5 เพลงจาก 5 ศิลปินไทย ที่ชวนฟังเพื่อผ่านปีร้าย ๆ ไปด้วยกัน
Lite

5 เพลงจาก 5 ศิลปินไทย ที่ชวนฟังเพื่อผ่านปีร้าย ๆ ไปด้วยกัน

Focus
  • ต้องยอมรับว่า 2020 เป็นปีที่หนักหน่วงจริง ๆ เราอยากให้บทเพลงและท่วงทำนองจาก 5 ศิลปินวงดนตรีไทยต่อไปนี้ เป็นเสมือนคนที่เข้าใจและส่งต่อกำลังใจให้ทุกคน
  • 5 เพลง 5 วงดนตรีไทยที่เราคัดสรรมาอาจจะไม่ใช่วงที่ดังเป็นพลุแตก แต่ไม่ว่าจะเป็นทำนองดนตรี เนื้อร้อง และแนวทางเพลงที่แตกต่าง การันตีว่าพวกเขาทำออกมาได้สร้างสรรค์มากจริง ๆ

เพลงหนึ่งเพลงพาเราไปหาสิ่งใดได้บ้าง?

เพลงบางเพลงอาจทำให้เรานึกถึงภาพความหวัง ความฝันในจินตนาการ บางเพลงทำหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ เป็นภาพแทนของยุคสมัย เป็นตัวแทนของความรู้สึก เป็นสะพานช่วยสื่อสารแทนคำพูด เป็นสิ่งที่สื่อถึงไลฟ์สไตล์และตัวตน เป็นประตูมิติที่พาเรากลับไปสู่เหตุการณ์ในอดีต หรือในบางครั้งเพลงบางเพลงก็ช่างเข้าอกเข้าใจและเยียวยาจิตใจคนเราได้ดีเสียเหลือเกิน 

สำหรับปี  2020 ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นปีที่หนักจริง ๆ ต่อด้วยปี 2021 ที่เปิดปีมาด้วยความหน่วงไม่แพ้กัน เราอยากให้บทเพลงและท่วงทำนองจาก 5 ศิลปินวงดนตรีไทยต่อไปนี้ เป็นเสมือนคนที่เข้าใจและส่งต่อกำลังใจให้ทุกคนได้ก้าวผ่านทุกเรื่องยาก พร้อมก้าวสู่ปีใหม่ด้วยพลังใจที่เต็มหลอดมากขึ้น ไม่รอช้า เราขอชวนให้กดเพลย์แล้วฟังไปพร้อม ๆ กันเลย

01 : Let’s Cry 

ศิลปิน : Dept 

คุณร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร?

ใครที่กำลังรู้สึกดาวน์ เศร้าหรือทุกข์ใจอยู่ อยากบอกว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยที่จะรู้สึกแบบนี้ และที่สุดแล้ว เมื่อรับไม่ไหว การร้องไห้เพื่อบรรเทาความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน ดังที่ Hidefumi Yoshida ชาวญี่ปุ่นผู้มีฉายาว่า Tears Teacher มองว่าน้ำตาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และเขายังเชื่อว่าเวลาร้องไห้ คนเราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุผลให้เขายังคงดำเนินสิ่งที่เรียกว่า Crying Therapy โดยการค้นหาอารมณ์เศร้าหรือ Crying Points ของผู้คนเพื่อทำการบำบัดความเครียดด้วยการร้องไห้ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 

เราคิดว่าเนื้อหาของเพลง Let’s Cry ของวงซินธ์พอปอย่าง Dept จากค่าย Smallroom ของสองสมาชิก เบนซ์-ภวัต โอภาสสิริโชติ (ร้องนำ/กีตาร์) และ ลุค ทาวน์เซน (คีย์บอร์ด/ซินธิไซเซอร์) ก็กำลังสื่อสารในจุดหมายปลายทางเดียวกัน ยิ่งในมิวสิกวิดีโอที่จำลองถึงเมืองหนึ่ง ซึ่งถูกแปะป้ายชวนเชื่อไว้มากมายว่า “Remember happiness is mandatory” “Boys don’t cry” หรือ “Crying is a crime” ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพของการถูกกดให้ต้องเข้มแข็งและการถูกตีกรอบจากสังคมได้เป็นอย่างดี ซึ่ง Dept ก็ได้ตอบกลับผ่านเนื้อเพลงนี้ไว้แล้วว่า

