ปักหมุด 3 คาเฟ่ Specialty Coffee พิกัด สยามดิสคัฟเวอรี
Lite

ปักหมุด 3 คาเฟ่ Specialty Coffee พิกัด สยามดิสคัฟเวอรี

Focus
  • กาแฟชนิดซิงเกิลออริจิน (Single Origin) หมายถึง กาแฟจากแหล่งปลูกเดียวกัน ไร่เดียวกัน เมืองเดียวกัน ประเทศเดียวกัน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรสชาติและคุณภาพ
  • Specialty Coffee หรือ กาแฟชนิดพิเศษ เป็นเมล็ดกาแฟที่ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ ร้านกาแฟแบบ Specialty Coffee จึงต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกกาแฟ  คัดเลือกเมล็ด ไปจนถึงการคั่ว และเครื่องมือในการสกัดกาแฟออกมา

เดี๋ยวนี้การดื่มกาแฟ หรือการเลือกคาเฟ่ ไม่ได้มีเหตุผลเพราะร้านสวยบรรยากาศน่านั่งเท่านั้น แต่ Specialty Coffee หรือ กาแฟชนิดพิเศษ คืออีกเหตุผลที่ดึงดูดให้คนรักกาแฟตัวจริงมุ่งตรงเข้าไป ซึ่งคาเฟ่ประเภท Specialty Coffee ที่ว่านี้เขาจะให้ความสำคัญกับเมล็ดกาแฟเป็นหลัก โดยเฉพาะ กาแฟชนิดซิงเกิลออริจิน (Single Origin) จากแหล่งปลูกเดียวกัน หมายถึงไร่เดียวกัน เมืองเดียวกัน ประเทศเดียวกัน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรสชาติและคุณภาพ นอกจากนี้แต่ละร้านยังมีลูกเล่นที่เครื่องมือสกัดกาแฟ ซึ่งไม่ได้ใช้เพียง Espresso Machine เท่านั้น 

Sarakadee Lite ขอเอาใจสาย Specialty Coffee กันสักหน่อย กับ 3 พิกัด คาเฟ่ Specialty Coffee ใจกลางกรุงในสถานที่ที่คุ้นเคยอย่าง Siam Discovery The Exploratorium 

Pour Over Lab

ห้องแล็บกาแฟที่เพิ่งเปิดทำการเมื่อราวต้นปี ตั้งอยู่ชั้น 1 ภายในมัลติแบรนด์สโตร์อย่าง Cazh แค่มองเห็นจากหน้าร้านก็ปิ๊งแล้วด้วยโทนสีขาวดูสะอาดตา โปร่งโล่งด้วยกระจกบานใหญ่ และอัดแน่นด้วยอุปกรณ์ทำกาแฟแบบจัดเต็ม ด้วยความตั้งใจของ ปาณิสรา เอี่ยมโหมด เจ้าของร้าน 

Specialty Coffee

“ตอนที่เราคิดร้านนี้ขึ้นมาเราก็นึกกันว่าอะไรที่จะเอามาประยุกต์ใช้กับกาแฟได้ เราเลยคิดว่าการนำวิทยาศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้กับกาแฟและเมนูต่างๆ น่าจะดี เพราะทุกเมนูมีการคิดค้น มีการวิจัยและการทดลอง เพื่อให้ได้เมนูทั้งหมดของร้านที่ทำออกมา คอนเซ็ปต์ของร้าน รวมถึงการตกแต่งเลยเป็นเหมือนห้องแล็บวิทยาศาสตร์” 

เมล็ดกาแฟของทางร้านมีให้เลือกหลากหลาย โดยส่วนใหญ่ที่ Pour Over Lab มีจะเป็นเมล็ดกาแฟนำเข้าที่ทางร้านนำมาคั่วเอง ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งแบบ Single Origin จากแหล่งปลูกเดียว หรือหากลูกค้าอยากลองเบลนด์เอง เป็นกลิ่นเฉพาะ รสเฉพาะของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน 

Specialty Coffee

เรื่องอุปกรณ์ ถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของ Pour Over Lab ที่นี่ไม่มี Espresso Machine แต่มีดริปเปอร์แบบต่าง ๆ รวมทั้ง Syphon, Chemex, Delter Press และ French Press ไฮไลต์เลยคือเครื่อง One Dutch ที่ปาณิสราบอกกับเราว่าที่นี่เป็นเครื่องแรกในประเทศไทย

