2 ตัวได้กลับดาวแมวไปแล้วก็เลยไม่รู้จะเขียนอย่างไรต่อ ตอนหลังภรรยาเริ่มเลี้ยงสุนัขและก็มีกิ้งก่าตัวใหญ่ที่มีเกล็ดและหางใหญ่มาก ไม่แน่ว่าเรื่องต่อไปอาจเป็นกิ้งก่าก็ได้” จุนจิ อิโต้ กล่าวทิ้งท้าย
Fact File
- นิทรรศการ Junji Ito Collection Horror House 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม 2568 – 5 มกราคม 2569 ที่ MBK Center กรุงเทพฯ ซื้อบัตรได้ที่ Ticket Melon
