Thai Taste Therapy กินอาหารไทยให้เป็นยา มากกว่ารสชาติคือการผลักดันประโยชน์อาหารไทยสู่ครัวโลก
Better Living

Thai Taste Therapy กินอาหารไทยให้เป็นยา มากกว่ารสชาติคือการผลักดันประโยชน์อาหารไทยสู่ครัวโลก

Focus
  • Thai Taste Therapy คือโครงการความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อผลักดันคุณประโยชน์ของวัตถุดิบและสมุนไพรพื้นบ้านไทยนอกเหนือจากเรื่องรสอร่อยและความพิถีพิถัน
  • เว็บไซต์ www.thaitastetherapy.com นำเสนอประโยชน์ของวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ และวิธีการทำอาหารกว่า 50 เมนูโดยแบ่งเป็นเมนูเสริมภูมิต้านทาน เมนูจากกัญชาและเมนูสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
  • โครงการยังได้จับมือกับเชฟชื่อดัง เช่น เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ แห่งร้าน Blue Elephant 7 และ เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล เจ้าของร้านผัดไทยไฟทะลุ เพื่อนำเสนอเมนูพิเศษให้สามารถกดสั่งส่งถึงบ้านได้เลย

“อาหารไทย เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ใจความสำคัญของ Thai Taste Therapy โครงการที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมและพาร์ตเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมกันผลักดันประโยชน์ของวัตถุดิบและสมุนไพรพื้นบ้านนอกเหนือจากเรื่องรสอร่อยและความพิถีพิถัน

นอกจากเทรนด์สุขภาพที่คนหันมาใส่ใจเรื่องการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันที่เรายังต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคระบาด ทำให้สมุนไพรไทยเป็นอีกทางเลือกของวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมมากขึ้นและที่กำลังฮอตฮิตคือ ใบกัญชา ที่มีสารซีบีดี (CBD: Cannabidiol) ซึ่งช่วยลดการอักเสบลดอาการชักเกร็งและมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอก และ กระชายขาว ซึ่งมีสารพิโนสโตบิน (Pinostrobin) และแพนดูราทินเอ (Panduratin A) ที่จากผลวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่ามีสรรพคุณต้านเชื้อไวรัสโควิด-19  

แม้แต่สมุนไพรที่อยู่ในเมนูคุ้นเคยอย่าง กะเพรา ก็มีสารโอเรียนทิน (Orientin) ที่มีคุณสมบัติด้านการป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ ส่วนประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ในเมนูอาหารไทยรสจัดจ้านอย่าง พริก ก็มีประโยชน์จากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่ช่วยลดไขมันในเลือดได้

Thai Taste Therapy

Thai Taste Therapy จึงเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเลือกกินอาหารที่ดีจากเมนูที่มีส่วนประกอบของวัตถุดิบสมุนไพรไทยโดยนำเสนอเมนูอาหารไทยกว่า 50 จาน ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaitastetherapy.com โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักคือ เมนูเสริมภูมิต้านทาน เมนูจากกัญชา และเมนูสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

แต่ละเมนูมาพร้อมกับความเป็นมา คุณประโยชน์ของวัตถุดิบ และวิธีการทำเช่น แกงไก่ขมิ้นซึ่งขมิ้นนั้นมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ฉู่ฉี่มะระขี้นกที่ให้วิตามินซีสูงส่วนเมนูจากใบกัญชานั้นมีให้เลือกถึง 10 เมนูด้วยกัน อาทิ ขนมปังหน้าหมูกัญชา, ข้าวยำกัญชา และ บัวลอยกัญชา ตบท้ายด้วยเมนูเพื่อสุขภาพ เช่น เบอร์เกอร์ลาบหมูที่ได้คุณประโยชน์จากสมุนไพรที่หลากหลาย เช่น วิตามินซีจากมะนาว ผักชีฝรั่งที่ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด พริกป่นช่วยลดน้ำมูกและลดเสมหะ และมะเขือเทศซึ่งอุดมด้วยไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

ส่วนใครที่ไม่ถนัดทำอาหาร ทางโครงการได้จับมือกับเชฟระดับเวิร์ลคลาสมารังสรรค์เมนูพิเศษให้สามารถสั่งเมนูพิเศษได้ง่ายมาก ได้แก่

Thai Taste Therapy

เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งร้านอาหาร Blue Elephant 7 สาขาทั้งในและต่างประเทศ เป็นหนึ่งในเชฟที่เข้าร่วมโครงการพร้อมเมนูขึ้นชื่อของไทยอย่าง “ต้มยำกุ้ง” ที่มีทั้งคุณประโยชน์จาก กุ้ง ในการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ข่า มีส่วนช่วยป้องกันอาการแพ้ การอักเสบและเชื้อไวรัส รวมถึง เห็ดฟาง ที่มีประโยชน์ด้านป้องกันการเจริญเติบโตของไวรัสที่ทําให้เกิดไข้หวัดใหญ่

เชฟเอ็กซ์-อรรถพล ไนโต ถังทอง จากโรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ได้สร้างสรรค์เมนูฟิวชันอย่าง “สปาเกตตีน้ำพริกอ่องกระชาย” เสิร์ฟความอร่อยพร้อมคุณประโยชน์ในจานอาหารอย่าง กระชาย ที่มีฤทธิ์บรรเทาอาการไอและหวัด ข่า ป้องกันอาการอักเสบแบคทีเรียและเชื้อไวรัส พร้อมมะเขือเทศที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ 

Thai Taste Therapy

เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล เชฟมิชลินสตาร์ เจ้าของร้านผัดไทยไฟทะลุ เลือกใช้วัตถุดิบอย่างกุ้งแชบ๊วยจากประมงเรือเล็กที่อุดมไปด้วยสารอาหารเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมซอสที่มีหัวใจหลักอย่าง มะขามเปียก ที่มีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายออกมาเป็นเมนู “กุ้งซอสมะขามสมุนไพรไทย” อีกหนึ่งเมนูทานง่ายได้รสชาติแบบไทย 

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูและผลิตภัณฑ์ในโครงการที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือบุฟเฟต์เมนูอาหารไทย ตามคอนเซปต์ “อาหารไทย เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก” ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ห้องอาหาร พระยา คิทเช่น จะเปิดให้บริการตลอดเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งโดยภาพรวมความตั้งใจใหญ่ของโครงการนี้คือการสื่อสารเรื่องราวอาหารไทยสู่ทั่วโลกในมิติของการส่งเสริมสุขภาพต่อไปในอนาคต

Fact File

  • รายละเอียดเพิ่มเติม : www.thaitastetherapy.com หรือ facebook.com/ThaiTasteTherapy 
  • สามารถสั่งอาหารและสินค้าในโครงการ Thai Taste Therapy ได้ที่ช่องทางของร้านโดยตรง หรือทาง Line : @thaitastetherapy