![สัมภาษณ์พิเศษ 5 แฟนด้อม ทำไมการเมืองถึงเป็นเรื่องของทุกด้อม และทุกหย่อมย่าน](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor-open.jpg)
สัมภาษณ์พิเศษ 5 แฟนด้อม ทำไมการเมืองถึงเป็นเรื่องของทุกด้อม และทุกหย่อมย่าน
- เว็บไซต์ NYLON Thailand ได้รวบรวมลิสต์กลุ่มแฟนคลับต่างๆ ที่ร่วมบริจาคด้านการเมืองไว้ราวๆ 23 ด้อม บริจาคกันตั้งแต่ 10,418.84 บาท ไปจนถึงสูงสุดคือ 779,762.83 บาท
- ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา มีการเปิดระดมทุนเป็นการเร่งด่วนจากทุกด้อมแฟนคลับศิลปิน เป็นเงินสูงถึงกว่า 3 ล้านบาท (The Matter, 20 ตุลาคม 2020)
“การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน” คำนี้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากการออกมาร่วมชุมนุมของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และบุคคลในหลากหลายกลุ่มอาชีพและเพศสภาพแล้ว อีกปรากฏการณ์ที่หลายคนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นนั่นก็คือ พลังแฟนด้อม หรือ แฟนคลับศิลปินทั้ง K-Pop และจีน ที่ต่างออกมาบริจาคเงินสมทบการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา มีการเปิดระดมทุนเป็นการเร่งด่วนจากทุกด้อมเป็นเงินสูงถึงกว่า 3 ล้านบาท (The Matter, 20 ตุลาคม 2020) เฉพาะที่เว็บไซต์ NYLON Thailand ได้รวบรวมลิสต์ไว้ก็ราวๆ 23 ด้อม บริจาคกันตั้งแต่ 10,418.84 บาท ไปจนถึงสูงสุดคือ 779,762.83 บาท โดยเงินเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปเป็นค่าอุปกรณ์ต่างๆ ค่าช่วยเหลือผู้ร่วมชุมนุม โดยเฉพาะช่วยเหลือในกระบวนการทางกฎหมาย
![](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor6.jpg)
ทำไมแฟนคลับศิลปิน นักร้อง ดารา ซึ่งมีทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงาน ต้องออกมาประกาศจุดยืนทางการเมืองของตนเอง และเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องลุกมาพูดคุยกันเรื่องการเมือง การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของนักการเมืองอีกต่อไป Sarakadee Lite มีโอกาสได้พูดคุยกับ 5 กลุ่มแฟนคลับทั้งเกาหลีและจีน ถึงเหตุผลที่พวกเขาได้เปลี่ยนแพชชั่นเกี่ยวกับศิลปิน ดารา นักร้อง มาสู่แพชชั่นใหม่นั่นคือการศึกษาเรื่องการเมืองอย่างจริงจังและใช้พลังของแฟนคลับเรียกร้องประชาธิปไตย
![](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor4.jpg)
“บ้านเบส BTS Thailand”
การเมือง คือเรื่องที่ต้องพูดเสียงดังได้แม้แต่ในบทเพลง
“เพลงของ BTS เอง ก็พูดเรื่องประเด็นทางสังคมมาตั้งแต่เดบิวต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา ความเหลื่อมล้ำ การถูกกดขี่ การรักตัวเอง การใช้ชีวิตของวัยรุ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้นทีมงานของเราทุกคนสนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้ว เราก็ได้รับอิทธิพลมาจากผลงานของ BTS มาตลอด 7 ปี”