“ร้องออกมานะเธอคนดี ปล่อยให้หมดน้ำตาที่มี

ให้ความเสียใจได้ออกไป เก็บเอาไว้คงอึดอัดน่าดู”

02 : หลังคา

ศิลปิน : T_047

“ฉันไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ ไม่มีอะไรให้พักพิง

เพียงคุ้มครองจากสิ่ง ที่โหดร้าย 

ไม่มีคำปลอบใดจะเอื้อนเอ่ย ไม่มีคำสัญญา

แต่จะเป็นหลังคา ในทุกเวลา ที่เธอเหนื่อยล้า”

ผ่านขั้นของการยอมรับความรู้สึกของตัวเองมาแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่มีส่วนช่วยให้เราผ่อนคลายความรู้สึกได้นั่นคือการแชร์ประสบการณ์ ความคิดและความรู้สึกกับใครสักคน โดยเฉพาะคนที่เข้าใจและพร้อมจะรับฟังเรา ซึ่งเนื้อหาของเพลงหลังคาเปรียบได้กับคนคนนั้น

หลังคา เป็นเพลงแรกในอัลบั้ม Hello Neighbors อัลบั้มเต็มลำดับที่ 2 ของวง T_047 (ทีศูนย์สี่เจ็ด) ซึ่งครั้งที่เราเคยสัมภาษณ์ ตูน-ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ นักร้องและคนเขียนเพลงของวง ตูนเคยกล่าวกับเราไว้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ส่งเอฟเฟ็กต์ด้านบวกให้กับตัวเขาเองด้วยเช่นกัน ที่เมื่อต่อให้รู้สึกท้อเขาก็สามารถฟังเพลงนี้เพื่อฮีลตัวเองได้ ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจของตูนที่ว่าเนื้อหาของเพลงจะเป็นสิ่งแรกที่เขาให้ความสำคัญเสมอในการทำเพลง 

03 : ผ่านมาผ่านไป

ศิลปิน : Whal & Dolph

“เจ็บเพื่อเรียนรู้จดจำเอาไว้ ปลอบโยนหัวใจของเธอ

ในคืนนี้ มีเพลงนี้เข้าใจ

ปลอบตัวเองไว้ ที่แล้วมาให้ผ่านไปสักที”

เรียกว่าปล่อยออกมาถูกจังหวะมาก ๆ สำหรับเพลงนี้ ก่อนหน้านี้ถ้าใครติดตามคู่หู Whal & Dolph ปอ-กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ และ น้ำวน-วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ น่าจะพอทราบว่าเนื้อหาเพลงของพวกเขาจะออกไปทางโทนเศร้าเสียส่วนใหญ่ แต่พอได้ปล่อยเพลงนี้ออกมา ด้วยจังหวะและเนื้อหาของเพลงที่ละมุนละม่อม ปลอบโยนหัวใจ ก็ทำให้แฟน ๆ ต่างพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเพลงนี้ช่วยให้ฟื้นฟูใจขึ้นได้เหมือนมีใครสักคนเดินมาตบบ่า ส่งผลให้เพลงนี้ติดชาร์ตบนยูทูบและคลื่นวิทยุแบบรวดเร็ว

