เที่ยวธรรมชาตินอกเมืองไทเปที่ อี๋หลาน เมืองเล็กน่ารักประจำไต้หวัน มีทั้งภูเขา ป่าไม้ และทะเล
- อี๋หลาน (Yilan) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน อยู่ห่างจากไทเปออกไปราว 50 นาที
- อี๋หลาน โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ เพราะมีทั้งทัศนียภาพของป่าไม้ ภูเขา และทะเล จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ อีกทั้งยังซ่อนไว้ด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่และเป็นต้นกำเนิดของขนมไต้หวันทำมืออีกหลายชนิด
ไต้หวัน ถือเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับใครที่กำลังมองหาทริปเที่ยวต่างประเทศสักแห่งที่เดินทางง่าย ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ยังครบทั้งที่กิน ที่เที่ยว และมุมถ่ายรูปน่ารักๆ ซึ่งนอกจากสีสันในเมืองหลวงอย่างไทเปแล้ว ไต้หวันยังมีอีกหลายเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมเฉพาะตัว ทำให้ไม่ว่าจะเป็นสายกิน สายมู หรือสายกิจกรรมก็มีให้เลือกแบบครบทุกไลฟ์สไตล์ แต่หากว่าใครที่ชอบซึบซับความสวยงามของธรรมชาติ ชอบความสงบ แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเก๋ เราอยากชวนเดินทางออกนอกเมืองไปยัง อี๋หลาน (Yilan) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน ที่แม้จะเป็นเมืองรอง แต่บอกเลยว่าเสน่ห์ของธรรมชาติไม่เป็นสองรองใคร
อี๋หลาน อยู่ห่างจากไทเปออกไปราว 50 นาทีเท่านั้น เมืองนี้โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ เพราะมีทั้งทัศนียภาพของป่าไม้ ภูเขา และทะเล จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ อีกทั้งยังซ่อนไว้ด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่และเป็นต้นกำเนิดของขนมไต้หวันทำมืออีกหลายชนิดทีเดียว สำหรับใครที่มีเวลาจำกัดแบบเรา ขอแนะนำทริปวันเดย์ด้วยพิกัดต่อไปนี้ให้ได้ปักหมุดไปพักใจในพื้นที่สีเขียวของอี๋หลานกัน
อุทยานวัฒนธรรมป่าไม้หลัวตง (Luodong Foresty Culture Park)
ขอเล่าย้อนไปสักนิดว่าด้วยทรัพยากรป่าไม้ที่สมบูรณ์ทำให้อี๋หลานในอดีตมี อุทยานไท่ผิงซาน (Taipingshan) เป็นแหล่งตัดไม้ที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งในสามของไต้หวันที่เคยรุ่งเรืองด้านการขนส่งไม้ โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวันเป็นอาณานิคมจนมีการวางระบบรถไฟสำหรับขนส่งไม้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง อุทยานวัฒนธรรมป่าไม้หลัวตงก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางนั้น และมีอดีตเป็นศูนย์กลางจัดการ แปรรูป และจัดเก็บไม้ที่สำคัญซึ่งลำเลียงจากป่าไท่ผิงซาน
แต่เมื่อการทำป่าไม้เริ่มซบเซาและมีการออกกฎห้ามตัดไม้ทำลายป่าเพื่อการอนุรักษ์ ปัจจุบันทั้งอุทยานไท่ผิงซานและที่นี่เลยได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ผ่านร่องรอยของอดีตที่ยังคงได้รับการบูรณะและเก็บรักษาเอาไว้อย่างเช่นหัวรถจักร รางรถไฟเดิมรวมถึงสถานีรถไฟป่าไม้ Jhulin และบ่อเก็บไม้ซุงที่ได้กลายมาเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ ส่งให้ที่นี่เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่แวดล้อมไปด้วยความร่มรื่นและความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่ง
นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเล่นหย่อนใจที่ทางเดินริมบึง หรือแวะเข้าอาคารสำนักงานน้อยใหญ่โดยรอบที่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่นิทรรศการบอกเล่าความเป็นมา รวมไปถึงร้านจำหน่ายของที่ระลึก ส่วนพื้นที่ด้านนอกเปิดให้มีกิจกรรมหมุนเวียนมาจัดสม่ำเสมอ อย่างในช่วงที่เราไปก็มีร้านหนังสืออิสระและสำนักพิมพ์จากทั่วไต้หวันพากันมาออกบูทอยู่ด้วย
เปิดทำการ : 8.00-17.00 น.