กลุ่มแฟนบ้าน BTS Thailand เริ่มต้นเล่าถึงแพชชั่นด้านการเมืองที่สอดแทรกอยู่ในผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบ แต่จุดเริ่มต้นของการโพสท์ประเด็นทางการเมืองในแอคเคาน์ทวิตเตอร์จริงๆ ไม่ได้เพิ่งเริ่ม แต่มีมาตลอดตั้งแต่ Black Lives Matter เรื่อยมาจนถึงกรณีอุ้มหายวันเฉลิม
“เราคุยกับบ้าน Candyclover อีกบ้านเบสหนึ่งของ BTS ว่าเราออกมาโพสต์กันเถอะ นี่เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน พวกเราก็เลยออกมาโพสต์ประเด็นนี้กัน จากนั้น BTS ก็โพสต์ประเด็นนี้เช่นกัน และก็มีกรณี #Saveวันเฉลิม ต่อทันที เรามองว่ามันเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเช่นกัน แล้วการที่เราโพสต์ BLM (Black Lives Matter) ได้ เราก็ต้องโพสต์เรื่องคุณวันเฉลิมได้ เพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมชาติของเรา ไม่ควรมีใครถูกอุ้มหายไปแบบนี้ เราก็เลยโพสต์ประเด็นคุณวันเฉลิมต่อ
“จากนั้นเราก็เริ่มกังวลใจว่า อาร์มี่ (A.R.M.Y ชื่อแฟนคลับของ BTS) จะโอเคไหมที่เราโพสต์ประเด็นทางสังคมแบบนี้ลงแอคเคาท์ ซึ่งในมุมของพวกเรา เราอยากใช้แอคเคาท์เราเป็นกระบอกเสียงเรื่องประเด็นทางสังคม เพราะเรามีผู้ติดตามจำนวนมาก เราเลยตัดสินเรื่องนี้ด้วยหลักประชาธิปไตย คือการเปิดโหวตให้อาร์มี่มาแสดงความคิดเห็น ว่าเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับการที่เราจะโพสต์ประเด็นทางสังคม ซึ่งผลสรุปออกมาเห็นด้วยประมาณ 90% ซึ่งที่อาร์มี่เห็นด้วยเยอะขนาดนี้ ก็เพราะว่าทุกคนได้รับอิทธิพลต่างๆ มาจาก BTS เช่นเดียวกันกับพวกเรา”
ไม่เฉพาะประเด็นทางการเมืองเท่านั้น เหล่าอาร์มี่ยังได้เปลี่ยนความรักในศิลปินเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอดและต่อเนื่องกันมาประมาณ 3 ปี เช่น บ้าน BTS Thailand ทำโปรเจกต์ร่วมกับบ้าน Candyclover ฉลองครบรอบเดบิวต์ให้ BTS หรืออย่างตอนครบรอบ 5 ปี BTS ก็มีโปรเจกต์บริจาคโลหิตนับยอดรวมกันได้กว่า 2 แสนซีซี ซึ่งโปรเจกต์นี้ได้รับความสนใจจากสำนักข่าวเกาหลีจำนวนมาก มีสกู๊ปข่าวทาง TV และออนไลน์กว่า 40 สกู๊ปข่าว ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้อาร์มี่ประเทศอื่นๆ ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมอีกด้วย
“จุดนี้แหละที่ทำให้เราได้เห็นพลังของแฟนด้อมว่ามันมีประโยชน์อย่างไร ปีต่อมาเราก็ทำโปรเจกต์บริจาคโลหิตและระดมทุนบริจาคไปตามองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ทั้งการศึกษา โรงพยาบาล สัตว์ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ส่วนในปีนี้เราเน้นไปที่ด้านสิ่งแวดล้อม คือการชวนทุกคนปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของตัวเอง และรวบขยะส่งไปแปรรูปเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ส่วนในปีต่อๆ ไปก็คงจะมีโปรเจกต์อื่นๆ อีกแต่จะออกมาในรูปแบบไหนคงต้องคอยติดตามกันค่ะ”