“One Dutch เป็นเครื่องทำ Cold Drip แบบออโตความพิเศษของเครื่องนี้จะย่นระยะเวลาในการทำ Cold Drip ให้เร็วขึ้น ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาน 2 วัน แต่เครื่องนี้จะใช้เวลาในการทำอยู่ที่ 8 ชั่วโมงก็จะได้ออกมา 1 ขวด เฉลี่ยอยู่ที่ขวดละประมาน 1 ลิตร ใน 1 ครั้งเราจะได้กาแฟทั้งหมด 8 ตัว ที่จะดึงมาเป็นกาแฟซิกเนเจอร์ของร้าน”

Specialty Coffee

ซิกเนเจอร์เมนูที่เราขอเทคะแนนใจให้เลยคือเมนูที่มีส่วนผสมของส้มยูซุอย่าง Orenji Dutch ที่หยิบกาแฟ Cold Drip มามิกซ์กับความหอมสดชื่นของส้มยูซุ เสิร์ฟมาในน้ำแข็งก้อนกลม ให้ความรู้สึกเฟรช และในช่วงนี้ Pour Over Lab เขามีเมนูพิเศษอย่าง Tiramisu Dutch ซึ่งเป็นเมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทีรามิสุสูตรดั้งเดิมจากอิตาลี เราเลิฟมากเช่นกัน

Brave Roasters

สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานนอกสถานที่ดูบ้าง บรรยากาศสบาย ๆ ในธีม Monster ของร้าน Brave Roasters ชั้น 3 ที่ตั้งใจออกแบบให้เป็นเหมือนจุดพักท่ามกลางความวุ่นวาย เหมาะเจาะที่สุด ยิ่งช่วงนี้มีเมนูใหม่ที่จะเสิร์ฟแบบสเปเชียลเฉพาะในเดือนสิงหาคมถึงกันยายน อย่าง แอปเปิลครัมเบิล (Apple Crumble) ด้วยแล้วยิ่งช่วยเพิ่มพลังความสร้างสรรค์ให้กับการทำงานได้เป็นอย่างดี

Specialty Coffee

“ปกติเราจะมีการนำเสนอเมนูใหม่ในทุก ๆ สองเดือน เมนูของเดือนสิงหาคมนี้เราได้แรงบันดาลใจมาจากขนมเค้กที่ทำมาจากผลไม้ เป็นเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแอปเปิลครัมเบิลโดยจะมีส่วนผสมเป็นซอสแอปเปิล ซินนามอน และตัวกาแฟเราใช้ Cold Brew Concentrated ของที่ร้าน ซึ่งเป็นกาแฟคั่วเข้ม ด้านบนท็อปด้วยซอสวานิลลา ครัมเบิลและแอปเปิลอบแห้ง แนะนำให้ยกดื่มเพราะจะได้สัมผัสตั้งแต่วานิลลา ไล่ขึ้นมาเป็นตัวซอสแอปเปิล และกาแฟ” เมทินี หอมจันทร์ ผู้จัดการร้าน Brave Roasters สาขาสยามดิสคัฟเวอรีอธิบายถึงเมนูใหม่ซึ่งมีเบสจาก Cold Brew Concentrated ที่ขายดีมาก ๆ ในช่วงเก็บกักตัวตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา

Specialty Coffee

เค้กมะพร้าว เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มาเสริมทัพในช่วงนี้ กับความนุ่มของเนื้อเค้กสปันจ์ที่เล่นเลเยอร์ด้วยการแทรกชั้นครีมและเนื้อมะพร้าว ก่อนจะ On Top ด้วยเจลมะพร้าวกับความกุ๊กกิ๊กของดอกไม้กินได้ และสำหรับใครที่มีใจรักชาเขียวเป็นทุนเดิม มัทฉะชีสเค้ก ที่ทางร้านใช้ผงมัทฉะคุณภาพดีจาก Niko Neko น่าจะได้คะแนนไป ไม่ว่าจะหิ้วโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งทำงานกับกาแฟแก้วโปรด หรือนั่งพักมองรถไฟฟ้าผ่านไปมาจากหน้าต่างบานใหญ่ กับเมนูโซดาสีสันสดใสอย่าง Lavender Honey Lemon ก็ชิลไปอีกแบบ

Red Diamond

ลงมาที่ชั้น G กับ Red Diamond ด้วยบรรยากาศของร้านที่คุมโทนดิบๆ เท่ๆ กับการตกแต่งที่มีกลิ่นอายแบบอินดัสเทรียลลอฟต์ ที่ กรรัก หม้อสุวรรณ ผู้จัดการร้าน Red Diamond สาขาสยามดิสคัฟเวอรี บอกเล่ากับเราว่า Red Diamond อยากให้เป็นเหมือนคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ที่ลูกค้าสามารถมาแลกเปลี่ยนเรื่องกาแฟ รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันกับบาริสต้าได้ ในบรรยากาศสนุกสนาน

