ย้อนความทรงจำ ปรมาจารย์ลัทธิมาร กับคำถาม “ใครดี ใครชั่ว ใครดำ ใครขาว”
Lite

ย้อนความทรงจำ ปรมาจารย์ลัทธิมาร กับคำถาม “ใครดี ใครชั่ว ใครดำ ใครขาว”

Focus
  • ปรมาจารย์ลัทธิมาร หรือ The Untamed เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายกำลังภายในแนว Boy-love ของนักเขียน โม่เซียงถงซิ่ว ได้ 2 นักแสดงนำคุณภาพอย่างเซียวจ้าน มารับบทเป็นเว่ยอู๋เซี่ยน (เว่ยอิง) และหวังอี้ป๋อ มารับบทเป็นหลานวั่งจี (หลานจ้าน) ออกอากาศผ่านทาง Tencent Video ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2019 – 20 สิงหาคม ค.ศ. 2019
  • นอกจาก ปรมาจารย์ลัทธิมาร จะเปิดมุมมองของซีรีส์แนว Boy-love แนวกำลังภายในแล้ว เนื้อหาของเรื่องก็เข้มข้นในประเด็น ใครดี ใครชั่ว ใครดำ ใครขาว”
  • สำหรับช่องทางการรับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ในประเทศไทย WeTV, Netflix 

ปรมาจารย์ลัทธิมาร ซีรีส์กำลังภายในแนว Boy-love ที่สลักอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน และทำให้หัวใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้กลับมาดู แค่ได้ฟังเสียงกู่ฉินที่บรรเลงเคียงคู่กับเสียงขลุ่ย โน้ตเพลงดังขึ้นมาเพียงไม่กี่ตัวก็สามารถพาผู้ชมย้อนวันวานกลับเข้า กูซู ได้อีกครั้ง แต่นอกจากฉาก เพลง นักแสดง และบทที่ตราตรึงหัวใจคนดูไว้ได้แล้ว อีกหนึ่งคำถามที่ เว่ยอู๋เซี่ยน (รับบทโดย เซียวจ้าน) ตัวละครหลักของเรื่องได้ถาม หลานวั่งจี (รับบทโดย หวังอี้ป๋อ) สหายคู่ใจของเขาว่า “ใครดี ใครชั่ว ใครดำ ใครขาว” ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นน่าสนใจที่ควรค่าแก่การหยิบยกมาพูดคุยอย่างมาก

Sarakadee Lite จึงขอชวนทุกคนย้อนความทรงจำ ร่วมกันหาคำตอบไปกับคำถามนี้พร้อม ๆ กันกับการย้อนรอย ปรมาจารย์ลัทธิมาร

ปรมาจารย์ลัทธิมาร

“ศึกยิงตะวัน” จุดจบตระกูลเวิน จุดกำเนิด “ปรมาจารย์แห่งอี๋หลิง”

เมื่อยุทธภพประกอบไปด้วย 5 ตระกูลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลหลานแห่งกูซู ตระกูลเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่ง ตระกูลเนี่ยแห่งชิงเหอ ตระกูลเวินแห่งฉีซาน และ ตระกูลจินแห่งหลานหลิง แต่ต่อมาตระกูลเวินแห่งฉีซาน ได้ออกตามหาชิ้นส่วนของเหล็กทมิฬเพื่อนำมาควบคุมผู้คน ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ สั่งฆ่าล้างตระกูลเล็ก ๆ อย่างโหดเหี้ยม และเข้าควบคุมตระกูลใหญ่ ด้วยการทำลาย อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ สถานที่พำนักของตระกูลหลาน พร้อมจับตัวศิษย์ตระกูลเจียงที่ฝึกยิงว่าวสีคล้ายกับดวงอาทิตย์ด้วยข้อหา จงใจยิงดวงอาทิตย์ ที่หมายถึงจงใจยิงตระกูลเวินซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดวงอาทิตย์ให้ตกลงมา โชคดีที่ เจียงเฉิง (รับบทโดย วังจั่วเฉิง) บุตรชายคนโตของตระกูล เจียงเยี่ยนหลี (รับบทโดย เสวียนลู่) บุตรสาว และ เว่ยอู๋เซี่ยน ชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่น้องแท้ ๆ ของทั้งสองสามารถหนีรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