บัตรเข้าชม : เข้าชมฟรี
Map : https://maps.app.goo.gl/jZYiC4e7yDgnNhFi6
พิพิธภัณฑ์หลานหยาง (Lanyang Museum)
ความโดดเด่นของที่นี่คือสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวไต้หวัน คริส เหยา (Kris Yao) เขาได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจากภูมิประเทศของอี๋หลาน ทำให้ดีไซน์ของตัวอาคารมีรูปทรงคล้ายกับเขาเควสตา (Cuesta Topography) ที่จะมีความลาดเอียงด้านหนึ่งและอีกด้านมีความชัน ซึ่งเป็นรูปแบบภูเขาที่พบมากในอี๋หลาน อีกเกร็ดดีเทลที่น่าสนใจคือด้านนอกอาคารพิพิธภัณฑ์ประดับด้วยหินขนาดที่หลากหลายเพื่อแฝงจังหวะโน้ตของบทเพลงคลาสสิก The Four Seasons โดย Vivaldi เอาไว้ เป็นการสะท้อนถึงฤดูกาลทั้งสี่ของไต้หวัน
ส่วนเนื้อหาในพิพิธภัณฑ์รวบรวมประวัติศาสตร์ของอี๋หลานตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงที่ครั้งหนึ่งเคยเฟื่องฟูและเป็นเมืองท่าแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมของไต้หวัน ว่ากันว่าหากอยากรู้จักอี๋หลานให้มากขึ้นก็ต้องไปเยือนพิพิธภัณฑ์หลานหยาง (Lanyang Museum) แห่งนี้
เปิดทำการ : 9.00-17.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
บัตรเข้าชม : 100 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 105 บาทต่อคน
Map : https://maps.app.goo.gl/NLRAD1YtrdrJk5WG9
ฟาร์มต้นหอม (Sinbow Leisure Farm)
อีกแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอี๋หลานคือ ตำบลซานซิง (Sanxing) ที่มีต้นหอมเป็นของขึ้นชื่อ ทั้งฟาร์มต้นหอมที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กของตำบลนี้ และจากรสชาติของเมนูจากต้นหอมที่ปรุงสุกแล้วหวานและมีความชุ่มฉ่ำจากดินและน้ำที่สมบูรณ์ จนทำให้ต้นหอมของที่นี่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ต้นหอมสี่ฤดู” เพราะสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ทำให้ซานซิงมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอยู่หลายแห่ง ที่นิยมมากคือฟาร์มต้นหอมที่จะมีมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ลงมือทำ ตั้งแต่สวมรองเท้าบูตเดินลงฟาร์มไปเก็บต้นหอม ล้างต้นหอมด้วยตัวเอง
ต่อด้วยคลาสเวิร์กช็อปสวมบทเข้าครัวที่เราจะได้ลงมือรีดแป้งและห่อไส้ นำต้นหอมจากฟาร์มมาทำเป็นแพนเค้กที่มีลักษณะคล้ายๆ กับพาจ็อนของเกาหลี ต่างกันที่แพนเค้กต้นหอมของที่นี่จะนิยมนำแป้งมาห่อและม้วนขดเข้าหากันทำให้มีความหนากว่า จบคลาสด้วยการรอรับผลงานของตัวเองที่ทางฟาร์มจะนำไปทอดแบบสดๆ ร้อนๆ ให้ติดมือนำกลับไปชิม
เปิดทำการ : 10.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตรเข้าชมรวมกิจกรรมและเวิร์กช็อป 440 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 464 บาทต่อคน
Map : https://maps.app.goo.gl/oEyMBanykZpUF2WP8
อ้างอิง