Specialty Coffee

“จุดเริ่มต้นของ Red diamond เราเปิดสาขาแรกตั้งแต่พ.ศ. 2560 เป็นร้านกาแฟสแตนด์อโลนตั้งอยู่แถวเลียบทางด่วน เริ่มต้นจากกลุ่มคนที่มีแพสชั่นในการทำกาแฟมารวมตัวกัน สไตล์ของร้านจะเป็นบาร์โอเพ่นให้ลูกค้าได้เห็นขั้นตอนกระบวนการทำของบาริสต้า และสามารถคุยกับบาริสต้าได้ระหว่างการชง เพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเรื่องกาแฟ เรามีการเปิดเพลงที่เสียงดังหน่อย อยากให้ลูกค้ามาแลกเปลี่ยนเรื่องกาแฟในฟีลที่สนุกสนาน” 

Specialty Coffee

นอกจาก Red Diamond จะมีเมล็ดกาแฟให้เลือกลองจากแหล่งปลูกทั่วทุกมุมโลกแล้ว กรรักยังบอกเล่าถึงความจริงจังของที่นี่อีกด้วยว่า บาริสต้าทุกคนไม่ว่าจะมีหรือไม่มีประสบการณ์ต้องผ่านการเทรนด์มาก่อน ซึ่งเสมือนการเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ตั้งแต่การเป็นเซอร์วิส Bar Back กว่าจะผ่านมาเป็นบาริสต้าชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้ หากสังเกตถุงมือสีดำที่บาริสต้าสวม กรรักกล่าวว่าเหมือนเป็นกิมมิกที่บ่งบอกว่าบาริสต้าคนนี้ผ่านการเทรนด์มาแล้ว

Specialty Coffee

เมนูติดอันดับยอดนิยมของ Red Diamond หนีไม่พ้น เอสเปรสโซและลาเต้ แต่จุดเด่นคือเมล็ดกาแฟแบบเฮาส์เบลนด์ของทางร้านที่มีให้เลือกระดับการคั่วตั้งแต่แบบไลต์ในชื่อเบลนด์ Red Diamond ไล่ไปถึง Black Diamond ระดับไลต์ทูมีเดียม, God Father ระดับมีเดียมและแบบ Dark Roasted ที่มีชื่อเบลนด์ว่า Old School กรรักกล่าวว่าที่พอปพิวลาร์ที่สุดจะเป็น God Father เพราะคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ด้วยความที่ไม่ได้เปรี้ยวโดดหรือเข้มจัด สายฟรุตตี้จะเหมาะกับ Red Diamond ส่วนใครที่ชอบกาแฟรสเข้มแนะนำ Old School จากเมล็ดกาแฟไทย ลาวที่จะมีความ Smoke นิด ๆ  

เมล็ดกาแฟฟิลเตอร์ ก็จะเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของร้านที่จะมีความหลากหลาย อย่างเช่นเมล็ดกาแฟบราซิล คอสตาริกาหรือปานามา ชอบแบบไหน สามารถขอคำแนะนำในการเลือกเมนูและเมล็ดกาแฟตามความต้องการได้เลย จริงจังแค่ไหนดูจากสาขาที่ขยายไปแล้วถึง 13 ที่ รวมประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว 3 สาขา ก็น่าจะยืนยันความเป็นตัวจริงเสียงจริงของ Red Diamond ได้เป็นอย่างดี

เรียกว่าเป็นหมุดหมายใจกลางกรุงที่เหมาะกับการฮอปปิ้งโดยไม่ต้องโยกย้ายไปไหนกันมาก เพราะ สยามดิสคัฟเวอรี เขารวมไว้ให้แล้วแบบไม่ซ้ำ ซึ่งแต่ละร้านมีทั้งคาแรกเตอร์ และจุดเด่นของเมนูที่ต่างกัน ใครชอบแบบไหนจิ้มร้านนั้น หรือจะชวนเดอะแก๊งตะลุยความสโลว์ไลฟ์จากสามร้านในวันเดียวเลยก็ได้ไม่ว่ากัน

Fact File


Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ

Photographer

ชัชวาล จักษุวงค์
เคยเป็นนักรีวิว gadget มานานหลายปี ตอนนี้หันมาเอาดีด้านงานถ่ายภาพ ถนัดงานด้านการบันทึกภาพวิถีชีวิตผู้คนและสายการเดินทางท่องเที่ยว