เว่ยอู๋เซี่ยน บังเอิญปะทะกับ เวินเฉา (รับบทโดย เฮ่อเผิง) บุตรชายคนรองของตระกูลเวิน ที่มีความแค้นต่อเว่ยอู๋เซี่ยนมานาน เขาจับตัวเว่ยอู๋เซี่ยนที่ไร้ จินตาน (เปรียบเสมือนกำลังภายในที่ผู้ฝึกยุทธทุกคนต้องมีหากสูญเสียไปจะไม่สามารถฝึกฝนวิชาได้) โยนลงที่ ล่วนจั้งกั่ง ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นสุสานรวมศพศูนย์รวมวิญญาณอาฆาต ไม่มีผู้ใดที่เข้าไปแล้วสามารถออกมาได้ แต่ ณ สถานที่แห่งนี้เอง ปรมาจารย์แห่งอี๋หลิง เว่ยอู๋เซี่ยนก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

ปรมาจารย์ลัทธิมาร

ภัยพิบัติของตระกูลเจียง เป็นตัวจุดชนวนให้ตระกูลเซียนต่าง ๆ ที่เหลือร่วมมือกันกำจัดตระกูลเวินใน “ศึกยิงตะวัน” พร้อมกับการกลับมาของเว่ยอู๋เซี่ยนและขลุ่ยเฉินฉิง ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาพิสดารที่เขาต้องฝึกในขณะที่ถูกทิ้งอยู่ที่ล่วนจั้งกั่งเพื่อเอาตัวรอดจากวิญญาณร้ายเพียงแค่เป่าขลุ่ย เขาก็สามารถสั่งการให้วิญญาณอาฆาตออกมาสังหารตระกูลเวินที่เหลืออยู่จนสิ้นซาก 

ในทางรัฐศาสตร์ ความชอบธรรมทางการเมืองของผู้ปกครองจะเกิดขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไขพื้นฐานสำคัญ ประการแรก การใช้อำนาจจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของสังคม ประการที่สอง กฎเกณฑ์นั้นจะต้องมาจากการยอมรับร่วมกันระหว่างฝ่ายผู้ใช้อำนาจปกครองกับผู้อยู่ใต้การปกครอง และ ประการที่สาม ความชอบธรรมจะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนผู้อยู่ภายใต้อำนาจปกครองยอมรับอำนาจนั้น ดังนั้นเมื่อผู้ปกครองไม่ได้ใช้อำนาจตามกฎเกณฑ์ของสังคม ผู้อยู่ใต้ปกครองย่อมไม่พอใจและส่งผลให้อำนาจการปกครองของผู้ปกครองสั่งคลอนลง

เช่นเดียวกับในซีรีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่เมื่อตระกูลเวินเหิมเกริม ใช้อำนาจการปกครองในทางมิชอบ เข่นฆ่าผู้อื่นตามอำเภอใจ ประกอบกับบันทึกคำสอนของตระกูลเวินเองที่ระบุไว้ว่า “ผู้ใดที่ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น และผู้ใดที่ทำเรื่องอัปยศ ต้องฆ่าให้หมด ยังต้องตัดหัวประจาน ให้ผู้คนประณาม” ตระกูลเซียนที่เหลือจึงต้องลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อยับยั้งการนองเลือด และเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลตนเองถูกกำจัด

เส้นทางฉงฉีคว้าขลุ่ย ละทิ้งกระบี่

ตระกูลจิน ซึ่งเป็นผู้นำทัพในครั้งนี้ ได้ขึ้นมาเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาตระกูลเซียน เขาได้รับความชอบธรรมในการสังหารคนในตระกูลเวินที่เหลืออยู่ ซึ่งรวมถึงผู้เฒ่า เด็ก และสตรี 