อีกประเด็นน่าสนใจที่บ้าน BTS Thailand ฝากไว้ทิ้งท้ายคือสิ่งหนึ่งที่เราจะรู้ได้ว่าสังคมนั้นๆ ปกติหรือไม่ปกติ คือเสรีภาพในการพูดของเหล่าดารา
“ในประเด็นเรื่องการ call out เราอยากตั้งคำถามกลับไปที่ต้นเหตุมาก ถ้าลองคิดกันแบบยึดหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย การที่ดาราศิลปินจะออกมาโพสท์เรื่องการเมืองมันควรจะเป็นสิ่งที่ทำได้ตามปกติไม่ใช่หรือ ถ้าการที่ดาราศิลปินต้องกลัวที่จะพูดออกมา กลัวว่าจะกระทบกับงาน นั่นเท่ากับว่าสังคมเราไม่ปกติ ทั้งๆ ที่ประเทศอื่นที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เหล่าคนดังเขามีสิทธิที่จะพูดเรื่องการเมืองอย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบกับงาน แต่ประเทศเราทำไมทำไม่ได้ และถ้าดาราศิลปิน รู้ว่าสังคมตอนนี้มันไม่ปกติ การที่คุณกล้าออกมายืนอยู่ข้างความถูกต้อง มันก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก”
![](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor8.jpg)
“SONE แฟนคลับ Girls’ Generation”
เพราะเสียงของประชาชน คือ เสียงที่ผู้นำประเทศต้องฟังมากที่สุด
SONE แฟนคลับ Girls’ Generation เป็นด้อมที่มียอดบริจาคสูงถึง 779,762.83 บาท โดยใช้เวลาเปิดระดมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“เริ่มจากหนึ่งในแอดมินของบ้านได้แชร์ทวิตเตอร์ให้แอดมินอีกคนดูว่ามีแฟนด้อมอื่น ๆ เปิดโดเนตเพื่อเป็นการระดมทุนสำหรับการชุมนุม เลยได้มีการมาคุยกันว่าบ้านเราจะเปิดบ้างไหม แต่ก็มีบางส่วนคิดว่าถ้าใครอยากโดเนตให้โอนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงไม่ต้องผ่านบ้านจะดีกว่า เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่ก็ยังมีหลาย ๆ คนที่ได้สอบถามเข้ามาว่าแฟนด้อมเราจะเปิดโดเนตไหม ควรจะเปิดเหมือนกันนะ บ้านเราจึงได้ลองสอบถามความคิดเห็นโดยตั้งโพลเพื่อให้โหวตกัน
“ผลสรุปออกมาด้วยคะแนนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงว่า “ควรเปิดโดนเนต” แต่ทางเราก็ยังมีความกังวลว่าเจ้าของบัญชีจะเกิดความไม่ปลอดภัย จะโดนคุกคามหรือเปล่า แต่อีกทางเราก็อยากจะแสดงพลังให้คนอื่น ๆ ได้เห็นว่าแฟนคลับนักร้องเกาหลีไม่ได้สนใจเพียงแค่สิ่งที่ตัวเองชื่นชอบอย่างศิลปินเกาหลี แต่ยังสนใจการเมืองที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของเราอีกด้วย ซึ่งเราก็ได้เปิดและปิดในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็ได้รับยอดเงินและกระแสตอบรับมาอย่างท้วมท้น”
และเมื่อถามต่อว่าการเมืองเกี่ยวข้องกับชีวิตของแฟนด้อมอย่างไร เราก็ได้คำตอบที่ชัดเจนว่า ทุกอย่างที่รายล้อมรอบตัวล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน
“ทุกอย่างที่รายล้อมรอบตัวล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นฟุตบาทที่ผุพัง ถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ การยืนรอรถโดยสารประจำทางถึงหนึ่งชั่วโมงแต่รถก็ยังไม่มา แถมรถยังมีสภาพสนิมเกรอะกรังแสดงให้เห็นถึงการผ่านระยะเวลาการใช้งานมาอย่างโชกโชนเหมือนพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ ขนส่งสาธารณะที่ไม่ครอบคลุมถึงพื้นที่ในต่างจังหวัด แต่กระจุกตัวอยู่เพียงแค่เมืองใหญ่ ๆ ปัญหาน้ำท่วมขังทุกครั้งที่ฝนตก สร้างความลำบากในการเดินทาง ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ยกตัวอย่างมานั้นล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น ถ้าการเมืองดีปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขและหมดไป ดังนั้นการที่เราหันมาสนใจการเมืองก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถตอบคำถามกับเราได้ว่าทำไมคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศนี้ถึงเป็นแบบนี้ เราเพียงแค่อยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ฉะนั้นแล้วเราจะไม่สนใจการเมืองได้อย่างไร”
อีกสิ่งที่ย้ำชัดให้ SONE ตระหนักว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนก็มาจากหนึ่งในสมาชิกของแฟนด้อมที่เป็นน้องมัธยมซึ่งมีความสนใจในประเด็นการเมืองหลากหลายมิติ
“มีน้องที่อยู่ประมาณชั้นมัธยมต้น เรียกได้ว่าเด็กมากสำหรับแฟนด้อมนี้ที่แฟนคลับส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยทำงาน ตั้งแต่ที่ได้ติดตามมา น้องได้มีการพูดถึงประเด็นทางการเมืองในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ยุค คสช.การเลือกตั้ง การอุ้มหายของคุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ จนถึงการชุมนุมในช่วงเวลานี้ น้องได้มีการใช้กระบอกเสียงของตัวเอง จากการที่มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์มากพอสมควรในการแชร์ข่าวต่างๆ ติดแฮชแท็ก รวมถึงการแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการพูดถึงชีวิตประจำวัน ที่เราทุกคนเคยพบเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา การคมนาคม สวัสดิการของรัฐ โดยจุดนี้ทำให้เรารู้สึกว่า การเมืองอยู่รอบตัวเรา ทุก ๆ อย่างในประเทศเกี่ยวกับการเมือง ไม่สำคัญว่าเราจะอายุเท่าไร เพราะอย่างไรเราทุกคนก็คือประชาชนของประเทศนี้ เรามีสิทธิ์ในการพูดถึงและแบ่งปันความคิดตัวเองต่อประเด็นทางการเมืองในทุก ๆ เรื่อง เพราะเสียงของประชาชน คือ เสียงที่ผู้นำประเทศต้องฟังมากที่สุด ไม่ว่าเขาจะคือใคร อยู่ในสถานะใดก็ตาม”
และสุดท้ายเมื่อเราถามว่าเหนื่อยไหม งานก็ต้องทำ ศิลปินก็ต้องซัพพอร์ต การเมืองก็ต้องใส่ใจ คำตอบคือ…เหนื่อย
“เหนื่อยค่ะ แต่จะให้สนใจแต่เรื่องของตนเอง สนใจแต่ความสุขของตนเอง ไม่สนใจสถานการณ์บ้านเมืองก็คงจะไม่ได้ เรายอมเหนื่อยในวันนี้เพื่อสิ่งที่ดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะการเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การสนับสนุนศิลปินล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น ถ้าการเมืองดี เราจะได้เรียนในสิ่งที่ฝัน เรียนจบก็จะมีอาชีพรองรับ ไม่ใช่กังวลตั้งแต่ก่อนจะเข้าเรียนว่าถ้าเลือกเรียนตรงนี้ จบไปจะทำอะไร ถ้าการเมืองดี เงินเดือนจะสัมพันธ์กับค่าครองชีพ ถ้าการเมืองดี แฟนคลับก็จะมีกำลังทรัพย์ในการสนับสนุนศิลปินมากยิ่งขึ้น การคมนาคมสะดวกสบาย มีรถไฟฟ้าไปถึงสถานที่จัดงาน ไม่ต้องนั่งรถหลายต่อ ไม่ต้องเผื่อเวลาเดินทางหลายชั่วโมง เพราะกลัวรถติดไปไม่ทัน ไม่ต้องกังวลว่าหลังจบงานจะมีรถกลับบ้านไหม จะต้องรอรถนานเพียงไร จะถึงบ้านดึกแค่ไหน
“มันอาจจะยากที่ต้องทำอะไรหลายอย่างไปพร้อมกัน แต่พลังแฟนคลับเป็นพลังที่ดูถูกไม่ได้เลย และทั้งหมดทั้งมวลที่ได้เรียกร้องไปนี้ไม่ใช่แค่เพื่อแฟนคลับศิลปินเกาหลีจะได้ประโยชน์ แต่ประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นแล้วมันเป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่า หากเราจะสามารถขับเคลื่อนให้ประเทศพัฒนาไปในทางที่ดีได้”
![](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor3.jpg)
แฟนคลับ TVXQ! & JYJ & YUCHUN ชาวไทย
ถ้าการเมืองดี เราจะเข้าถึงศิลปะการบันเทิงได้ทุกแขนง
หลายคนอาจจะยังสังสัยว่าการเมืองเกี่ยวข้องกับการซัพพอร์ตศิลปิน การไปดูคอนเสิร์ต การไปแฟนมีตติ้งอย่างไร แฟนคลับ TVXQ! & JYJ & YUCHUN ชาวไทย ได้ตอบคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า แม้การดูคอนเสิร์ตจะเป็นเรื่องที่เหมือนจะไม่มีสาระสำหรับบางคน แต่มันสามารถขยายภาพการเมืองของประเทศนั้นๆ ได้ชัดเจน
“การเมืองมีผลกระทบโดยตรง เช่น ในปีนี้คอนเสิร์ตต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด หรือในอดีตตอนที่มีการยึดสนามบินก็ต้องเลื่อนคอนเสิร์ตเช่นกัน นอกจากนี้ การโกงบัตร การอัพราคาบัตรก็เป็นผลมาจากกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ดีพอและล้าหลัง ทำให้เม็ดเงินที่สูญหายไปไม่สามารถตรวจสอบ หรือดำเนินคดีเพื่อชดเชยได้ ถ้ารวมๆ กันบอกเลยว่าเยอะกว่าบริจาครวมกันทุกด้อมอีก แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลีเองบัตรคอนเสิร์ตจะไม่แพงเลย ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อศิลปะบันเทิงได้ทั่วถึง ซึ่งในตอนนี้เหตุผลที่ทำให้ทุกคน ทุกด้อม มารวมกันได้ก็เพราะเชื่อว่า ถ้าการเมืองดี บัตรคอนเสิร์ตจะไม่ใช่การเสียเงินที่มากเกินไป และรู้สึกปลอดภัยที่อำนาจนิติรัฐไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก และพร้อมปกป้องประชาชน”
สำหรับการบริจาคสนับสนุนการชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นสุดๆ ในรอบ 11 ปีของ แฟนคลับ TVXQ! & JYJ & YUCHUN ชาวไทย
“เหตุผลหลักเพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกชนชั้นในสังคม ไม่ว่าจะใคร เพศอะไร ศาสนาใด หรือแม้แต่ชาติใดก็ตาม ไม่ว่าอายุเท่าไร หน้าที่การงานเป็นแบบไหน ทุกคนคือคือมนุษย์เท่าเทียมกันที่ต้องเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน การกลับมารวมตัวเหล่าแฟนๆ ในรอบ 11 ปี เพื่อประชาธิปไตยเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมาก แม้กระทั่งเหล่าแฟนคลับอย่างพวกเราเอง กลุ่มแฟนคลับแบ่งออกเป็น 3 ด้อมหลักๆ แฟนคลับแต่ละกลุ่มก็จะมีการพบปะกันเป็นปกติอยู่แล้ว และจะมีการรวมกันของแฟนคลับทั้ง 3ด้อมในช่วงคอนเสิร์ต หรือ งานแฟนมีตติ้งต่างๆ และนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ที่เราทั้งสามด้อม คือ แคสสิโอเปีย, JYJ fans และ Blue Cielo (แฟนคลับยูชอน) มาร่วมมือกันและทำเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าเราจะมีประเด็นในด้อมที่ใหญ่กว่าแค่ไหน แต่เพื่อประชาชนทุกคนเราต้องหันมาร่วมมือกันก่อนถึงจะดีที่สุด”
นอกจากการบริจาคสมทบการชุมนุมแล้ว ที่ผ่านมากลุ่มแฟนคลับ TVXQ! & JYJ & YUCHUN ชาวไทย ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด เช่น วันครบรอบวันเกิด หรือ การฉลองคัมแบคมีคอนเสิร์ต ทั้งนี้ตัวศิลปินเองเมื่อมีภัยพิบัติอะไรก็จะบริจาคเงินส่วนตัวด้วยเสมอ
“อย่าง JYJ ก็เคยบริจาคให้ไทยตอนน้ำท่วมนะคะ ซึ่งการเห็นตัวอย่างจากศิลปินที่เราชื่นชอบ เรา ยิ่งมีกำลังใจ และพลังบวกที่จะส่งต่อให้สังคมเช่นกัน”
![](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor2.jpg)
SUJU Thailand Fanclub
If not me, then who? If not now then when?
“เมื่อก่อนเคยคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ตั้งแต่เด็กเราจะเห็นรุ่นพ่อ ที่สนใจข่าวการเมือง เราอยู่ในยุคนายกหลายคน ทันยุคเสื้อเหลือง เสื้อแดง แต่ทุกอย่างดูไกลตัวไปหมด อาจจะเพราะเด็กด้วยเลยไม่สนใจ แต่พอโตขึ้นได้รับรู้ข่าวสารมากขึ้น มีคนพูดเรื่องการเมืองให้เห็นภาพง่ายขึ้นว่าจริงๆ แล้วการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก เดินออกไปบนฟุตบาทพังๆ ก็เกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว เราเลยปรับมุมมองความคิด จากที่คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของคนแก่ หรือเรื่องไกลตัว…ไม่จริงเลย การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน #ถ้าการเมืองดี รัฐสวัสดิการจะดี เหมือนเวลาเราไปเที่ยวประเทศต่างๆ แล้วอิจฉาในรัฐสวัสดิการของเขา แล้วก็คิดว่าทำไมเราไม่มีแบบนั้นบ้าง ทั้งที่เราก็ทำงานเสียภาษี จ่าย vat ในสินค้าอยู่ทุกๆ วัน ทำไมการจัดสรรงบประมาณมันไม่สามารถทำให้รัฐสวัสดิการดีขึ้นได้แบบนั้นบ้าง”
นี่คือเสียงสะท้อนเรื่องการเมืองของSUJU Thailand Fanclub ซึ่งได้ย้ำว่าการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวแม้แต่น้องวัยมัธยมในด้อมก็ยังหยิบยกเรื่องการศึกษาในประเทศไทยมาพูดกันในกลุ่ม
“เด็กที่สุดที่เราเห็นน่าจะเป็นน้องวัยมัธยม เขาพูดเรื่องการศึกษาในประเทศไทย ความเหลื่อมล้ำ กับหลักสูตรที่ล้าหลังในบางเรื่อง ความไม่เท่าเทียม ความไม่สมเหตุสมผลของระบบการศึกษา ทำให้นักเรียนไทยต้องไปเรียนพิเศษ เพื่อให้ทำข้อสอบเข้ามหาลัยได้คะแนนสูงๆ เขามีความเชื่อว่าถ้าการศึกษาดี เราอาจจะไม่ต้องส่งลูกหลานไปเรียนพิเศษวันละหลายๆ ชั่วโมงแบบนี้ก็ได้ ทำให้เด็กมีโอกาสค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ในปัจจุบันกลายเป็นว่าหลังเลิกเรียนต้องไปเรียนพิเศษ เสียโอกาสในการใช้ชีวิตมัธยมไป”