ตรงกับความตั้งใจที่พวกเขาอยากสื่อสารกำลังใจและคำปลอบโยนลงในเพลงนี้ เพราะเชื่อว่าเมื่อทำเพลงออกมาแล้ว เพลงจะสามารถอยู่กับคนฟังของพวกเขาไปได้ตลอด ในยามที่ทุกข์จากเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตก็อยากให้มีเพลงนี้ที่เข้าใจ ย้อนกลับมาฟังได้ เพื่อจะบอกว่าสิ่งร้าย ๆ จะผ่านไปและขอให้สิ่งดี ๆ กลับเข้ามาสู่หัวใจอีกครั้งสำหรับใครที่อาจจะหลงลืมความสุขของตัวเองไป

04 : ชีวิตหนึ่งนั้นช่างมีความหมายมากมายดังน้ำหยดเดียวร่วงใส่ตัวมด 

ศิลปิน : ดวงดาวเดียวดาย

“เปรียบความรักไม่มีช่วงวัย ให้ผ่านทาง

ไม่มีไฟเขียว ให้คนไม่เข้าใจ

ไม่ว่าเขาจะผ่านรัก รักมากมายเท่าไร

สุดท้ายต้องเสียใจเป็นธรรมดา”

ดวงดาว เดียวดาย คือนามปากกา กอล์ฟ-ประพันธ์ สุนทรฐิติ นักเขียนนักร้อง นักกีตาร์และนักแต่งเพลงอิสระสไตล์โฟล์ก กอล์ฟเคยกล่าวเอาไว้ว่าการเขียนเพลงเป็นเหมือนไดอารีของเขาที่มักบันทึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นและดึงดูดจนทำให้เราและผู้ฟังหลายคนที่ยังไม่เคยฟังเพลงเขามาก่อน ต้องลองกดฟังดูสักครั้งคือ ชื่อเพลงที่แสนจะยาวเหยียดจนผู้ฟังมักจะตั้งชื่อเล่นให้เพลงเขากันเองอยู่เสมอ อย่างเช่นเพลง สุมาเต๊อะนะน้องเปิ้นอยากจะฮ้องเพลงกล่อมเสียงละลายอารมณ์หรือเปล่า หรือ ขอเขาให้พาเธอนั้นมาเป็นช่วงเวลาที่สดใสเหมือนดาวกระพริบวิววับให้ห้องหัวใจที่มืดมิด ซึ่งความยาวนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสนุกและความชอบในวรรณกรรมของเขา

สำหรับเพลงนี้เนื้อหาบอกเล่าถึงความเข้าใจในความทุกข์ว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่ทุกคนทุกช่วงวัยต้องพบเจอ ทุก ๆ คนมีเรื่องราวในแบบของตัวเอง ที่สำคัญคือเมื่อเข้าใจแล้วเราจะกล้าเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ต่อไปเพราะความทุกข์ยังเป็นสิ่งที่เข้ามาให้เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอด

05 : Our Sunset 

ศิลปิน : Landokmai

“แม้จะมีวันที่ไม่ดีก็ไม่เห็นเป็นอะไร 

เพียงแค่หลับตาลงแล้วรอวันใหม่

ให้รู้เอาไว้ว่าทุกสิ่งจะสวยงาม เมื่อเธอเข้าใจ”

ปรับโหมดมาที่ความนุ่มนวล จากสองสาวดูโอ้อินดี้พอป Landokmai อูปิม-ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง (ร้องนำ) และ แอนท์-มนัสนันท์ กิ่งเกษม (กีตาร์) จากค่าย What the duck กันบ้าง เพลงจากลานดอกไม้มาในท่วงทำนองที่ผ่อนคลาย ฟังสบายเสมอ แต่สำหรับ Our Sunset มาในจังหวะสนุก ๆ ชวนโลดเต้น เนื้อหาของเพลงคล้ายกับเพลงก่อนหน้าที่เราแนะนำ คือความเข้าใจว่าทุกสิ่งผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป แต่มาในโหมดที่สดใส ชวนลุกขึ้นมาพบกับเช้าวันใหม่ เปรียบได้กับคาแรกเตอร์ของคนที่กำลังส่งพลังความฮึด คอยเชียร์อัปคนอื่น ทำให้มองเห็นถึงความหวังในสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาถึง

อ้างอิง