ทิพย์รส ไอศกรีมไทยอายุ 50 ปี ที่ยืนยันส่งต่อความหวานเย็น ฝ่าวิกฤติ COVID-19
Brand Story

ทิพย์รส ไอศกรีมไทยอายุ 50 ปี ที่ยืนยันส่งต่อความหวานเย็น ฝ่าวิกฤติ COVID-19

Focus
  • แม้ว่าหน้าร้อนจะเคยเป็นช่วงพีคของการขายไอศกรีม แต่ ทิพย์รส แบรนด์ไอศกรีมไทยอายุ 50 ปี กำลังเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ยอดขายลดลงฮวบฮาบ หลังจากประสบความสำเร็จจากการรีแบรนด์เมื่อปีที่ผ่านมา
  • ทิพย์รส เปิดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นโดยมีไอศกรีมกะทิรวมมิตรและทุเรียนซึ่งเป็นรสชาติเด่นของร้านมายาวนานเป็นตัวชูโรงสำหรับเซตดีลิเวอรี

ไอศกรีมกับหน้าร้อนมักเป็นของคู่กัน แต่ในยามวิกฤติการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่ผู้คนต้องเก็บตัวอยู่บ้าน ร้านไอศกรีมให้บริการได้แต่เฉพาะซื้อกลับบ้าน และผู้คนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย การซื้อไอศกรีมสักหนึ่งลูกกินให้ชื่นใจและดับร้อนอาจไม่ใช่เรื่องที่หลายคนจะควักจ่ายได้ง่ายๆ เหมือนอย่างเคย 

“ในภาวะที่คนต้องประหยัด เก็บตัวอยู่บ้าน เขาก็ต้องเลือกกินข้าวผัดกะเพราก่อนเลือกซื้อไอศกรีมเพราะไอศกรีมเป็นของเสริม ถ้าเราขายอาหารเบสิกเราอาจจะได้รับผลกระทบน้อยหน่อย เราหนักแต่ยังไม่หนักสุดเพราะร้านที่ขายเอกซ์พีเรียนซ์ นั่งดื่ม ฟังเพลงน่าจะสาหัสกว่า” พรชนก ปัญญาพรวิทยา หนึ่งในหุ้นส่วนร้านไอศกรีมทิพย์รส ย่านเตาปูนในกรุงเทพฯ ที่เปิดบริการมานานถึง 50 ปี กล่าวถึงภาวะวิกฤติของโรคระบาดและเศรษฐกิจตกต่ำ

ทิพย์รส
ไอศกรีมกะทิทรงเครื่องพร้อมเครื่องเคียง เมนูเด็ดของร้าน

ทิพย์รส เปิดบริการเพียงสาขาเดียวในซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 2 ใกล้กับตลาดเตาปูนและสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน และเพิ่งรีแบรนด์เมื่อปีที่แล้วให้มีความร่วมสมัยมากขึ้นโดยทายาทรุ่นที่ 3 เสาวลักษณ์ โสภณธนวัฒน์ และเพื่อนหุ้นส่วนอีก 6 คน นอกจากรสชาติเอกลักษณ์ดั้งเดิม 18 รสชาติที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนาน เช่น กะทิรวมมิตร ทุเรียน ชาเย็น งาดำ แมงลัก และนมสด กลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ยังต่อยอดนำรสชาติเหล่านี้มาผสมผสานอย่างลงตัวกับขนมไทยหลายชนิด เช่น ขนมปลากริมไข่เต่า และขนมถังแตก เกิดเป็นเมนูใหม่ด้วยไอศกรีมรสชาติดี รสสัมผัสหลากหลายและพรีเซนเทชันสวยงามอย่างไฟน์ไดน์นิ่งจำนวน 10 รายการในชื่อ ทิพย์รส อะเมซิ่ง เมนู (Thipparot Amazing Menu)

ทิพย์รส
ทิพย์รส
เมนูใหม่เช่น ถังทองและปลากริมไข่เต่ากะทิหอมที่ใช้เป็นกลยุทธ์ในช่วงรีแบรนด์เมื่อปีที่แล้วต้องพับเก็บไปเมื่อไม่สามารถให้บริการนั่งกินที่ร้านได้

ทิพย์รส อะเมซิ่ง เมนู เปิดตัวเมื่อกลางปีที่แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งลูกค้าเก่าและใหม่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ร้านขนาด 40 ที่นั่งที่รีโนเวตโดนจับจองเต็มโดยเฉพาะช่วงเที่ยงของวันธรรมดาและตลอดทั้งวันในวันหยุด แต่เมื่อมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่สามารถให้บริการนั่งกินที่ร้านได้ ทางทิพย์รสต้องปรับตัวเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์มากขึ้นนอกเหนือจากการขายแบบซื้อกลับบ้านที่ร้าน ผ่านทาง line @thipparot, Facebook: ไอศกรีมทิพย์รส หรือโทรสั่งโดยตรงที่ร้าน