เว่ยอู๋เซี่ยนทราบข่าวว่าผู้มีพระคุณของเขาอย่างสองพี่น้องเวินฉิง (รับบทโดย เมิ่งจื่ออี้) และเวินหนิง (รับบทโดย อวี๋ปิน)  ถูกทรมานร่วมกับผู้บริสุทธิ์ในตระกูลเวินที่เหลืออยู่ เขาจึงไม่รอช้ารีบไปเค้นหาความจริงจากตระกูลจิน แต่ใครเล่าจะรู้ว่าการถามในครั้งนั้นจะนำมาซึ่งความบาดหมางที่ฝังรากลึกลงไประหว่างตระกูลจินกับเว่ยอู๋เซี่ยน

เว่ยอู๋เซี่ยนรีบไปยังเส้นทางฉงฉีตามที่ตระกูลจินบอก เขาได้พบว่าศิษย์ของตระกูลต่าง ๆ ที่ถูกให้มาคุมนักโทษตระกูลเวินผู้ไม่ได้เกี่ยวของกับศึกยิงตะวัน ใช้ธงเรียกวิญญาณปักไว้บนตัวเวินหนิง รอบ ๆ มีซากศพของผู้บริสุทธิ์จากตระกูลเวินมากมายที่ถูกโยนทิ้งไว้ ร่องรอยการทรมานและการใช้แรงงานอย่างหนักปรากฏชัดเจน เว่ยอู๋เซี่ยนเรียกผู้คุมจากศิษย์สำนักต่าง ๆ มาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แม้หลักฐานทุกอย่างจะปรากฏชัดเจน แต่พวกเขากลับปฏิเสธ อ้างว่าทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ เขาไม่ได้ฆ่าคน แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าสำหรับตระกูลเซียนที่เหลืออยู่นั้น ตระกูลเวินก็เป็นเพียงแค่สุนัข หาใช่คนที่พวกเขาต้องเกรงกลัวอีกต่อไป 

ปรมาจารย์ลัทธิมาร

หลานวั่งจีรีบออกมาตามหาเว่ยอู๋เซี่ยนด้วยความเป็นห่วง แต่เว่ยอู๋เซี่ยนเข้าใจผิดว่าหลานวั่งจีมาเพื่อขัดขวางเพราะหลานวั่งจีบอกว่าการไปครั้งนี้ถือว่าเขาละทิ้งคำสอนและทรยศสำนักไม่สามารถกลับตัวได้อีกแล้ว

“ละทิ้งคำสอนไหนทรยศสำนักใดหลานจ้านเจ้ายังจำคำมั่นสัญญาที่พวกเราเคยร่วมกันให้เมื่อก่อนได้ไหม

ขอให้ตัวข้าเว่ยอู๋เซี่ยนกำจัดคนชั่วช่วย เหลือผู้อ่อนแอ ไร้เรื่องละอายใจ…’

กำจัดคนชั่วช่วยเหลือผู้อ่อนแอตลอดไป แต่วันนี้เจ้ากลับมาบอกข้าว่าใครแกร่งใครอ่อนแอใครเลว ใครดี นี่หรือคำมั่นสัญญาของเจ้ากับข้าที่จะรักษาไปจนวันตาย… ข้าพลาดโอกาสช่วยชีวิตผู้คนแล้วครั้งหนึ่งครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยมืออีกหลานจ้านหากข้าจำเป็นต้องสู้กับพวกเขา (ตระกูลเซียนที่เหลือ) ข้ายอมสู้กับเจ้าจนตัวตายหากข้าตายอย่างน้อยก็ตายด้วยน้ำมือหานกวงจวิน ข้าไม่เสียดาย”

จริงหรือที่มนุษย์ต้องกำจัดมารร้าย ดำรงคุณธรรม 

โทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาการเมืองชาวอังกฤษเชื่อว่า โดยพื้นฐานของมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความเลวร้ายโดยธรรมชาติ แต่ด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่สังคมกำหนดขึ้น ทำให้มนุษย์ต้องยับยั้งสัญชาตญาณความเลวร้ายนั้นไว้ แล้วสร้างความชอบธรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะใช้ความรุนแรง โดยการสร้างกฎระเบียบขึ้นมาใหม่ 

เมื่อศึกษาภาพแนว Angelic Killing ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) เห็นได้ชัดว่าเมื่อมนุษย์ต้องการทำร้ายใคร ก็มักจะต้องหาพรรคพวกที่จะสนับสนุนการกระทำของตน หาความชอบธรรมในการปราบอริทางสังคม ไม่สามารถฆ่าคนได้อย่างตรง ๆ เหมือนในอดีต แต่จะต้องมอบความชั่วร้ายให้แก่อีกฝ่ายแล้วจึงโน้มน้าวให้มีการปราบความชั่วร้ายโดยใช้เครื่องมือที่ชอบธรรมของสังคมผ่านวาทกรรมความดี-ความชั่ว (The Matter, 2019)

ตระกูลเวิน ก็เปรียบเสมือนกับมารร้ายที่ผู้คนต่างรังเกียจ แม้สองพี่น้องอย่างเวินฉิงและเวินหนิงไม่เคยทำร้ายใคร แต่ในตอนนี้ แค่เป็นคนแซ่เวินก็ผิดมหันต์ ส่วนคนที่คอยปกป้องพวกเขาอย่างเว่ยอู๋เซี่ยนก็คือศัตรูกับทุกคนถูกตราหน้าว่าเป็นตัวประหลาด จอมยุทธ์พิสดาร เป็นวีรบุรุษที่น่าชิงชัง เป็นคนเก่งเหนือผู้อื่นเพียงเพราะเขามีความคิดไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ เว่ยอู๋เซี่ยนผู้นี้ก็จะได้กลายเป็นพวกสติฟั่นเฟือน ไม่คำนึงถึงคุณธรรม ฝึกวิชามารนอกรีต

ปรมาจารย์ลัทธิมาร

กระโดดสู่ทะเลเพลิง ยึดปณิธานที่เชื่อมั่น

ในเส้นทางฉงฉี ขณะที่เว่ยอู๋เซี่ยนและเวินหนิง ขุนพลผีของเขา กำลังเดินทางไปตระกูลจินเพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองให้แก่บุตรชายที่เพิ่งเกิดของเจียงเยี่ยนหลี ศิษย์พี่ของเขา และจินจื่อเซวียน (รับบทโดย เฉาอวี้เฉิน) เขาก็ได้เผชิญกับการซุ่มโจมตีจากคนในตระกูลจิน เมื่อจินจื่อเซวียนทราบข่าว ก็รีบตรงมาที่เส้นทางฉงฉีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น แต่ในระหว่างที่เว่ยอู๋เซี่ยนกำลังเป่าขลุ่ยสั่งการให้เวินหนิงสู้กับตระกูลจินอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ไม่สามารถควบคุมเวินหนิงได้ เพราะมีเสียงขลุ่ยที่ซ้อนทับกันอยู่ดังมาจากอีกฝั่ง บิดเบือนคำสั่งของเขา จนสุดท้ายเวินหนิงก็พลั้งมือฆ่าสองพี่น้องตระกูลจิน ตามแผนการที่ จินกวงเหยา (รับบทโดย จูจ้านจิ่น) ลูกนอกสมรสของประมุขตระกูลจินวางไว้เพื่อให้ตนได้ขึ้นเป็นประมุขคนต่อไป

ตระกูลจินสัญญากับตระกูลเวินที่เหลืออยู่ว่าจะไม่ทำร้ายเว่ยอู๋เซี่ยนหากพวกเขายอมมารับโทษ แต่หลังจากสังหารผู้บริสุทธิ์ตระกูลเวินเสร็จ ประมุขตระกูลจินก็ประกาศต่อหน้าตระกูลเซียนที่เหลืออยู่ว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือกำจัดมารร้ายเว่ยอู๋เซี่ยน

เว่ยอู๋เซี่ยนปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด เขาถามประมุขตระกูลจินว่าใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อจากการดักซุ่มโจมตีที่เส้นทางฉงฉีคนตระกูลจินพกศิษย์ไปกว่าร้อยชีวิตเพื่อกำจัดเขา แล้วการที่เขาป้องกันตัวหลังจากโดนทำร้ายเขาผิดด้วยหรือ แต่กลับมีคนบอกว่าถึงเขาจะโดนทำร้ายก่อน แต่เขาก็ไม่ควรตอบโต้ด้วยวิธีการที่รุนแรงเช่นนี้ 

“พวกเจ้าต้องการฆ่าข้าก็ลงมือฆ่าโดยไม่สนใจคนอื่น แต่หากข้าจะปกป้องตนเองก็ต้องสนว่าทำร้ายคนนี้ไม่ได้ทำร้ายคนนั้นไม่ได้ หากข้าตายถือว่าข้าโชคร้ายพวกเจ้ารุมฆ่าได้แต่ข้าตอบโต้ไม่ได้ใช่หรือไม่”

เว่ยอู๋เซี่ยนตัดสินใจเป่าขลุ่ยเรียกวิญญาณอาฆาตเพื่อต่อสู้ในศึกครั้งนี้ เสียงขลุ่ยซ้อนทับนั้นเปลี่ยนคำสั่งของเขาอีกครั้ง แม้เขาจะสั่งการใด ๆ ต่อ เขาก็ไม่สามารถควบคุมวิญญาณเหล่านั้นได้อีก แม้แต่ตระกูลเจียงที่เขาต้องการจะปกป้อง เขาก็ไม่สามารถทำได้ ในเมื่อเขาทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยจนไม่เหลือผู้ใดที่จะเชื่อใจในตัวเว่ยอู๋เซี่ยนผู้นี้อีกแล้ว การอยู่ต่อเพื่อแก้ต่างให้ตนเองก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงยอมสละชีพของตนที่ปู๋เย่เทียนเพื่อสิ้นสุดทุกอย่าง ยึดมั่นในการกระทำของตัวเอง “ไม่ว่าหนทางจะสว่างแค่ไหน แต่ข้าก็จะเลือกเดินตามทางของข้าตราบจนสิ้นแสง”

เว่ยอู๋เซี่ยน เป็นผู้ที่ยึดมั่นในทางเดินของตนเอง และยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้ร่วมกับหลานวั่งจี จำต้องจบชีวิตของเขาลงเพียงเพราะเขาช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ผู้มีอำนาจในขณะนั้นอย่างตระกูลจินไม่ยอมรับ ยกเอาเรื่องวิชาพิสดารของเขามาเป็นข้ออ้างในการล้อมปราบ ใส่ร้ายป้ายสีต่าง ๆ นานา โดยที่เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้อธิบาย ปรมาจารย์อี๋หลิงกลายเป็นสัญลักษณ์ของมารร้ายที่สมควรถูกประหาร เป็นนิทานสนุกปากให้คนในสังคมนำมานินทา

บางทีผู้คนแค่ต้องการข้ออ้างหรือเป้านิ่งที่ให้ทุกคนรุมประณาม มีปรมาจารย์อี๋หลิง เว่ยอู๋เซี่ยนผู้นี้แล้วพวกเขาก็จะนับว่ามีศัตรูร่วมกัน ต่อให้ไม่มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของตระกูลจินที่เส้นทางฉงฉี ก็อาจมีคนอื่นมีเหตุบังเอิญอื่นให้เขาต้องกลายเป็นเป้านิ่งของสังคมอยู่ดี เพราะว่าเขาคือปรมาจารย์แห่งอี๋หลิง คนที่ช่วยตระกูลเวินผู้บริสุทธิ์แต่กลับถูกสังคมรังเกียจ

คำสอนข้อที่ 52 : ห้ามเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วร้าย

“พี่ใหญ่ ทุกสรรพสิ่งบนโลกต่างมีกฎเกณฑ์แบบแผนหรือไม่” หลานวั่งจีถาม หลานซีเฉิน (รับบทโดย หลิวไห่ควาน) ประมุขตระกูลหลาน พี่ชายของเขา

“ข้าเคยคิดว่าจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีอ่านตำราทั้งหมดของตระกูลหลาน ก็จะเข้าใจหลักจริยะของโลก แต่ต่อมาจึงรู้ว่าแม้จะอ่านตำราทั้งหมดบนโลก โลกใบนี้ยังคงมีเรื่องที่ข้าไม่สามารถหยั่งรู้ได้อยู่ดี บางเรื่องก็ไม่มีแบบแผนแน่ชัด ถูกหรือผิด ก็ไม่อาจแบ่งได้ชัด”

