10 ข้อต้องรู้และสร้างความเข้าใจ โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ B.1.1.7
Better Living

10 ข้อต้องรู้และสร้างความเข้าใจ โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ B.1.1.7

Focus
  • ตามกลไกลธรรมชาติ ไวรัสมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อความอยู่รอด เช่นเดียวกับโควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ B.1.1.7 ที่พัฒนาตัวเองให้จู่โจมมนุษย์ได้ดีขึ้นและแพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น
  • วัคซีนไม่ได้ฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดวัคซีนเป็นการฝึกระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การฉีดวัคซีนเสมือนเป็นการจำลองสถานการณ์การติดเชื้อครั้งแรก

ต้นเดือนเมษายน 2564 พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยที่รุนแรงและกระจายเชื้อเร็วขึ้นนั้นคือ โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ หรือ B.1.1.7 ถือเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว อาการรุนแรง และสร้างความเสียหายให้กับประชาชนในวงกว้าง โดยมี 10 ข้อต้องรู้ เพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้การแพร่ระบาดในครั้งนี้ให้มากขึ้น

1.มีการค้นพบ โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์  ซึ่งมีชื่อว่า B.1.1.7 ครั้งแรกในเมืองแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษราวกันยายนปี 2019 โดยข้อน่าสงสัยว่าจะไวรัสกลายพันธุ์คือ มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต ทำให้หน่วยงานรัฐต้องทำการสุ่มตรวจจนพบว่า โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีการกลายพันธุ์แตกต่างจากสายพันธุ์เดิม และนั่นก็เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษต้องสั่งล็อคดาวน์กรุงลอนดอนมาแล้วในช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา

2. โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์นี้ มีการตั้งสมติฐานว่า อาจพัฒนาและกลายพันธุ์มาจากกลุ่มคนติดโควิด-19 ที่มีโรคเรื้อรัง ตามปกติการติดโควิดในคนจะหายภายใน 1 เดือน แต่ในกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ต้องกินยากดภูมิต้านทาน หรืออย่างในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องกินยาอื่นกดภูมิต้านทานไว้ หากเป็นโควิด-19 ร่วมด้วย โควิด-19 จะไม่หายขาดภายใน 1 เดือน โดยมีข้อมูลว่า คนกลุ่มนี้สามารถมีเชื้อโควิดแฝงอยู่ในร่างกายได้นานสุด 5 เดือน ระหว่างนั้นเชื้อในร่างกายจะพัฒนาตัวเองจนกลายพันธุ์

โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์

3. อีกสมติฐานคาดว่า โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ มาจากสัตว์ เพราะโควิด-19 สามารถเข้าสู่ร่างกายของสัตว์บางสายพันธุ์ได้ เช่น ตัวมิงค์ มีรายงานในยุโรปพบว่า เชื้อโควิด-19 จากคนเข้าไปติดในตัวมิงค์และได้พัฒนากลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ ก่อนจะแพร่ระบาดกลับมาหามนุษย์อีกครั้ง

4. โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธฺุ์ ที่พบล่าสุดในไทยสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิม อย่าลืมว่าไวรัสมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเปลี่ยนลักษณะ “โปรตีนหนาม” (spike protein) ในส่วนที่เป็นพื้นผิวด้านนอกของไวรัส หรือ “ส่วนยึดจับกับตัวรับบนผิวเซลล์” (receptor-binding domain) ให้มีลักษณะจับกับเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น เพิ่มพลังในการจู่โจม ต่างจากแบบเดิมที่บางครั้งจับกับเซลล์มนุษย์ในร่างกายแล้วอาจจะหลุดได้ แต่โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ จะแตกเซลล์ได้ดีขึ้น ทำให้มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แถมพ่วงมาด้วยอาการที่รุนแรงกว่าเดิม

5.โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์นี้มีการแพร่กระจายของเชื้อดีกว่าแบบเดิม 50 – 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่มีการควบคุมที่ดี การแพร่ระบาดในประเทศไทยก็จะขยายวงกว้างมากขึ้น

6. ถ้ามีการติดเชื้อจำนวนมาก จะทำให้เตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลเต็ม และต้องสูญเสียทรัพยากรทางการแพทย์เพื่อมาดูแลผู้ติดเชื้อมากขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มเสี่ยงเช่น ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว จะมีการแสดงออกของโรคที่หนักขึ้นกว่าการได้รับเชื่อสายพันธุ์ก่อนๆ

7. ข้อมูลในห้องทดลองระบุว่าในแง่ของวัคซีนนั้น วัคซีนบางชนิดยังสามารถสร้างระบบภูมิคุ้มกันต่อโควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ได้ ซึ่งต่างจากสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่สามารถหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างจากวัคซีนได้ดีกว่า

8. หากมีการปล่อยให้แพร่ระบาดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการควบคุมที่ดี จะทำให้โควิด-19 มีการกลายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ จนมีคุณสมบัติที่หลบวัคซีนได้ดีขึ้น เช่นล่าสุดที่พบก็คือ โควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งมีผลทำให้วัคซีนของแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพการทำงานลดลงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ นั่นจึงถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด ไม่ควรปล่อยให้โควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ แพร่กระจายจนมีอาการดื้อวัคซีน

9. มีคำถามว่า ทำไมฉีดวัคซีนแล้วยังติดโควิด-19 ซึ่งก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า วัคซีนไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดวัคซีนเป็นการฝึกระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การฉีดวัคซีนเสมือนเป็นการจำลองสถานการณ์การติดเชื้อครั้งแรก โดยการฉีดองค์ประกอบบางส่วนของไวรัสหรือใช้เชื้อไวรัสที่ตายแล้ว หรือไวรัสอ่อนกำลังจนไม่สามารถก่อโรคได้เข้าสู่ร่างกาย เปรียบเหมือนการฝึกทหารหน่วยต่าง ๆ ให้พร้อมรับมือกับการบุกรุกของข้าศึกในอนาคต

นอกจากนี้ในแง่ของการสร้างภูมิต้านทานก็ไม่ได้ฉีดวัคซีนปุ๊บแล้วภูมิต้านทานจะดีขึ้น แต่ต้องดูด้วยว่าคนนั้นฉีดวัคซีนไปกี่เข็ม เพราะถ้าฉีดไปยังไม่ครบตามจำนวนโดสของวัคซีนแต่ละชนิด ประสิทธิภาพก็อาจจะไม่ค่อยดี หรือถ้าฉีดวัคซีนครบตามจำนวนโดสแล้ว ก็ต้องรอเวลาอีกประมาณ 2 – 4 อาทิตย์ กว่าภูมิต้านทานจะขึ้นมาในระดับที่ดี วัคซีนช่วยให้อาการความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสน้อยลง ดังนั้นแม้คนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว ก็ยังต้องมีมาตรการป้องกันตัวเองทั้งใส่หน้ากากและเว้นระยะห่างที่เข้มงวดอยู่

10. สำหรับ โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ รอบนี้ผู้ติดเชื้อมักจะมีอาการรุนแรงมากกว่ารอบก่อนที่คนส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่รอบนี้จะมีไข้ น้ำมูก ที่ผ่านมาในอังกฤษเองพบอัตราการเสียชีวิตจาก โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ มากขึ้น

อ้างอิง

อ่านเพิ่มเติม

·        วัคซีนป้องกันไวรัสได้อย่างไร ไขข้อสงสัย รวมเรื่องควรรู้ก่อนฉีด วัคซีนโควิด

·        เปรียบเทียบ 7 วัคซีนโควิด ตั้งแต่ประสิทธิภาพ ความเสี่ยง ถึงผลลัพธ์ข้างเคีย


Author

นายแว่นสีชา
เริ่มต้นจาก โครงการค่ายนักเขียนสารคดี สะท้อนปัญหาสังคม ครั้งที่ 2 ก่อนฝึกฝนจับประเด็น ก้มหน้าอยู่หลังแป้นพิมพ์มากว่า 10 ปี ชอบเดินทางคุยเรื่อยเปื่อยกับชาวบ้าน แต่บางครั้งขังตัวเอง ให้อยู่กับการทดลองอะไรใหม่ๆ