ไอศกรีมทุเรียนทำจากทุเรียนหมอนทองสด

“รายได้ลดลง ในภาวะนี้ยากที่จะมีกำไร เราพยายามประคองไม่ให้เจ็บหนักและไม่ทอดทิ้งพนักงานเรากว่า 20 ชีวิต ไอศกรีมในรายการ ทิพย์รส อะเมซิ่ง เมนู ที่เป็นกลยุทธ์ใหม่ของเราก็ไม่สามารถขายแบบซื้อกลับบ้านได้ จึงคงเหลือแต่ 18 รสชาติดั้งเดิมของเราที่สามารถขายได้ นอกจากนี้ไอศกรีมที่เคยมีออเดอร์ประจำส่งตามร้านอาหารต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ก็ไม่มีแล้ว” พรชนก ผู้ดูแลด้านการตลาดกล่าว

ปลอบประโลมใจด้วยไอศกรีมเย็นๆ สักลูก

ไอศกรีมเย็นๆ รสชาติอร่อยๆ สักลูกอาจช่วยให้จิตใจชุ่มชื่นขึ้นบ้าง แม้ประสบปัญหาทางธุรกิจ แต่ทางแบรนด์ยืนยันในคุณภาพของวัตถุดิบที่เลือกใช้และคงรสชาติแบบดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยน เช่น ไอศกรีมกะทิรวมมิตรใช้กะทิคั้นสดแบบคั้นวันนั้นปั่นวันนั้น ไม่มีค้างคืน เพื่อให้รสชาติมัน หอม สดใหม่ ส่วนไอศกรีมทุเรียนทำจากเนื้อทุเรียนหมอนทองสดจริงๆ ไม่แต่งกลิ่นเพิ่มหรือไอศกรีมรสชาเย็นทำจากการชงใบชาจริงๆ ไม่ใช้ผงชาหรือแต่งรสเพิ่ม

เซตกะทิทรงเครื่อง และเซตข้าวเหนียวทุเรียนสำหรับดีลิเวอรี

ทางร้านจึงนำไอศกรีมกะทิรวมมิตรและทุเรียนซึ่งเป็น 2 รสชาติที่ขายดีที่สุดมาจัดเป็นเซตสำหรับดีลิเวอรีในราคาเซตละ 199 บาท (สำหรับกิน 2-3 คน) เซตกะทิทรงเครื่องมาพร้อมกับไอศกรีมกะทิทรงเครื่องบรรจุในกล่องขนาด 500 มิลลิลิตรและเครื่องเคียงอีก 12 อย่าง เช่น ลูกชิด ถั่วลิสง เม็ดบัว เยลลี่ แปะก๊วย ซอสสตรอว์เบอร์รี ซอสช็อกโกแลต ฯลฯ หรือจะเลือกเป็นเซตข้าวเหนียวทุเรียนที่เสิร์ฟไอศกรีมทุเรียนในกล่องขนาดเดียวกัน พร้อมข้าวเหนียวมูนมะพร้าวขูดสดและซอสกะทิ

หากอยากลองหลายๆ รสชาติจาก 18 รสที่มีให้เลือก สามารถเลือกสั่งได้ในราคาลูกละ 30 บาท (ยกเว้นทุเรียน 40 บาท) และโปรโมชั่นตอนนี้ซื้อ 10 แถม 2 หรือจะซื้อเป็นกล่องขนาด 500 มิลลิลิตร (ตักแบ่งได้ประมาณ 5-6 ลูก)ในราคา 100 บาท (ยกเว้นทุเรียน 150 บาท) มาพร้อมโปรโมชั่นซื้อ 3 แถม 1 นอกจากนี้ยังเสริมความอร่อยด้วยท็อปปิ้ง เช่น ลูกชิด ข้าวเหนียวมูนมะม่วงเชื่อม ถั่วลิสง และเยลลี่โบราณ ในราคากล่องละ 20 บาท

ไอศกรีมทุกรสชาติต้องลดปริมาณการผลิตลง แต่พรชนกยืนยันว่าทางแบรนด์ยังคงมาตรฐานความสดใหม่คือปกติปั่นไอศกรีมทุก 3 วันก็ยังคงปั่นตามแบบเดิมเพียงแต่ลดปริมาณลงและไม่ผลิตเป็นลอตใหญ่