นอกจากจะเป็นตัวกลางเปิดโดเนทรวบรวมเพื่อช่วยเหลือศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนในนามเอลฟ์ (E.L.F ) ไทยแล้ว ที่ผ่านมากลุ่มแฟนคลับ Super Junior ยังเคยรวบรวมเงินช่วยซื้อเสื้อเกราะเพื่อทหารชายแดนใต้ บริจาคเงินช่วยเหลือสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย และมีรวบรวมเงินไปทำบุญตามสถานสงเคราะห์อีกด้วย
“ในช่วงก่อนหน้านี้มีการนัดพบปะกันทั่วไป แต่ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกัน แต่การนัดพบกันหลังจากนี้คิดว่าอาจมีการคุยเรื่องการเมืองกันมากขึ้น เพราะมีความสนใจเรื่องการเมืองและอนาคตประเทศกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ถามว่าเหนื่อยไหม เรียนก็ต้องเรียน งานก็ต้องทำ ศิลปินก็ต้องซัพพอร์ต และการเมืองก็ต้องสนใจ ตอบได้เลยว่าเหนื่อย เหนื่อยมาก ปกติชีวิตก็ยากอยู่แล้วที่ต้องบาลานซ์งานกับติ่ง ตอนนี้ต้องเพิ่มการเมืองเข้ามาอีก แต่ถามว่าจะหยุด จะเลิกสนใจไหมก็คงไม่ได้ เพราะเราตระหนักรับรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ถ้าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็จะส่งผลต่ออนาคตของเรา ส่งผลต่อความเจริญของประเทศเรา If not me, then who? If not now, then when? ”
![](https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/11/demor7.jpg)
แฟนคลับหวังอี้ป๋อ และ เซียวจ้าน
ทวิตเตอร์ Privilege ในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล
ปิดท้ายด้วยแฟนคลับจากบ้านจีนหวังอี้ป๋อ และ เซียวจ้าน ซึ่งแม้จะถูกตั้งคำถามเรื่องนโยบาย One China แต่พวกเขาก็ยังคงยืนยันที่จะออกมาพูดเรื่องการเมือง และขอมีส่วนเรื่องกับเรื่องการเมืองไทยเช่นกัน
“วันที่เปิดโดเนทวันแรกๆ คือเรา น้องสองคน และเพื่อนอีกหนึ่งคนก็คุยกันว่าทำอย่างไรถึงจะออกมาดีที่สุด รัดกุม และก็ปลอดภัยกับตัวเองที่สุด เราก็สอบถามแฟนคลับทั้งหมดหน้าทวิตเตอร์ว่าใครอยากจะร่วม เราเป็นสื่อกลางได้นะ และผลออกมาว่าหลายคนอยากจะร่วม เราก็เลยโอเค เราขอทำข้อมูล ทำทุกอย่างให้มันโปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่ก็อาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้ง DM มาว่า ทวิตหน้าไทม์ไลน์ บอกว่า มีถึงขั้นบอกว่าด้อมจีน One China มาทำอย่างนี้หรอ หรือทำไมต้องใช้ชื่อแฟนคลับหวังอี้ป๋อกับเซียวจ้านด้วย ทำไมต้องเอาน้องไปเกี่ยวข้องกับการเมือง น้องอยู่คนละประเทศ เขาไม่ได้สัมผัสแบบเรา เขาไม่รู้หรอก เราบอกว่าเราไม่ได้ทำในนามอี้ป๋อกับเซียวจ้าน เราทำในฐานะแฟนคลับชาวไทย และประชาชนคนไทย มันไม่ได้มีผลกระทบตรงนี้เลย”
อีกประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไมแฟนคลับบ้านจีนถึงต้องออกมาพูดคุยเรื่องการเมือง ตัวแทนแฟนคลับหวังอี้ป๋อ และ เซียวจ้านบอกกับเราว่า ในเมื่อพวกเขาได้อภิสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูล พวกเขาจึงขอใช้อภิสิทธิ์นี้ในการถ่ายทอดข้อมูลที่พวกเขาศึกษามา
“ที่เขาพูดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน เราอยู่ในประเทศที่มันต้องพัฒนาหลายอย่าง แต่หลายอย่างกลับไม่พัฒนา เพราะเรามีการเมืองมากดทับไว้ เราในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นชนชั้นกลางไปถึงชนชั้นล่างเราจะเห็นความเหลื่อมล้ำตรงนี้ได้ชัดเจนมาก และยิ่งเป็นแฟนคลับจีน เกาหลี เราเล่นทวิตเตอร์ นั่นแปลว่าเรามีพรีวิลเลจ (privilege) อย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่ต่างประเทศเขามี พรีวิลเลจนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนไทยทั้งประเทศจะมีได้ มันคือความพรีวิลเลจที่คนไทยหลายคนไม่สามารถเข้าถึงได้ เขาไม่มีเวลามานั่งไถทวิตเตอร์เพราะเขาต้องทำงานอย่างหนัก อินเตอร์เน็ตไม่ได้ครอบคลุมในทุกพื้นที่
“เราเล่นทวิตเตอร์ได้แปลว่าเรามีพรีวิลเลจอย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่ต่างประเทศเขามี และตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงไม่มี ทั้งๆ ที่หลายๆ อย่างเป็นสิ่งที่ควรจะมีได้เหมือนกัน เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว เราก็เลยศึกษามากขึ้น ได้เห็นกว้างขึ้น และเริ่มเห็นว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว มันไม่ใช่เพื่อตัวเราอย่างเดียว ไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่ให้สิ่งที่เราทำวันนี้ยกพื้นฐานคุณภาพชีวิตของทุกคนในประเทศ ให้มันดีขึ้น ไม่ใช่เฉพาะติ่งเกาหลี ติ่งจีน แต่มันเพื่อทุกคน มันไม่ได้ทำเพื่อได้วันนี้ แต่ทำเพื่อให้ได้ตลอดไปในอนาคต”
ตัวแทนจากแฟนคลับหวังอี้ป๋อ และ เซียวจ้าน บอกกับเราว่าในช่วงที่ผ่านมาการเมืองเป็นอีกเรื่องที่กลุ่มแฟนคลับหยิบมาคุยกันในแทบทุกการนัดมีตติ้ง
“เราอาจจะไม่ได้คุยกันแบบวิชาการมาก ก็จะคุยกันเรื่องสถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นอยู่ พูดเรื่องที่เราพบเจอจริงๆ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า การเมืองมันหนีไม่พ้นเรื่องในชีวิตประจำวัน เราแค่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ตอนนี้มันจะเหนื่อย แต่ผลลัพธ์มันต้องดีแน่นอน ไม่ได้มองแบบโลกสวยนะ แต่ถ้าการเมืองโอเค มันอาจจะไม่ได้ยกระดับเราภายในปี สองปี แต่มันอาจจะต้องรอเป็น 10 ปี 20 ปี แต่มันคุ้ม เราก็ไม่เหนื่อยหรอกแค่นี้ เราตามศิลปินมาตั้งกี่ปีเรายังทำได้เลย เราเลยใช้แพชชั่นตรงนี้ตามศิลปินด้วย เรียกร้องการเมืองด้วยไม่ใช่เรื่องยาก”
** หมายเหตุ : ภาพประกอบเป็นเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวกับภาพแฟนคลับแต่ละศิลปินแต่อย่างใด
![](/wp-content/uploads/2019/12/logo-greyscale-1.png)