“ถ้าไม่สามารถแบ่งถูกผิดได้ เราจะสามารถแยกจิตใจของมนุษย์ได้อย่างไร” หลานวั่งจีถามต่อ

“การเป็นมนุษย์ ขึ้นอยู่กับตนเอง แบ่งแยกด้วยถูกผิดไม่ได้ ตัดสินผู้หนึ่งใช่ว่าจะใช้ความถูกผิดแบ่งแยกได้ ล้วนขึ้นอยู่กับจิตใจทั้งสิ้น…”

คำสอนข้อที่ 52 ของตระกูลหลาน “ห้ามเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วร้าย” แล้วสิ่งชั่วร้ายในคำสอนนี้คืออะไร ในเมื่อตอนแรกทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรกำจัดตระกูลเวิน เพราะพวกเขาทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่เหตุใดเมื่อเว่ยอู๋เซี่ยนช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคนจากตระกูลใหญ่ทารุณ กลับถูกตราหน้าว่าเป็นมารชั่วร้าย ในขณะที่ตระกูลจิน สังหารผู้บริสุทธิ์จากตระกูลเวินด้วยวิธีการที่โหดร้ายอำมหิต แต่กลับถูกยกย่องสรรเสริญว่า “ทำถูกแล้ว เห็นสมควรแล้ว” หรือแท้จริงแล้วคำว่าสิ่งชั่วร้ายที่คำสอนนี้หมายถึงสิ่งชั่วร้ายที่เป็นศัตรูกับผู้มีอำนาจ หากผู้มีอำนาจไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งชั่วร้ายนั้น สิ่งนั้นย่อมไม่ถือว่าชั่วร้าย 

ไม่ว่าหนทางจะสว่างเพียงใด แต่การเลือกทางเดินของเว่ยอู๋เซี่ยนตราบจนสิ้นแสง ณ ปู๋เย่เทียนในครานั้น ทำให้ในตอนนี้ หลานวั่งจีสามารถหาคำตอบที่เว่ยอู๋เซี่ยนเฝ้าถามเขาเรื่อยมาได้แล้วว่า “ใครดี ใครชั่ว ใครดำ ใครขาว”

“คิดถึงตอนนั้นแล้วโดดเดี่ยวจริง คนที่เชื่อในตัวข้าต่างก็ตายกันหมด โชคดีที่บนโลกนี้ยังมีคนที่เชื่อใจ…หลานจ้าน ดื่มให้เจ้า มีสหายรู้ใจเพียงหนึ่งก็พอแล้ว”

เว่ยอู๋เซี่ยน หลังจากที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งกล่าวกับหลานวั่งจีที่ยอมละทิ้งกฎของตระกูลเพื่อกลับมาเคียงข้างทำตามคำมั่นสัญญาของพวกเขาทั้งสองที่ให้ไว้ ณ อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่

ขอให้ตัวข้า เว่ยอู๋เซี่ยน กำจัดคนชั่ว ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ไร้เรื่องละอายใจ

ขอให้ตัวข้า หลานวั่งจี กำจัดคนชั่ว ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ไร้เรื่องละอายใจ”

อ้างอิง

  • prachatai.com/journal/2013/10/49085
  • thematter.co/science-tech/h-sapiens-why-we-are-so-good-and-so-bad/71668
  • Thomas Hobbes’ Ethical Social of Buddhist Ethical Viewpoint- WannawanPrungprom
  • 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จําไม่ลง : ว่าด้วย 6 ตุลา 2519 โดย ธงชัย วินิจจะกูล
  • การสร้างความชอบธรรมทางการเมือง โดย อาจารย์สุริยะใส กตะศิลา และผศ.ศาสตรินทร์ ตันสุน อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • บรรยายวิชา PO321 THAI GOVERNMENT AND POLITICS (การเมืองการปกครองของไทย) ภาคการศึกษา 2/2563 โดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ อาจารย์สาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • Angels, Demons and Political Action in Two Early Jacobean History Plays;Astrid Stilma

Author

วิวิศนา อับดุลราฮิม
Introvert ผู้เสพติดการอ่านนิยายดราม่า ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตไปกับการติ่ง k-pop และ c-pop