บรรยากาศร้านที่เปิดเฉพาะบริการซื้อกลับบ้านและดีลิเวอรี

“ตัวไอศกรีมของ ทิพย์รส ข้อดีคือมั่นใจได้ในรสชาติ แต่จุดอ่อนคือเก็บได้ไม่นาน ละลายเร็ว เพราะเราไม่ใช้สารช่วยคงตัว ไม่ใช้วัตถุกันเสีย ถ้าซื้อกลับบ้านอย่าเก็บไว้นานเพราะไอศกรีมจะโดนความเย็นกัด สีและเท็กเจอร์จะเปลี่ยน ไอศกรีมของเราเก็บได้ไม่ควรเกิน 3 สัปดาห์ แต่เป็นข้อดีคือผู้บริโภคได้กินไอศกรีมโฮมเมดสดๆ ที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่มีสารคงตัว” เสาวลักษณ์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของทิพย์รสกล่าวถึงจุดแข็งและจุดอ่อนที่ดีกับผู้บริโภค

ตำนานความอร่อย 50 ปี

ร้านไอศกรีมทิพย์รสอยู่คู่กับย่านเตาปูนมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2513 เริ่มจากห้องแถวหนึ่งห้องริมถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ฝั่งตรงข้ามกับร้านปัจจุบัน โดยคุณตาของเสาวลักษณ์ซึ่งเป็นคนชอบทำอาหารและทำขนม จึงเริ่มคิดค้นสูตรไอศกรีมด้วยตัวเองเพราะในสมัยนั้นยังไม่ค่อยมีคนทำ

“สมัยนั้นสะกดชื่อร้านด้วยคำว่า ‘ไอสครีมทิพย์รส’ รสชาติที่ทำขายครั้งแรก คือ กะทิรวมมิตร เผือก และกะทิแมงลัก ประกอบกับเมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้วยังไม่มีร้านไอศกรีมมากมายเท่าทุกวันนี้พอเปิดหน้าร้าน คนก็มาเองโดยไม่ต้องโปรโมตเลย ประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย พอเข้าปีที่ 2 ร้านมีชื่อเสียงมากขึ้นจากปากต่อปาก ทำให้ช่วงเทศกาลไม่ว่าจะสงกรานต์ ปีใหม่ หรือตรุษจีน คนต่อคิวซื้อ ถึงแม้ไอศกรีมยังไม่แข็งตัวดีก็ขอเอากลับบ้านไปแช่ช่องฟรีซต่อเอง แพ็กเกจยังไม่มีอะไร แค่ใส่ถุงพลาสติกแบบถุงแกง มัดปากถุงแล้วห่อหนังสือพิมพ์กลับบ้าน” เสาวลักษณ์เล่าถึงประวัติของแบรนด์ประกอบภาพถ่ายขาวดำของร้านเมื่อ 50 ปีที่แล้วที่นำติดโชว์ในร้านปัจจุบัน

เมื่อห้องแถวห้องเดียวไม่สามารถรองรับลูกค้าได้พอเพียง ร้านจึงขยับขยายมาเป็นห้องแถวขนาด 3 ห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามและเพิ่มเมนูเค้กโฮมเมดชิ้นย่อม เช่น เค้กมะพร้าว เค้กวานิลลา และ เค้กกล้วยหอม ร้านย้ายทำเลอีกครั้งโดยขยับเข้ามาอยู่ในซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านปัจจุบัน โดยมีน้าชายของเสาวลักษณ์เป็นผู้บริหารรุ่นที่สองและเพิ่มรสชาติไอศกรีมใหม่ๆ เข้ามาจนกลายเป็น 18 รสชาติดั้งเดิมของ ทิพย์รส มาจนทุกวันนี้

เสาวลักษณ์ บันฑิตคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สานต่อกิจการเป็นรุ่นที่ 3 และชักชวนเพื่อนอีก 6 คนมาร่วมต่อยอดและรีแบรนด์ให้เป็น ไอศกรีมเรสเตอรองต์ ของคนไทยอย่างแท้จริงและประสบความสำเร็จเมื่อเปิดตัวปีที่แล้ว แต่วิกฤติโควิด-19 กลายเป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทายของกลุ่มผู้บริหารยุคใหม่ว่าจะนำพาแบรนด์ในตำนานก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างไร

Fact File

  • ร้านไอศกรีมทิพย์รส ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 2 (เข้าซอยประมาณ 30 เมตร อยู่ซ้ายมือ) ใกล้กับตลาดเตาปูนและสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน
  • สั่งซื้อออนไลน์ที่ Line @thipparot, Facebook: ไอศกรีมทิพย์รส หรือ โทร. 0-2585-0415 
  • เครดิตภาพ: ไอศกรีมทิพย์รส

Author

เกษศิรินทร์ ผลธรรมปาลิต
Feature Editor ประจำ Sarakadee Lite อดีต บรรณาธิการข่าวไลฟ์สไตล์ Nation ผู้นิยมคลุกวงในแวดวงศิลปวัฒนธรรมจนได้ขุดเรื่องซีฟๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอ