สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้วางรากฐาน ชุดประจำชาติไทย จากราชสำนักโบราณสู่ความร่วมสมัย
Faces

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้วางรากฐาน ชุดประจำชาติไทย จากราชสำนักโบราณสู่ความร่วมสมัย

Focus
  • สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญศึกษารูปแบบการแต่งกายของสตรีไทยในราชสำนักโบราณ ประยุกต์เข้ากับเทคนิคการตัดเย็บแบบสมัยใหม่ และทรงออกแบบชุดไทยที่สวมใส่ได้สะดวกเข้ากับยุคสมัย
  • สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้สตรีไทยทั่วไปสามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการตัดเย็บสวมใส่ จนมีผู้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เรียกกันว่า “ชุดไทยพระราชนิยม”

หนึ่งในพระราชกรณียกิจสำคัญของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คือการพัฒนา “ผ้าไทย” สู่มาตรฐานสากล วางรากฐานให้ประเทศไทยมี ชุดประจำชาติไทย ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ รวมทั้งอนุรักษ์และส่งเสริมการแต่งกายแบบไทยไม่ให้หายไปกับยุคสมัย

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ย้อนไปใน พ.ศ.2503  สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป ทรงตระหนักว่าการปรากฏพระองค์ในฐานะพระราชินีแห่งราชอาณาจักรไทย เปรียบเสมือนตัวแทนของคนทั้งชาติ แต่ในขณะนั้นสตรีไทยยังไม่มีการแต่งกายที่เป็นแบบแผนและแสดงเอกลักษณ์ของชาติที่ชัดเจน พระองค์จึงมีพระราชดำริให้จัดทำเครื่องแต่งกายที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างงดงามและมีความร่วมสมัย จนสามารถเป็นตัวแทนของ ชุดประจำชาติไทย

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญศึกษารูปแบบการแต่งกายของสตรีไทยในราชสำนักโบราณ ประยุกต์เข้ากับเทคนิคการตัดเย็บแบบสมัยใหม่ และทรงออกแบบชุดไทยที่สวมใส่ได้สะดวก เหมาะสมกับยุคสมัย โดยยังคงความสง่างามและเอกลักษณ์ไทยไว้อย่างกลมกลืน ต่อมาฉลองพระองค์ชุดไทยดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ชุดไทยพระราชนิยม ซึ่งได้พัฒนามาเป็นชุดไทยแบบต่างๆ ที่สตรีไทยนิยมสวมใส่ในวาระที่แตกต่างกัน และกลายมาเป็นต้นแบบชุดประจำชาติของสตรีไทยในปัจจุบัน

ในส่วนของการตั้งชื่อชุดไทยนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค นางสนองพระโอษฐ์ในขณะนั้น เป็นผู้ตั้งชื่อชุดไทยทั้งหมด หม่อมหลวงมณีรัตน์ โดยได้นำชื่อพระที่นั่ง พระตำหนัก สถานที่สำคัญต่างๆ ในพระบรมมหาราชวังและในพระราชวังดุสิต มาใช้ขนานนามชุดไทยทั้ง 8 แบบ หลังจากนั้นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้สตรีไทยทั่วไปสามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการตัดเย็บสวมใส่ จนมีผู้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เรียกกันว่า ชุดไทยพระราชนิยม

Sarakadee Lite ชวนไปรู้จักชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ได้แก่ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจักรี ชุดไทยศิวาลัย และชุดไทยจักรพรรดิ

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“ชุดไทยเรือนต้น” ชุดไทยลำลอง เสื้อคอกลมแขน 3 ส่วน

ตั้งชื่อตามพระตำหนักเรือนต้น ในพระราชวังดุสิต เป็นชุดไทยแบบลำลอง ใช้ในโอกาสไม่เป็นทางการ ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าไหม ลักษณะเป็นผ้านุ่งป้ายยาวจรดข้อเท้า ผ้าลายตามขวาง หรือตามยาวก็ได้ เป็นเสื้อคอกลมตื้น ใช้ผ้าสีตามริ้วหรือเชิง จะเป็นสีเดียวกับซิ่นหรือสีตัดกันก็ได้ เอกลักษณ์คือเสื้อแขนสามส่วน ติดกระดุมหน้าห้าเม็ด ใช้เครื่องประดับน้อยชิ้น

“ชุดไทยอมรินทร์” ใช้ในงานพิธี งานกลางคืน

ตั้งชื่อตามพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง นิยมสวมใส่ในงานพระราชพิธี และงานพิธีกลางคืน มีลักษณะเหมือนชุดไทยจิตรลดา แต่ตัดเย็บด้วยผ้ายกไหมที่มีทองแกมหรือยกทองทั้งตัว ความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้าและเครื่องประดับ

“ชุดไทยจิตรลดา” คอเสื้อขอบตั้ง แขนยาวจรดข้อมือ

ตั้งชื่อตามพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เป็นชุดที่ใช้ในเวลากลางวัน ลักษณะทั่วไปคล้ายกับชุดไทยเรือนต้น ต่างกันตรงคอเสื้อที่มีขอบตั้ง แขนยาวจรดข้อมือ ผ้านุ่งป้ายเป็นผ้าไหมยกดอกมีเชิงหรือยกดอกทั้งตัว ใช้เครื่องประดับตามควร

ชุดไทยพระราชนิยม

“ชุดไทยบรมพิมาน” ตั้งชื่อตามพระที่นั่งบรมพิมาน

ตั้งชื่อตามพระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีและงานพิธีกลางคืน เสื้อแขนยาวคอกลมมีขอบตั้ง ตัวเสื้อและผ้านุ่งติดกันเป็นชุดเดียว ตัดเย็บด้วยผ้าไหมที่มีทองแกมหรือยกทองทั้งตัวก็ได้ นุ่งจีบแล้วใช้เข็มขัดไทยคาด

ชุดไทยพระราชนิยม

“ชุดไทยจักรี” เปิดไหล่สไบปัก ผ้านุ่งจีบ

ตั้งชื่อตามพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพิธีกลางคืน ท่อนบนเปิดไหล่หนึ่งด้านเป็นสไบปักหรือไม่ปักก็ได้ตัดเย็บติดกับท่อนล่างซึ่งเป็นผ้านุ่งจีบ เป็นผ้าไหมยกทองทั้งตัวหรือยกเฉพาะเชิงก็ได้

ชุดไทยพระราชนิยม

“ชุดไทยดุสิต” เสื้อคอกว้าง ไม่มีแขน ผ้านุ่งจีบ

ตั้งชื่อตามพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพิธีเต็มยศกลางคืน ตัดเย็บด้วยผ้ายกไหมหรือยกทอง ผ้านุ่งจีบ เสื้อคอกว้าง ไม่มีแขน ปักด้วยดิ้นเงินดิ้นทองหรือลูกปัด

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“ชุดไทยศิวาลัย” โดดเด่นด้วยการห่มสะพักทับ

ตั้งชื่อตามพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพระราชพิธีทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เป็นชุดแบบเดียวกับชุดไทยบรมพิมานแต่ห่มสะพักทับอีกชั้นหนึ่ง

สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“ชุดไทยจักรพรรดิ” ห่มสไบจีบและห่มสะพักทับ

ตั้งชื่อตามพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในงานพิธีเต็มยศกลางคืน ท่อนบนห่มผ้าสองชั้น ชั้นในมักเป็นสไบจีบและห่มสะพักทับ ส่วนผ้านุ่งยกทอง จีบแบบเดียวกับชุดไทยจักรี คาดเข็มขัดและใส่เครื่องประดับเข้าชุดกัน

ภาพและข้อมูล : พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

Fact File

ผู้ที่สนใจเรื่องผ้าไทย และชุดไทยประจำชาติในรูปแบบของฉลองพระองค์ที่ทรงสวมใส่จริง สามารถไปชมได้ที่ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กรุงเทพฯ ในนิทรรศการ “ชุดไทย : จากราชสำนักสู่ราชนิยม” (Chud Thai: Dressing the Nation in Heritage)


Author

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ Sarakadee Lite